รีวิวหนัง 9-9-81 บอกเล่า 9 ศพ
มันเป็นช่วงเวลากลางวันแสก ๆ ดูหนังออนไลน์ หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเจ้าสาวสีขาว เขียนจดหมายอำลามารดาของตนในห้องพักในตึกเก่า ดูหนังฟรี ก่อนจะทิ้งสารสุดท้ายเอาไว้แล้วเธอก็พาร่างของตนเองในชุดเจ้าสาว คราบน้ำตานั้นทำให้มัสคาร่าเปรอะเปื้อน ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 เธอค่อย ๆ เดินก้าวข้ามบันไดไปจนชั้นดาดฟ้า สล็อตเว็บตรงแตกหนัก ก่อนที่จะทอดกายทิ้งดิ่งลงมาโดยมีพื้นแข็งข้างล่างรองรับเธออยู่และเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดใน รีวิวหนัง 9-9-81 บอกเล่า 9 ศพ รีวิวหนังไทย
9-9-81 หรือ บอกเล่าเก้าศพ เป็นหนังยาวที่นำเสนอเรื่องราวสยองขวัญทั้ง 9 ตอน ตอนละ 9 นาที โดยแต่ละตอนนั้นต่างเชื่อมโยงด้วยเหตุการณ์การฆ่าตัวตายของเจ้าสาว โดยการตายของเธอครั้งนี้ก่อให้เกิดความเรื่องสยองขวัญที่แตกต่างกันไป และเรื่องราวแท้จริงที่ซ่อนอยู่นั้นก็จะได้รับการเล่าผ่านตัวละครหลักทั้ง 9 คนจากหนังสั้น 9 ตอนนี้
แน่นอนว่ามันแนวคิดที่น่าสนใจเป็นที่สุดและก็เหมาะกับหนังสยองขวัญเป็น อย่างดี เพราะหนังสยองขวัญที่ไม่สามารถเดินเรื่องด้วยความแข็งแกร่งเพียงพอมันจะกลาย เป็นมหกรรมจำอวดไปอย่างรวดเร็ว การที่ลดย่นเวลาให้เหลือเพียง 9 นาทีก็เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดไม่น้อย แม้ว่าจะมีข้อเสียเช่นกันอย่างไม่สามารถเล่าเรื่องในระยะเวลาที่พอเหมาะหรือ ไม่สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมออกมาให้สุดได้

แต่อย่างไรก็ตามใน 9-9-81 นั้นก็มีผลงานที่เรียกได้ว่าใช้เวลา 9 นาทีได้อย่างคุ้มค่าจนถึงระดับที่เรียกได้ว่า 9 นาทีนั้นยังมากเกินไป อีกทั้งแนวคิดหลักที่น่าสนใจของเรื่องนี้ก็ไม่สามารถทำออกมาได้อย่างที่หวัง และยิ่งหนำซ้ำมันกลับทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยการที่พยายามจะเล่า เรื่องของตัวเองมากไป

ในความหมายหนึ่งแล้ว การให้ผู้กำกับแต่ละคนมาเล่าเรื่องที่แตกต่างกันโดยมีเส้นเรื่องเส้นเดียว กัน มันน่าจะดูเป็นอิสระ แต่บางทีเราก็เห็นชัดว่ามันดูอิสระมากเกินไปจนหลายต่อหลายครั้งผู้กำกับบาง ตอนใช้วิธีการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ไม่เหมาะกับหนังสยองขวัญ รวมทั้งตัวละครในเนื้อเรื่องหลายตัวที่ไร้ซึ่งความลึกตื้นหนาบางต่อเนื้อ เรื่อง จนกลายเป็นการสร้างความดาดดื่นให้กับเนื้อเรื่องของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนบางครั้ง ในบางตอน เราอยากจะเรียกว่าเป็นหนังสั้นนักศึกษามาก เพราะนอกจากโปรดักชั่นงานภาพที่มีคุณภาพแล้ว การเล่าเรื่องหรือเนื้อหาในแต่ละตอนนั้น ปล่อยเปลี้ยราวกับเรื่องสยองขวัญของเด็กประถมเลยทีเดียว
และปัญหาต่อมาของเรื่องนี้ก็คือ การเล่าเรื่องต่างมุมมองนั้น บางตอนนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไร้ประโยชน์ใด ๆ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยในการส่งเสริมเนื้อหาหรือบรรยากาศแล้ว บางครั้งมันกลับยังทำลายแง่มุมในความน่าสนใจของตัวละครและความลึกลับของ เนื้อเรื่องด้วย เพราะในช่วงแรกของเรื่อง หนังก็ได้ปล่อยเนื้อหาสำคัญอย่างรวดเร็ว และมาในช่วงท้ายของหนังมันก็ไม่สามารถรั้งไว้ด้วยเนื้อเรื่องได้อีกต่อไป จนกระทั่งมันถูก”บีบบังคับ”ให้เดินเรื่องตามที่เส้นเรื่องได้กำหนดเอาไว้ ตั้งแต่แรก และด้วยเหตุนี้ เสน่ห์ของการเล่าเรื่องโดยตอนละผู้กำกับ ตัวละครแต่ละคนก็ค่อย ๆ ถูกบ่อนทำลายไปเรื่อย ๆ
รวมทั้งการเล่าเรื่องที่หลายตอนละม้ายคล้ายคลึงกันจนเราแทบจะไม่เห็นความ แตกต่าง แม้ว่าบางคนจะกำกับตอนของตัวเองได้ออกมาอย่างโดดเด่นมีเอกลักษณ์แต่เมื่อตัว เนื้อหาของมันไม่มีอะไรน่าจดจำแล้ว มันก็เท่านั้น
ที่จริงอาจจะเป็นเพราะเราหวังมากเกินไปในการที่จะได้เห็นเรื่องราวในแง่ มุมที่น่าสนใจ เพราะหนังสยองขวัญบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเหตุผลมากมาย และหนังเรื่องนี้ที่มีเวลาให้แต่ละส่วนโดย 9 นาทีนั้นก็เป็นแนวทางที่เหมาะเจาะ แต่มันกลับกลายเป็นว่า เดิมทีเนื้อหาหลักของมันนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอ หนำซ้ำยังถูกเฉลยไปอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในตอนหลังก็คือการเล่าเรื่องซ้ำโดยใช้ฟุตเตจจาก เรื่องอื่นมาตัดต่อเข้าไปหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้มันเสียความเป็นส่วนตัวในหนังแต่ละเรื่อง และเราก็รู้สึกว่ามันเป็นเพียงแค่หนังยาวเนื้อเรื่องจืด ๆ ที่เรารู้ปมแล้วก็ “อ๋อเหรอ” เท่านั้นเอง
การที่มันเป็นอย่างนี้ไม่ใช่เพราะเนื้อหาไม่แข็งแรง แต่เป็นเพราะการเพิ่มตอนที่ไม่จำเป็นมากเกินไป รวมถึงการเรียงลำดับของตอนและเนื้อหาที่เรียกได้ว่าผิดพลาดมาก จนไป ๆ มา ๆ เราก็ไม่รู้ว่าหนังมีอะไรเล่าให้ฟังอีก เพราะเรารู้เนื้อหาหมดแล้ว เพียงแต่ว่าหนังหยิบเอามาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนกับว่ากลัวคนดูไม่เข้าใจ เนื้อเรื่องหรือว่าเสียดายก็ไม่อาจทราบได้ และยิ่งไม่นับตอนสุดท้ายที่ปิดอย่างร้ายกาจที่เรียกได้ว่าความรู้สึกที่มี ต่อหนังนั้นพังลงครืนจนไม่เหลือชิ้นดี

อย่างไรก็ดี หนังเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เป็นหนังเลวชั้นต่ำแต่อย่างไร ทางด้านคุณภาพของหนังก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่มากนัก และเวลา 9 นาทีที่หนังให้มาก็กำลังพอเหมาะพอดี เรียกได้ว่าเสมอตัวเสียมากกว่า เพราะก่อนที่หนังมันจะเลวร้ายไปกว่านี้ พอหมดเวลา 9 นาที ทุกอย่างก็จบลงแล้วไม่ต้องทนทุกข์ทรมานใด ๆ ให้มากมาย
และดูเหมือนว่ามันจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ท่ามกลางกองหนังที่มีงาน ดีงานร้ายปน ๆ กัน จะต้องมีตอนใดตอนหนึ่งที่โดดเด่นออกมาเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับใน 9-9-81 ก็มีหลายตอนที่มีคุณภาพเหนรือมาตรฐานรวมถึงงานที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในเรื่อง
“ทหารเก่า” ซึ่งเป็นตอนลำดับที่ 8 นั้นเป็นหนึ่งในนั้น สิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนอกจากจะเป็นบรรยากาศที่ชวนขนลุกขนพองแล้ว มันยังสื่อเนื้อหาได้อย่างดีเยี่ยมและน่าสนใจ มีประเด็นและแนวคิดที่ชัดเจน ในตอน ทหารเก่า เป็นเรื่องราวที่เล่าผ่านมุมมองของพ่อเจ้าสาว หลังจากผ่านตอน “แม่เจ้าสาว” ในตอนที่ 6 มาแล้ว หากมองในเนื้อเรื่องแล้วมันเองก็ไม่ได้มีอะไรที่เฉลยให้เราเพิ่มเติมมากนัก อีกทั้งยังเป็นหมือนตอนต่อจาก “แม่เจ้าสาว” มากกว่าเป็นเรื่องในตัวเอง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังแข็งแกร่งเพียงพอจนสามารถที่จะเป็นตอนสุดท้ายของ เรื่องนี้ได้เลย
ส่วนอีกตอนที่น่าประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นเรื่อง “เจ้าบ่าว” ที่ว่าด้วยอพาร์ตเมนท์แห่งนี้ตัดสินใจทำพิธีขับไล่ดวงวิญญานของผีเจ้าสาวออก ไปโดยการจัดงานแต่งหลอก ๆ ให้ โดยเจ้าบ่าวอาสาสมัครนั้นคือเพื่อนร่วมอพาร์ทเมนท์ของเจ้าสาวซึ่งเขาเองก็ แอบชอบมานานแล้ว
นอกจากบรรยากาศและการเล่าเรื่องที่ชวนขนลุกโดยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง ตูมตามในการเร้าอารมณ์ กลับกันผู้กำกับค่อย ๆ ปูพื้นอารมณ์ของตัวละครอย่างช้า ๆ องค์ประกอบแปลกประหลาดที่ชวนสะพรึงและฉากสยองขวัญที่เรียกได้ว่าเป็นฉากที่ น่ากลัวและดีที่สุดในเรื่องก็คือฉากระเบียงทางเดิน ที่ไม่จำเป็นต้องการบทพูดหรือเสียงใด ๆ เพียงแค่ความเนิบนาบเชื่องช้าของมันพร้อมกับแสงไฟกระพริบสลัวมันก็ทำให้ภาพ ที่เราพอจะคาดเดาได้ไม่ยากนั้น มีพลังมากมายเหลือเกิน
แต่น่าเสียดายที่ทั้งหมดนั้นกลับปิดท้ายได้ไม่สวยนักกับ “หมาแก่” ที่เรียกได้ว่าหลุดแหกแหวกโค้งมากที่สุด มันไม่ได้ผิดที่ดำเนินเรื่องในรูปแบบการสืบสวนสอบสวน แต่มันอาจจะผิดที่สุดที่มันเป็นเรื่องปิดท้าย เพราะมันเลือกที่จะเล่าเรื่องที่เรารู้อยู่แล้วเหมือนกับว่าต้องการบทสรุป ซึ่งผู้ชมไม่คิดที่จะต้องการ อีกทั้งองค์ประกอบในหนังเรื่องนี้ยังหงุดหงิดน่ารำคาญและซ้ำซากจนน่าเบื่อ ที่จริงหาตัดต่อเเรื่องที่ 9 ใหม่แล้วนำไปเป็นเรื่องแรกแทนแล้วมันอาจจะเข้าเค้ามากกว่านี้
เพราะฉะนั้นจนเราเองก็อดคิดไม่ได้ว่าหากมีการคิดใหม่ทำใหม่ของแกนเรื่อง ที่มีอิสระและมีแง่มุมหรือมิติที่น่าสนใจมากกว่านี้ พลังของหนังคงจะเพิ่มขึ้นอย่างมากล้นและคงจะไม่จบลงโดยที่ผู้ชมนั้นไม่ รู้สึกอะไรเลย

2 วันมานี้ข้าเจ้าว่างมาก ไหนจะเพิ่งเปิดปีใหม่ งานการยังไม่เยอะ เลยจัดการค้นหาหนังในยูทูปดู เป็นหนังไทย 2 เรื่องที่เลือกที่จะไม่ไปดูในโรงในปีที่แล้ว เป็นหนังไทยค่ายเล็กๆ 2 เรื่อง 2 แนวที่แตกต่างกันไปเลย เรื่องหนึ่งเป็นหนังผีสุดแหวกแนว อีกเรื่องเป็นหนังรัก 3 วัย เรื่องแรกรีวิวใน Entry นี้ ส่วนเรื่องที่สองคือ รักแรกกระแทกจิ้น (Virgin Am I)
ว่าด้วยหนังเรื่องแรกก่อนคือ (บอก-เล่า-๙-ศพ) แค่ชื่อเรื่องก็รู้ว่าไม่น่าจะเป็นหนังรักแล้วล่ะครับ เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษที่เจ๋งมากๆ ว่า 9-9-81เป็นหนังยาวที่ประกอบไปด้วยหนังสั้น 9 เรื่อง เรื่องละ 9 นาที รวมเป็น 81 นาที (ซึ่งพอไปดูจริงๆ ก็บวกไตเติ้ลเกริ่นนำเรื่องอีก 3 นาที และเครดิตอีกประมาณเกือบ 10 นาที รวมเวลาประมาณ 95 นาที = =)
หนังสั้นพวกนี้คืออะไร ก็คือหนังสั้น 9 เรื่องที่กำกับโดยผู้กำกับทั้งหมด 12 คน (แบ่งกันทำตอนละคนสองคนนะ) ซึ่งหนังสั้นเหล่านี้มีเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่ต่างกันที่มุมมองของตัวละครที่เผชิญกับเรื่องราวนั้น นับว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างแปลกเลยทีเดียว (ก็ทำให้นึกถึงหนังฝรั่งเรื่อง Vantage Point นะ ที่เล่าเรื่องผ่านคน 8 คน) ผู้กำกับก็ไม่ใช่ไก่กานะ มีผลงานค่อนข้างดีพอสมควร (แต่ไหงทำไมข้าเจ้าไม่รู้จักเลยสักคนวะ) นักแสดงก็ไม่คุ้นเคยเหมือนกัน ง่ะ = =)
3 นาทีแรกคือบทนำของหนังที่เล่าเรื่องของวิภาวรรณ เจ้าสาวที่กำลังจะแต่งงาน เธอสวมชุดเจ้าสาว แต่งหน้า ทาปาก เขียนจดหมายวางทิ้งไว้บนโต๊ะที่ห้องของเะอในอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่ง กล้องค่อยๆ แพนตามเธอเดินออกจากห้อง เดินขึ้นบันไดไปจนถึงดาดฟ้า ทั้งที่มันควรจะเป็นดาดฟ้าวันปกติ เป็นดาดฟ้าในวันที่ทุกคนดำเนินชีวิตไปอย่างนั้น จนกระทั่งเธอปีนขึ้นไปยังขอบตึก และทิ้งร่างที่มีน้ำหนักลงไป…

แล้วจึงเป็นหน้าที่ของหนังสั้นทั้ง 9 เรื่อง ที่ได้ทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์ สยองขวัญ 9 เรื่อง ที่เกิดขึ้นกับคน 9 คน คือ
“หนุ่มกลัดมัน” เรื่องของ หยอย – เด็กส่งข้าวในอพาร์ทเม้นท์
“เพื่อนสนิท” เรื่องของ นง – เพื่อนที่วิภาวีไว้ใจที่สุด
“ผู้เช่าใหม่” เรื่องของ ศักดิ์ชาย – ผู้เช่าห้องคนใหม่ ที่พบเบาะแสสำคัญ
“คนรักเก่า” เรื่องของ ก้อง – คนรักที่พยายามสลัดรักวิภาวี
“แม่บ้าน” เรื่องของ ป้าเดือน – แม่บ้านประจำตึก ที่อาศัยความเฮี้ยนของวิภาวีให้เป็นประโยชน์โดยเข้าไปขอหวย
“แม่เจ้าสาว” เรื่องของ กิม – แม่ของวิภาวีที่ทำใจไม่ได้กับการสูญเสีย
“เจ้าบ่าว” เรื่องของ ต้อย – ชายข้างห้องที่แอบหลงรักวิภาวี
“ทหารเก่า” เรื่องของ อุดม – พ่อผู้ไม่รู้อะไรเลยในเรื่องของลูก
“หมาแก่” เรื่องของ พจน์ – สายสืบขี้ยา ที่พยายามจะสืบหาความจริง…
เรื่องของคนทั้ง 9 ล้วนเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิญญาณของวิภาวี โดยตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มากบ้างน้อยบ้าง แต่ทั้งหมดจะนำไปสู่บทสรุปที่ดำมืด และปริศนาการตายของคนที่เกี่ยวข้องกับวิภาวี อีกหลายต่อหลายคนหลังจากนั้น รีวิวหนัง 9-9-81 บอกเล่า 9 ศพ

ส่วนตัวดูจบแล้วค่อนข้างชอบในไอเดียเลยที่ตีแผ่เรื่องราวต่างๆให้ออกมากระชับฉับ ไวมาก การที่หนังสั้นหลายผู้กำกับอาจจะทำให้เกิดสไตล์ภาพที่แตกต่างกันซึ่งอาจทำ ให้ผู้ชมเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน แต่ด้วยการควบคุมที่ดี ทำให้อารมณ์ของหนังค่อนข้างจะเป็นไปในทางเดียวกัน ทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก และปริศนาในเรื่องที่เราต้องเอามาต่อกันเอง แต่หนังเหมือนจะจงใจเฉลยมากไปหน่อยจนไม่ค่อยได้คิดมากเท่าที่ควร
ภาพเน้นโทนสีฟ้าดำมองไม่ค่อยเห็น (ขนาดโหลดเป็น HD มาแล้วนะ = =) ความหลอนนี่พอใช้ได้เลย ความเป็นเหตุผลนี่ก็ตามสไตล์หนังผีครับ มีบ้างไม่ค่อยมีบ้าง แต่นี่ก็คือหนังผีแนวใหม่ครับ ที่ไม่ได้เน้นฉากตุ้งแช่เท่าไร (มุกการหลอกของผีนี่ดูเด็กน้อยไปหน่อย) หนังไปเน้นที่ส่วนเหตุผลและเนื้อเรื่องมากกว่า ถึงกระนั้นพอดูจบก้เอาออกมาคิดต่อได้ครับว่าตกลงแล้วเรื่องมันเปิดอะไรขึ้น ก็ได้เห็นความรักและความแค้นในอีกรูปแบบนึงเลยทีเดียว
จุดที่ชอบ
– การที่ซอยเรื่องราวออกมาเป็นหนังสั้นเป็นความแปลกใหม่ของวงการหนังไทย
– ความหลอนที่หนังสร้างบรรยากาศออกมาได้ค่อนข้างดี
– นักแสดงก็มีส่วนช่วยค่อนข้างมากในบางตอนของหนัง
จุดอ่อน
– บางตอนของเรื่องเหมือนเป็นส่วนเติมเต็มของหนัง ไม่ค่อยมีความสำคัญกับเนื้อเรื่อง แต่น่าจะใส่มาเพื่อปรับอารมณ์ผู้ชมบ้าง
– ภาพโทนสีฟ้าไปทางดำ มืดจนมองแทบไม่ค่อยเห็น = =
– บางตอนก็ขาดๆ บางตอนก็เกินๆ
– หนังจงใจเฉลยเรื่องมากเกินไปในตอนแรกๆ ทำให้ในตอนท้ายๆ หนังก็เลยทำได้แค่ เอาเรื่องที่เฉลยไปแล้วมาสรุปใหม่พร้อมให้ส่วนประกอบเพิ่มเติม
ส่วนคนที่ไปดูมาแล้วอยากจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนเชิญช่วยกันใช้พื้นที่คอมเมนท์ข้างล่างให้เกิดประโยชน์ครับ อย่าปล่อยให้ทิ้งร้างจะเป็นพระคุณอย่างสูง