รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท

ไม่ว่าจะผ่านมานานเท่าไหร่ แต่จนถึงกระทั่งปัจจุปันนี้ เซ็กซ์ยังคงเป็นสิ่งที่สื่อต่าง ๆ ขยาดที่จะนำเสนอออกมาตรง ๆ และอย่างชัดเจน เซ็กซ์คือสัญลักษณ์ของความรัก การให้กำเนิดชีวิต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความรู้สึกที่เพียบพร้อมและดีงาม หากแต่อีกด้านหนึ่งแล้ว ความจริงที่ว่าเซ็กซ์เกิดมาจากราคะตัณหาของมนุษย์ก็คงจะเป็นสิ่งที่มาสามารถหลีกหนีได้ แต่ถึงกระนั้น เรื่องราวของเซ็กซ์และความสัมพันธ์ทางกายที่เปี่ยมด้วยตัณหานั้นก็ยังถูกจัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำในสื่อทั้งปวงและจะถูกจัดอยู่ในจำพวกความหยาบช้าสามานย์เหมือนกับหนังโป๊ประเภทต่าง ๆ มากมาย รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท รีวิวหนังไทย

ดูหนังฟรี อันที่จริงหากพินิจพิจารณาแล้ว จัน ดารา ก็สามารถจับพลัดจับผลูไปอยู่ในหนังประเภทนั้นได้ไม่ยากนัก หากเพียงแต่ความต่างมันอยู่ที่ว่าเนื้อเรื่องของการดำเนินเรื่องที่มีมากกว่าและช่วยนำพาผู้ชมไปพบกับฉากเสพสังวาสที่ดมีความหมายมากกว่าฉากกระตุ้นต่อมสัญชาติญานทางเพศเพียงเท่านั้น ดูหนังออนไลน์
แต่ถึงกระนั้น จัน ดารา ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่แต่อย่างใด ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022
รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท

เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เกิดในบ้านใหญ่ท่ามกลางความเกลียดชังของผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะต้องเผชิญกับความโสมมและเรื่องราวของตัณหาที่ไร้ทางออกเมื่อโตขึ้นเป็นชายหนุ่ม ก่อนที่เรื่องราวจะเลวร้ายเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด แค่มองผ่านก็สามารถบอกได้แล้วเลยว่า เนื้อหาของ จันดารา นั้นก็ไม่ได้ต่างจากละครหลังข่าวแต่อย่างใด

และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือความเป็นละครหลังข่าวของมันกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่แกนเรื่อง แม้ว่าจะพยายามทำให้ตัวละครมีความเป็นคนแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากแกนเรื่องที่ตัวหนังกำหนดให้ไปเดินเนื้อเรื่องตามที่ต้องการได้เลย แม้แต่ฉากเสพสังสวาสที่มักจะถูกนำมาใช้ในโลกของภาพยนตร์เพื่อสะท้อนสภาพจิตใจและเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครก็ดูเป็นการเพียงแค่ฉากสวยงามอันวิจิตรเพียงเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มมิติด้านลึกของตัวละครเพียงแต่อย่างใด
แม้กระทั่งตัวของ จัน ดารา ตัวละครหลักของเรื่องที่ควรจะมีความลึกและมิติของตัวละครมากที่สุด ก็สามารถคลี่คลายปมชีวิตและการกระทำของตัละครได้ในประโยคเดียวในตัวอย่างภาพยนตร์ว่า “เพราะดังนั้น ผมจึงต้องการความรักจากอิสตรี” และสุดท้ายเราก็ได้ปัจจัยที่ดาษดื่นเพิ่มขึ้นมาอีกสิ่งหนึ่ง
ที่จริงแล้วจัน ดารานั้นก็ไม่ใช่หนังที่ชั่วร้ายหรือทำอะไรผิดแต่อย่างใด หากเพียงแต่ว่ามันเชยจนเกินกว่ายุคสมัย แม้จะนำมาเล่ายังไงมันก็ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากกรอบดั้งเดิมที่แข็งแกร่งได้ จุดเด่นที่ยกระดับของหนังเรื่องนี้ไม่ให้จมอยู่แค่ความเป็นหนังแผ่นหรือหนังชั้นสามก็คงจะเป็นความวิจิตรของงานสร้าง การกำกับเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนหยดย้อย ภาพที่นำเสนอออกมาอย่างสวยงามและดูมีความเป็นศิลปะมากกว่ายั่วยุทางอารมณ์

ในฉบับปัจจุปันนี้ จัน ดารา ได้ถูกแยกออกเป็นสองบท โดยเนื้อเรื่องของภาคปฐมบทนั้นจะเล่าเรื่องราวตั้งแต่การกำเนิดของจัน ไปจนถึงจุดแตกหักทางเนื้อเรื่อง เวลาที่หนังใช้ไปก็ไปอยู่ที่การเล่าถึงอย่างตัวละครต่าง ๆ อย่างละเอียดลออและชมภาพความสวยงามที่หนังถ่ายทอดออกมาอย่างละเมียดละไม

รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท
เพราะเช่นนั้นแล้ว จัน ดารา จึงเป็นภาพยนตร์ที่ดูได้เรื่อย ๆ และมันเรื่อย ๆ จนเราอดคิดไม่ได้ว่าหากนำมันมัดเป็นสี่หรือห้าส่วนแล้วนำมาฉายลงโทรทัศนเราก็จะได้ละครโทรทัศน์อันวิจิตรและคุณภาพสูงพ่วงด้วยฉากติดเรทที่ไม่สามารถออกอากศได้หนึ่งเรื่อง แม้ระหว่างทางนั้นเนื้อเรื่องจะดำเนินด้วยหลากหลายอารมณ์ทั้งความสนุกสนาน ความเศร้า หรือ ความสะเทือนใจ แต่ด้วยเนื้อหาที่มีอารมณ์เหมือนดูตัวละครประเภทนางเอกลำเค็ญที่ต้องรอไปถึงจนจุดสุดท้ายจนกว่าจะได้ตบคืนนางร้าย มันก็เหมือนกับความรู้สึกปราดเดียวที่ปะทุขึ้นมาและจางหายไปอย่างรวดเร็ว จนอดรู้สึกไม่ได้ว่ามันไม่เหลืออะไรให้เราจดจำ
นอกเหนือจากนี้สิ่งที่อดชื่นชมไม่ได้ก็คือเหล่านักแสดงที่โดยรวมแล้วก็สามารถทำหน้าที่ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจจนถึงดีมาก และนี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่สามารถดึงรั้งผู้ชมเอาไว้กับหนังได้ยาวนานในอีกระดับหนึ่ง
เกือบลืมไปอย่างหนึ่ง จัน ดารา เองนั้นก็มีเบื้องหลังของฉากการเมืองที่วุ่นวาย การเปรียบเปรยเรื่องราวในบ้านวิสนันท์เป็นเหมือนฉากการเมืองในช่วงแรกนั้นน่าสนใจจนสามารถเอาไปทาบซ้อนกับฉากหลังของเรื่องได้ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก แม้กระทั่งการบอกข้อความอะไรบางอย่างที่โจ่งแจ้งชัดเจน จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจนี้เกิดขึ้นมาเพราะเกี่ยวข้องกับตัวเนื้อหาหรือว่าเป็นข้อความที่ผู้กำกับต้องการจะแทรกถึงเอาไว้เฉย ๆ กันแน่

เป็นหนังที่มีข่าวออกมาตั้งแต่หนังจะเริ่มสร้าง ว่าจะมีดาราคนนู้น คนนี้ มารับบทเป็น ตัวละครนู้น ตัวละครนี้ แล้วไหนจะฉากถูน้ำแข็งในตำนานอีกนานา และในวันนี้หนังเรื่อง จันดารา ในฉบับของ หม่อมน้อย ก็ได้ออกมาสู่สายตาประชาชนแล้ว แต่จะเป็นการแยกเป็น 2 ภาค และนี่คือภาคแรกในชื่อภาคว่า ปฐมบท

เวอร์ชั่นดัดแปลงโดยหม่อมน้อยนี้ เป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมและกิเลสแห่งกาม สะท้อนภาพผลกรรมของมนุษย์ผู้ไร้เดียงสาที่ถูกสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการ แสวงหา ?อำนาจ? ทั้งใน ?สมบัติ? และ ?กามคุณ? หล่อหลอมจนจิตใจเต็มไปด้วย ?กิเลส? และ ?ตัณหาราคะ? อันก่อให้เกิด ?เปลวไฟแห่งความแค้น?
ที่เผาผลาญชีวิตรอบข้างและตนเองให้มอดไหม้จนกลายเป็นเถ้าธุลีเลยโศกนาฏกรรม ชีวิตของ ?จัน ดารา? แวดล้อมไปด้วยผู้คนรอบข้างที่สะท้อนมวลอารมณ์แห่งความรัก ความชัง ความใคร่ ความเคียดแค้น และการจดจำเอาเยี่ยงอย่างมาสู่การดำเนินชีวิตของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของความเป็นมนุษย์อันน่าสมเพชจนนำ ไปสู่หายนะอย่างแท้จริง ทั้งชีวิตของเขา และชีวิตของคนที่เราไปร่วมมีเพศสัมพันธ์ด้วยเช่นเดียวกันครับ
รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท
จันดารา ปฐมบท เป็นการกำกับการแสดงของ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า หม่อมน้อย ชื่อที่คนไทยคงรู้จักกันดีจากหนังไทยย้อนยุคแนวพีเรียดอย่าง ชั่วฟ้าดินสลาย หรือแม้แต่ที่เพิ่งผ่านไปอย่าง อุโมงค์ผาเมือง โดยในหนังเรื่องใหม่ของ หม่อมน้อย อย่าง จันดารา ที่ไปหยิบเอา นิยายแนว อีโรติค เล่มแรกๆของไทยมาดัดแปลงเป็นหนังนั้นก็ยังคงไม่ทิ้งลายเซ็นความเป็น หนังพีเรียด อีกเช่นเคย ซึ่งก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยได้อ่านนิยาย หรือแม้แต่ดูหนังเรื่อง จัน ดารา ในฉบับของผู้กำกับ อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร มาก่อนเลยสักนิด เพราะฉะนั้น จันดารา ปฐมบท จึงเป็นหนังที่ทำให้ผมได้รู้จักกับเรื่องราวของ จันดารา เป็นครั้งแรกนั้นเองครับ ซึ่งถ้าหากเราพูดถึงชื่อของผู้กำกับ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล หลายคนก็คงพูดถึงด้าน เครื่องแต่งกาย
และในด้านของฉาก พร้อมกับดนตรีประกอบ ที่สามารถทำออกมาได้สวยงามจนกวาดไปแทบทุกรางวัลตั้งแต่ ชั่วฟ้าดินสลาย ซึ่งใน จันดารา ปฐมบท นั้นก็ไม่ต่างกันนัก เพราะถึงแม้ว่าในด้านของ เครื่องแต่งกาย และ ฉากหลังของกรุงเทพ อาจจะไม่ได้ดีเลิศเท่ากับ ชั่วฟ้าดินสลาย หรือ อุโมงค์ผาเมือง แต่ใน จันดารา ปฐมบท ก็ได้เป็นเครื่องตอกย้ำเพื่อพิสูจน์ให้คนดูได้เห็นแล้วว่าผู้กำกับ หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นผู้กำกับที่ใส่ใจในด้านเครื่องแต่งกาย และ ฉาก มาเป็นอันดับหนึ่ง โดยการเซ็ทเครื่องแต่งกายแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างสวยงาม และน่าหลงใหลไม่ต่างกับ ดนตรีประกอบ ที่คลออารมณ์ความละเมียดเบาๆ
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่ผมดูแล้วรู้สึกชอบมากที่สุดใน จันดารา เพราะที่เหลือนอกจากนั้นผมกลับรู้สึกว่าผู้กำกับ หม่อมน้อย ใส่เข้ามาเยอะไปหน่อย โดยเฉพาะในเรื่องประเด็น ‘กิเลสในกาม’ ที่โดยส่วนตัวผมก็รู้ว่าตัวหนังต้องการจะให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วม และมีความลุ่มหลงไปใน กาม เช่นเดียวกับตัวละครทั้งหลายในหนัง และพยายามจะปิดท้ายด้วยการสอนคนดูว่า ‘บางทีการที่เราลุ่มหลงในบางสิ่งมากเกินไปก็อาจจะเป็นภัยแก่ตัวเอง’ โดยการใส่ฉาก เซ็กส์แรงๆ เข้ามาทุกๆ 10 นาทีในเรื่อง จนบางครั้งบางคราวผมกลับรู้สึกว่ามันมากเกินไป และตัวหนังพยายามจะทำให้ตัวเรื่องของมันเองแรงมากกว่าจะจงใจถ่ายทอดฉากนั้นให้เป็นประเด็นให้คนดูไปคิดต่อ ซึ่งในอีกด้านที่ทำให้ จันดารา ปฐมบท ยังดูไม่น่าประทับใจนักคงเป็นการผู้กำกับใส่ฉากอารมณ์ขันมามากไปนะ
โดยถึงแม้ว่าฉากเหล่านั้นมันจะ ตลก และทำให้คนดูขำได้มากเพียงใดก็ตาม แต่ในเมื่อตัวเนื้อหลักของมันกลับอุดมไปด้วย ความเข้มข้น ฉากตลกเหล่านั้นที่หนังใส่เข้ามามันจึงแลดูไม่เหมาะนักกับหนังที่เนื้อในมันซีเรียสเช่นนี้ แต่สิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดของ จันดารา ปฐมบท กลับไม่ใช่ด้านบทและเนื้อหาที่ยังไม่เข้มข้นพอ แต่กลับเป็นด้านของ การแสดง ที่ถึงแม้จะขนมาทั้ง มาริโอ้ , ญาญ่า หญิง หรือแม้แต่ พิงกี้ สาวิกา แต่กลับไม่ได้ช่วยดึงให้ตัวหนังดูดีขึ้นมาเลยสักนิด

โดยเฉพาะในหลายๆฉากที่ให้อารมณ์เหมือนนักแสดงยืนท่องบทยังไงยังงั้น ซึ่งคนที่สามารถเชิดหน้าชูตาหนังได้ดีมากที่สุดดันกลับเป็น ตั๊ก บงกช ในบท น้าวาด ที่ทุ่มทุนทั้งด้านของการแสดงในฉากอารมณ์ และ ฉากอีโรติค ได้อย่างน่าประทับใจ เสียมากกว่า มาริโอ้ ที่คาแรกเตอร์ จัน ดารา แลดูไม่เหมาะกับเขาอย่างยิ่ง รีวิวหนัง จันดารา ปฐมบท

เพราะฉะนั้นโดยสรุปแล้วในความเห็นของผมนั้น จันดารา ปฐมบท จึงเหมือนกับเป็นหนังไทยที่มันให้อารมณ์คล้าย ละครหลังข่าว ที่ยกระดับด้าน โปรดักชั่น และ นักแสดง มากกว่าจะเป็นหนังใหญ่ฉายโรง และผมกลับชอบผลงานเก่าของผู้กำกับ อย่าง ชั่วฟ้าดินสลาย และ อุโมงค์ผาเมือง มากกว่าอยู่หลายเท่าครับ
ตัวละครที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่าง เคน การแสดงของ ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต ดูโดดเด่นเกินหน้าบท จัน ที่เล่นโดย มาริโอ้ เสียอีก เพราะ จัน ในฉบับปฐมบทน่าเห็นใจ แถมตัวละครก็ดูเป็นคนจิตใจดี ซึ่งต่างจากฉบับวรรณกรรมมาก จนมองไม่เห็นว่าในอนาคตเขาจะกลับมาแก้แค้นพ่อได้ ที่น่าชื่นชมที่สุดเห็นจะเป็น ศักราช ฤกษ์ธำรงค์ ในบท หลวงวิสนันท์เดชา ที่มีความชิงชังอยู่ในแววตา แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดได้สมจริงทำให้ผู้ชมเกลียดชังในความเลวของเขา อีกคนที่รักษามาตรฐานได้ดีคือ ตั๊ก บงกช เธอสามารถถ่ายทอดความน่าสงสารของน้าสาวได้ดี
ฉากนํ้าแข็งถูหลังที่เป็นไคลเม็กซ์ของเรื่องถูกลดทอนเนื้อหา จนทำให้โครงเรื่องบิดไปมาก ไม่รู้ว่าผู้กำกับต้องการนำเสนอในทางที่แตกต่าง หรือภาพของนักแสดงคือ ญาญ่าหญิง ที่ดูไม่แรงเหมือน คุณบุญเลื่องฉบับนนทรีย์จึงหลีกเลี่ยงการถูกเปรียบเทียบ กระนั้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลดี เนื่องจากทำให้ความหนักแน่นของหนังลดฮวบลง