รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่

ดูหนังออนไลน์ ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของ ตุ๋ย-พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับที่ฝากผลงานไว้กับแฟรนไชส์ไบค์แมน และ อีเรียมซิ่ง ซึ่งคราวนี้ก็กลับมาพร้อมภาพยนตร์คอมเมดี้ในสไตล์ที่เขาถนัด พร้อมเสิร์ฟคนดูในแบบ 5 คู่ 5 เรื่องราว และ 5 รสชาติ โดยเป็นการร่วมมืองานสร้างระหว่าง เอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ (M39 Pictures) และ ไท เมเจอร์ (TAI MAJOR) รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่ รีวิวหนังไทย

 

ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 ใจฟู สตอรี่ เป็นหนังรักที่มีเนื้อหาแบบเรื่องสั้นจบในตอน ซึ่งแทรกไว้ในภาพยนตร์ขนาดยาวอีกที โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ‘เดี่ยว’ (แสดงโดย พีช-พชร จิราธิวัฒน์) นักเขียนบทภาพยนตร์ผู้กำลังมาเฝ้าแม่ที่ป่วยหนัก ต้องปั่นบทหนังให้ทันก่อนจะถึงเดดไลน์ ในระหว่างนั้นเขาได้รู้จักกับ ‘บัว’ (แสดงโดย มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร)ครูสอนเปียโนที่มาเฝ้าคนไข้ที่โรงพยาบาล เดี่ยวจึงให้บัวได้ดูบทหนังที่รักที่เขาเขียนขึ้น และเรื่องราวในตอนที่ 1 ‘คนแปลกหน้า’ จึงเริ่มขึ้นนับแต่นั้น ต่อมาคือเรื่องราวตอนที่ 2 ‘คนตรงข้าม’ ดูหนังฟรี

รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่

เล่าถึงหนุ่มสาวในคอนโดคู่หนึ่งที่รู้จักกันแบบ Social distancing จนพัฒนาความสัมพันธ์ไปถึงจุดที่กลับตัวไม่ได้ และตอนที่ 3 เรื่อง ‘คนข้างบ้าน’ ที่บอกเล่าเรื่องราวปั๊บปีเลิฟของคู่หนุ่มสาวมัธยม ซึ่งเล่าถึงความห่างไกลในระยะความสัมพันธ์ จากนั้นก็มาถึงตอนที่ 4 ‘คนที่เกลียด’ ซึ่งเป็นเรื่องราวของหนุ่มเดลิเวอรีที่บังเอิญพบว่า คู่แข่งที่ซิ่งกับเขาอยู่เป็นประจำก็คือสาวลึกลับที่รู้จักตัวตนเขาทุกอย่าง และตอนสุดท้ายอย่าง ‘คนแอบชอบ’ เป็นเรื่องราวของหนุ่มร้านสะดวกซื้อที่แอบชอบพยาบาล แต่อนิจจาเธอดันมีคนที่ชอบแล้วซะงั้น โดยรักวุ่น ๆ ทั้ง 5 เรื่องนี้ก็ร้อยเรียงกัน จนเป็นเรื่องราวของใจฟูสตอรี่ขึ้นมา

หลังจากอ่านเรื่องย่อแล้ว ความรู้สึกแรกเลย ผู้เขียนคิดว่าหนังน่าจะออกมาคล้าย ๆ กับ ภาพยนตร์ตระกูล ‘สคส. สวีทตี้’ ที่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนหลายคู่มาพัวพัน และมีตัวละครจากตอนก่อน ๆ โผล่เข้าซีนมาเป็นอีสเตอร์เอ้กบ้าง แต่ทว่า เมื่อไปดูจริง ๆ กลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะแต่ละตอนค่อนข้างเป็นแยกเนื้อหาเป็นเอกเทศไม่เกี่ยวข้องกัน มีเพียงในส่วนของพรอปประกอบฉาก ที่พอทำให้เดาได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งอยู่ในโลกเดียวกัน

รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่

สิ่งแรกที่ขอชมคือมุกตลกอันเฉียบคมของคุณตุ๋ยผู้กำกับ จากการขัดเกลาตัวเองในการกำกับเรื่องก่อน ๆ ก็ทำให้เรื่องนี้มีจังหวะคอมเมดี้โบ๊ะบ๊ะที่เป็นเอกลักษณ์ และการได้ทีมนักแสดงอันเก่งกาจอยู่ในเรื่องก็ช่วยขับความตลกธรรมชาติ ออกมาได้ถูกจังหวะมากขึ้น เมื่อมองไปที่ภาพรวมของหนัง เราก็จะพบว่าใจฟูสตอรี่หนังมีองค์ประกอบศิลป์ที่งดงามมาก ๆ เพราะพร็อพประกอบและการจัดฉากในเรื่อง ถูกบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน ซึ่งองค์ประกอบศิลป์ที่ดีจะทำให้จะทำให้คนดูรู้สึกเชื่อมโยงกับหนังได้มากขึ้น เช่น ในตอนคนตรงข้าม ที่นางเอกต้องกักตัวอยู่ในห้อง

เราจะเห็นได้ว่าตัวละครมีการใส่เสื้อเก่า ๆ เพราะไม่ได้ออกไปไหน ซึ่งทำให้เราเข้าใจเลยว่าทีมอาร์ตเรื่องนี้ใส่ใจถึงความสมจริงเป็นอย่างดี หรือจะเป็นตอน คนข้างบ้าน ที่ให้พระเอกตัดผมรองทรง ซึ่งเป็นหนังไม่กี่เรื่องที่ใส่ใจถึงดีเทลทรงผมจริง ๆ ของเด็กนักเรียน โดยองค์ประกอบเล็ก ๆ เหล่านี้ ผ่านการคิดมาให้เกี่ยวเนื่องกับบทและสถานที่ เป็นสิ่งที่ขับความเป็นธรรมชาติออกมา จนทำให้คนดูอินกับหนังได้มากขึ้น

และที่ไม่ชมไม่ได้เลย คือฝีมือการกำกับภาพที่บรรจงวางเฟรมการถ่ายทำอย่างดีในทุกซีน ทุกจังหวะใช้เทคนิคการเล่นกับมุมกล้องได้ดี ถ้าใครชอบหนังภาพสวย น่าจะดูเรื่องนี้ได้อย่างเพลิน ๆ เลยล่ะ แต่ทว่าใจฟูสตอรี่ก็มีจุดบอดใหญ่อยู่ที่บทหนัง แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีความหลากหลายของตัวละคร แต่บทกลับมีแต่ความจำเจเต็มไปหมด เช่น ในทุกตอนความสัมพันธ์จะจำกัดที่คู่ชาย-หญิงแค่นั้น แต่ละตอนก็มักจะเปิดเรื่องราวด้วยมุมมองของฝ่ายชาย และค่อยไปเล่าเส้นเรื่องของฝ่ายหญิงทีหลัง ซึ่งทำให้เราเดาแพตเทิร์นได้ไม่ยากเลยว่า แต่ละตอนมันจะเล่าอะไรบ้าง

ประเด็นต่อมาคือบทที่ดูแล้วต้องอุทานว่า ‘อิหยังวะ’ เพราะหนังเลือกที่จะแสดงออกในการนำเสนอแบบปกติ แต่กลับให้ตัวละครเลือกแสดงออกด้วยการกระทำหรือบทพูดที่มีความเป็นการ์ตูนออกมา จนทำให้เรารู้สึกว่าบทหนังค่อนข้าง ’เบียว’ แบบไม่ถูกจังหวะเอามาก ๆ ซึ่งปัญหานี้ก็ส่งผลถึงกลุ่มก้อนสถานการณ์ในเรื่อง เพราะแต่ละตอนในเรื่องเป็นเรื่องสั้น ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่พอมันถูกโยนเข้ามารวมกันแบบมัดมือชก บทจึงออกมาแบบขาด ๆ เกิน ๆ ทำให้จังหวะของหนังดูเร่งรีบไปหมด คนดูไม่ทันได้ตกตะกอนกับสิ่งที่เกิดขึ้น หนังก็ตัดไปอีกฉากแล้ว

โดยสิ่งที่น่าเสียดายรองจากบทคือนักแสดง ซึ่งไม่ใช่พวกเขาเล่นไม่ดีนะ ทุกคนก็เล่นได้ดีเลยล่ะ แต่เพราะบทไม่ได้ถูกเขียนมาอย่างพิถีพิถันทำให้หนังเรื่องนี้ไม่สามารถขับเสน่ห์ของนักแสดงออกมาได้หมด เรียกได้ว่าแต่ละคนมาเพื่อ Cameo ด้วยซ้ำไป และเป็นอะไรที่น่าเสียดายเอามาก ๆ

อย่างหลอน! หมีพูห์ถูกปรับโฉมเป็นเวอร์ชันนองเลือดใน ‘Winnie the Pooh: Blood and Honey’ พอย้อนกลับมาที่ชื่อหนังแล้ว ผู้เขียนเดาว่าที่ทางผู้สร้างต้องการให้ชื่อใจฟูสตอรี่ เพราะอยากให้คนที่มาดูหนังเรื่องนี้แล้ว ได้รับความรู้สึกแฮปปี้จนใจฟูกลับไป แต่ผู้สร้างคงลืมไปว่า ไม่ว่าเรื่องราวในหนังจะฟีลกู๊ดแค่ไหน แต่ถ้ามันไม่สามารถสื่อสารไปถึงใจคนดูได้ ก็มีแต่จะใจห่อเหี่ยวแทน

โดยรวมใจฟูสตอรี่คือหนังรักคอมเมดี้ดูง่าย หากไม่คิดอะไรก็สามารถดูเพลิน ๆ ได้เลย มีเสน่ห์ด้วยจังหวะตลกของนักแสดง และด้วยความเล่นท่ายากด้วยการใช้ 10 ตัวละครหลัก ก็อาจทำให้บางคนรู้สึกชอบเพราะบางตัวละครนั้นเหมือนกับตัวเราโดยไม่ตั้งใจ แต่ทว่าด้วยบทที่ไม่ได้พิถีพิถันนัก ก็ทำให้หนังไม่สามารถขับเสน่ห์ของนักแสดงออกมาได้หมด และจบไปอย่างไม่น่าจดจำเท่าใดนัก

รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่

โขมหรือก้องเกียรติ (ณัฏฐ์ กิจจริต) ผู้ชายที่ต้องติดแหงกอยู่ในคอนโดเพราะเหตุผลเรื่องงานโดยนิสัยแล้วชอบพนันกับเพื่อนซี้ไปซะทุกเรื่อง ส่วนจิงจิง (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) เป็นแอร์โฮสเตสที่ถูกกักตัว 14 วันในช่วงโควิด ทั้งคู่อยู่ในคอนโดเดียวกัน ห้องตรงข้ามกัน แต่ทั้งสองคนนี้จะรู้จักกันได้อย่างไร?

สำหรับตอน ‘คนตรงข้าม’ นี้ ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษ สมกับที่เป็นคู่เปิดตัว ฝีมือการแสดงของ ณัฏฐ์ กิจจริต และ เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา ดีงามและมีเสน่ห์ ดูแล้วเพลิน ผู้เขียนอยากให้ลองไปดูในหนังนะคะว่าคู่นี้เขามีวิธีซื้อของฝาก, เดินเล่น, ดินเนอร์, และ Say Hello กันอย่างไรในเมื่อทั้งคู่อยู่คนละตึกกันเลยค่ะ

เรื่องที่ 2 (คู่ที่ 2) คนข้างบ้าน

ตอน ‘คนข้างบ้าน’ เป็น Poppy Love ของสาวเด็กเรียนที่ดูเย็นชา ล้อกับชื่อชาเย็น (เพียววรินทร์ กอศิริวลานนท์) กับ เต๋อ (อชิระ เทริโอ) หนุ่มใสๆที่ได้เกรด 0 รวดเดียว 6 วิชา คนสองขั้วนี้จะมารักกันได้อย่างไร ลองเดาดูสิคะว่าใครชอบใครก่อนนอกจากนักแสดงหลักแล้ว ตัวละครสมทบที่ช่วยเพิ่มสีสันและช่วยส่งบทให้กับเต๋อและชาเย็นได้อย่างน่ารักน่าชังค่ะก็คือ คุณแม่ของเต๋อ และอาม่าของชาเย็น ทั้งสองท่านเป็นนักแสดงมากฝีมือที่คนดูหนังไทยต้องคุ้นหน้าและเคยติดตามฝีมือการแสดงของเขาทั้งสองมาแล้วหลายเรื่องค่ะ

เรื่องที่ 3 (คู่ที่ 3) คนที่เกลียด

อ๊อด (วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์)อดีตเด็กแว๊นที่ผันตัวมาเป็นไรเดอร์ส่งของด้วยความจำเป็นบางอย่าง อ๊อดมักท้าซิ่งแข่งมอเตอร์ไซค์กันกับสาวลึกลับ (ดริสา การพจน์) ทุกแยกไฟแดง สำหรับผู้เขียนแล้ว บทเรื่องนี้น่าสนใจ เพราะถึงจะเป็นเรื่องสั้นๆ แต่ก็แปลกแตกต่างจากคู่อื่นๆใน 5 คู่นี้ค่ะ อยากให้ลองไปดูว่า ‘จรวด’ เป็นสัญลักษณ์ที่ไขปริศนาอะไรและเกี่ยวข้องอย่างไรกับอ๊อดนะคะ

ใจฟูสตอรี่-อิ๊งค์นอกจากอ๊อดและสาวลึกลับแล้ว เด็กหญิงตัวเล็กๆที่รับบทเป็น อิ๊งค์ (น้องสาวของอ๊อด) เป็นดาราเด็กที่น่ารักน่าเอ็นดู ผู้เขียนยังทึ่งในความสามารถด้านการแสดง ทั้งแอ็คติ้ง (Acting), การแสดงออกทางแววตา, และการพูดบทที่ดูเป็นธรรมชาติของ ‘เด็กผู้หญิงพิเศษ (Extraordinary Girl)’ อย่างที่หนูน้อยพูดไว้ในหนังเลยจริงๆค่ะ

เรื่องที่ 4 (คู่ที่ 4) คนแอบชอบ

คู่สุดท้าย คือ เสือ (ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ) เป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ Easy Dayและ จ๋า (ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) เป็นพยาบาลผู้ช่วยของหมอฟัน (พงศธร จงวิลาส) ซึ่งเป็นลูกค้าประจำของร้านนี้ เสือแอบชอบใคร จ๋าแอบชอบใคร หมอฟันมาเกี่ยวข้องอย่างไร และเรื่องของทั้งคู่จะจบแบบ Happy Ending หรือไม่ หรือว่าจะมี Surprise ตอนท้ายหรือเปล่า อยากให้ไปชมค่ะ

ใจฟูสตอรี่ ดูแล้วฟูใจ จนไม่อยากลุกออกจากโรงหนัง

ผู้เขียนอยากจะขอชื่นชมผู้กำกับการแสดง (Director) พฤกษ์ เอมะรุจิ, ผู้เขียนบท (Screenwriter), รวมถึงผู้คัดเลือกนักแสดง (Casting Designer), ผู้กำกับภาพ (Art Director/Cinematographer), ทีมโปรดักชั่นทั้งด้านภาพและเสียง และทีมงานอีกหลายๆฝ่ายที่ช่วยกันสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้ออกมาได้อย่างหาที่ติได้ยากจริงๆค่ะ รีวิวหนัง ใจฟูสตอรี่

 

สำหรับการแสดง ในฐานะของผู้ชมภาพยนตร์ ผู้เขียนคิดว่านักแสดงนำทั้ง 5 คู่และนักแสดงประกอบเกือบทั้งหมดสวมบทบาทได้อย่างเป็นธรรมชาติ คือแสดงเหมือนไม่ได้กำลังทำการแสดง จนบางครั้งก็ลืมไปเลยว่ากำลังนั่งดูหนังค่ะ

ภาพ10-ใจฟูสตอรี่-งานภาพ-ฉากในรพฉากและพร็อบ (Props): เน้นความเรียล (Real) คือสมจริง อย่างเช่นฉากโรงพยาบาล ซึ่งเป็นสถานที่หลักตลอดทั้งเรื่อง เลือกโรงพยาบาลได้ดี มีความเป็นโรงพยาบาลของรัฐที่มีบรรยากาศที่เรียลจริงๆ มีแม้กระทั่งช่างกำลังซ่อมแอร์และพระสงฆ์ที่เดินอยู่ในโรงพยาบาล หรืออย่างฉากห้องนอนของอ๊อด-หนุ่มไรเดอร์ ก็เป็นห้องที่ใช้พร็อบแบบห้องที่มีคนอยู่จริงๆ ฟูกเก่า ผ้าปูที่นอนแบบธรรมดาๆ ประมาณนั้น ทุกอย่างจึงดูจริง ไม่เฟค (Fake) ดีค่ะ

แสง-ใจฟูสตอรี่สีสันและการใช้แสงในหนัง: ผู้เขียนชอบการใช้แสงแดดยามเช้าในฉาก Outdoor ซึ่งช่วยเสริมความสดใสและพลังบวก (Positive Power) ใหักับหนัง ส่วนสีสันก็ทำได้ดี คือทุกฉากเน้นความสดใสของความเป็นหนังวัยรุ่น แม้แต่ฉากในห้องตอนกลางคืนก็มีการให้แสงสีส้มเหลืองจากโคมไฟ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น รวมถึงแสงที่ออกมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดไว้ในห้องมืดก็ยังเป็นแสงสีฟ้าสดใสค่ะ

เสื้อผ้าหน้าผม-ใจฟูสตอรี่-พีท-หัวฟูเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดง: มีส่วนทำให้นักแสดงหลักและนักแสดงประกอบทุกคนยิ่งดูเป็นธรรมชาติตามบทบาทของตัวเอง อย่างเช่นเดี่ยว-หนุ่มนักเขียนบทที่ต้องมาเฝ้าไข้คุณแม่ที่หน้าห้อง I.C.U. มีสภาพที่ดูเยินทั้งเสื้อผ้าหน้าผม สมบทบาทของญาติผู้ป่วยที่ต้องมาเฝ้าไข้หลายวันหลายคืนและต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกตัวแสดงจะต้องแต่งตัวแบบบ้านๆไปเสียหมด อย่างชุดไรเดอร์ของอ๊อดและสาวลึกลับก็ดูเท่ห์ดีเหมือนกันค่ะ