รีวิวหนัง รักเว้ยเฮ้ย!
เห็นจั่วหัวบทความ หลายคนอาจจะคิดว่าหนังไทยเรื่องใหม่ที่เข้าฉายเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน คงโดนผมสับเละเป็นโจ๊ก แต่หาใช่อย่างที่คิดหรอกครับ รีวิวหนัง รักเว้ยเฮ้ย! เพราะอันที่จริง เรื่องน่าเบื่อน่ารำคาญที่ผมจะพูดถึงคราวนี้ มันเกิดมีมาตั้งนาน และคล้ายจะเป็น “สันดาน” ของใครหลายๆ คนจนแก้ไม่หายไปเสียแล้ว!!
สำหรับคนที่ติดตามผลงานของผมอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะทางรายการ “ชวนคิดชวนคุย” คลื่น 97.75 แมเนเจอร์เรดิโอ และรายการ Viewfinder ทางช่องซูเปอร์บันเทิง คงได้ยินคำบ่นของผมอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับพฤติกรรม-การกระทำ ของคนบางคนบางกลุ่มในโรงหนัง ซึ่งทำตัวแบบ…ผมไม่อยากใช้คำว่า “ไร้การศึกษา” เพราะจริงๆ ก็ดูน่าจะมีการศึกษาด้วยกันทั้งนั้น นั่นยังไม่ต้องพูดถึงบางกรณี “เครื่องแบบที่สวมใส่” ก็ระบุว่าเป็นนักเรียนนักศึกษาชัดๆ แต่เอ๊ะ? หรือว่าระบบการศึกษาในบ้านเรา มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย?
แต่ก็ช่างเถอะครับ ในประเทศที่การศึกษามีไว้เพียงเพื่อจะได้มาซึ่งใบประกาศนียบัตร ไม่ว่าคุณจะเรียนห่วยแค่ไหน “ได้รับการศึกษา” อย่างที่คาดหวังหรือไม่ แต่สถาบันการศึกษาก็ให้คุณจบมาอยู่ดี รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ได้จบกันหมด ในประเทศแบบนี้ เราคงหวังอะไรไม่ได้มากกับเรื่องการศึกษา และการศึกษาก็ไม่น่าจะใช่คำตอบทั้งหมดของประเด็นที่ผมจะพูดถึงนี้ เพราะบ่อยทีเดียวใช่ไหมที่เราพบว่า คนบางคนก็ดีดี๊ ทั้งที่ก็ไม่ได้มีวุฒิการศึกษาจากสถาบันใดเลย!

ดูหนังออนไลน์ ครับ, สำหรับคนจำนวนหนึ่งซึ่งเดินเข้าไปดูหนังในโรงเป็นประจำ ผมเชื่อว่าคุณน่าจะเคยผ่านพบประสบการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์จากความห่วยๆ ของคนดูหนังด้วยกันเองมาบ้าง แตกต่างกันไปหลากหลายรูปแบบความเฮงซวย
บางคนอาจจะต้อง “ตาสว่างวาบ” เป็นพักๆ เพราะพวกที่เสพติดการสื่อสารเข้าขั้นโคม่า เขาเรียกพวกนี้ว่า “ผีบีบี” หรือ “ผีโซเชี่ยล” อะไรก็เรียกกันไป แต่ที่แน่ๆ คุณเอาบีบีหรือมือถือไปนั่งแช็ตในโรงหนัง มันรบกวนสมาธิคนอื่น ผมไม่รู้ว่ามนุษย์พวกนี้เขามีธุระอะไรกันนักกันหนา ถึงขนาดต้องสื่อสารกันตลอดเวลา พวกคุณไปดูหนังกันนะครับ ทำไมไม่ตั้งใจดู หรือจริงๆ พวกคุณก็ไม่เคยตั้งใจกับอะไรเลยสักอย่างจริงๆ หรอก ไม่ว่ากับการเรียน ทำงาน หรือแม้แต่ดูหนัง ที่จริง ถ้าเห็นว่าหนังมันห่วย ก็ออกจากโรงไปหาโลกแช็ตอันโสภาข้างนอกนั่นไม่ดีกว่าเหรอ?
ล่าสุดที่ผมเจอ (เอาเหตุการณ์ล่าสุดละกันนะครับ เพราะถ้าจะให้นับรวมทั้งหมดที่เคยพบมา คงใช้หลายย่อหน้า) ก็คือ วัยรุ่นสองกลุ่ม ตั้งแต่เดินเข้ามานั่งเลยครับ คุยกันโขมงโฉงเฉง แล้วพอหนังเริ่มฉายเท่านั้นแหละ ไอ้คนหนึ่งก็เริ่มพากย์ “อุ๊ย เดอะมอลล์บางกะปินะฉากเนี้ย” (ผมผู้ได้ยิน ยังงงๆ เลยครับว่า มันเดอะมอลล์บางกะปิตรงไหนฟระ?) แล้วก็พากย์ต่อไปเรื่อยๆ “น่ารักนะ” “แม่งขำชิบหาย” ฯลฯ
แต่ที่มันเลวร้ายมากๆ นอกเหนือไปจากการพูดคุยกัน มีคนหนึ่งฮัมเพลงขึ้นมาเฉยเลย เอ้า! เอากะมันสิครับ คิดในใจ “ที่บ้านไม่รัก” หรือว่า “พวกน่าจะอกหักมาจากเวทีเอเอฟหรือเดอะสตาร์” แน่ๆ ก็เลยต้องมาใช้โรงหนังเป็นสเตจโชว์ โอ้! อะไรจะปานนั้น
เพราะเหตุนี้ ผมจึงไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไม เราถึงได้ยินข่าวว่ามีใครบางคนทะลักจุดแตก ระเบิดอารมณ์ใส่คนพวกนี้ บางกรณีถึงขั้นด่าว่าชกต่อยและควักมีดออกมาจ้วงแทงกันก็ยังมี แต่ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องมีราวอะไรกับใคร เพราะมีเรื่องแล้วมันเหนื่อย โดยเฉพาะมีเรื่องกับพวกที่ไม่รู้ประสากาละเทศะ ผมก็เลยต้องหาที่สิงสถิตใหม่ในโรงหนัง ซึ่งก็โชคดีที่เป็นรอบดึก มีเก้าอี้ว่างเหลืออยู่พอสมควร ไม่เช่นนั้น หนังเรื่อง “รักเว้ยเฮ้ย” คง “ไม่สนุกเว้ยเฮ้ย” สำหรับผมแม้แต่น้อย
รีวิวหนังไทย กล่าวอย่างรวบรัด รักเว้ยเฮ้ย อันเป็นผลงานการกำกับชิ้นที่สองของคุณกุลชาติ จิตขจรวานิช (8E88 แฟนลั้ลลา) แม้จะพัฒนาขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เหนือความคาดหมายผมเท่าไหร่ รีวิวหนัง เพราะหน้าหนังก็บอกอยู่แล้วว่าจะมาขายมุกตลก ซึ่งหนังก็ทำได้พอสมควร รักเว้ยเฮ้ย เป็นหนังตลกที่พอดูได้เพลินๆ เรื่อยๆ แต่ในแง่ของความรักที่หนังพยายามใส่เข้ามา ดูเลื่อนๆ ลอยๆ จะซึ้งก็ไม่ซึ้ง ส่วนหนึ่งคงเพราะบทหนังที่ยังขาดๆ เกินๆ ไม่หนักแน่นแข็งแรงพอที่จะทำให้เราเชื่อหรือบิลต์เราได้ และดังนั้น จะให้คนที่ดูหนังแล้วพูดออกมาว่า “รักเว้ยเฮ้ย” ผมว่าหนังยังทำไม่ถึงขั้นนั้น
แต่ก็อย่างที่บอก หนังเรื่องนี้ไม่ถึงกับ “น่าเบื่อเว้ยเฮ้ย” ครับ ไม่น่าเบื่อน่ารำคาญเหมือนอย่างคน บางคน-บางกลุ่ม ที่เล่าให้ฟัง ผมมานั่งคิดดูนะครับว่า บางที สิ่งที่กำลังเป็นปัญหามากที่สุดในสังคมของบ้านเมืองเรา ณ ตอนนี้ มันหาใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นเรื่อง “จิตสำนึก” หรือ “สามัญสำนึก” ของผู้คนล้วนๆ เลย
จิตสำนึกที่สึกหรอและเสื่อมโทรม ดูหนังฟรี ทำให้หลายๆ คน ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูกอีกต่อไปแล้ว ความเลวทุกระดับ ล้วนงอกรากมาจากจิตสำนึกที่มีปัญหาทั้งสิ้น เพราะหากสำนึกดี เราคงไม่มีคนที่โกงชาติขายแผ่นดิน เพราะหากสำนึกดี เราคงไม่มีพวกที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว มองคนชั่วเป็นศาสดา และถ้าสำนึกดี เราคงไม่มีพวกที่… ฯลฯ
เราคิดถึงคนอื่นน้อยลง คิดถึงส่วนรวมน้อยลง แต่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่ง จิตสำนึกเราชุ่ยลง เหมือนอย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่ผมพบ ช่วงดึกของคืนหนึ่ง ขณะพนักงาน กทม.กำลังสาละวนกับการขนขยะหลายสิบถังขึ้นรถ มอเตอร์ไซค์คันหนึ่งบึ่งมาด้วยความเร็ว วัยรุ่นคนหนึ่งบนรถคันนั้นแหกปากตะโกนแข่งกับเสียงแมงกะไซค์ที่ดังแสบแก้วหู “เหม็นขยะโว้ยยยย…”
แน่นอนครับ กับเหตุการณ์นี้ เราอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของความคึกคะนองแบบวัยรุ่น แต่ถามว่า ถ้าสำนึกของผู้คนในสังคมของเราดี เราจะมีคนที่ทำอะไรซึ่งชวนให้รู้สึกอดสูใจอย่างนี้ไหม? คิดดูสิครับว่า ขณะที่คนหลายๆ คนกำลังทำงานหนัก และพวกเขาอาจจะกำลังหิวข้าว เร่งมือเพื่อให้งานแล้วเสร็จเพื่อจะกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่คนอีกพวกหนึ่ง กลับเห็นเป็นเรื่องคึกคะนอง ผมถามหน่อยว่า หัวจิตหัวใจของเราทำด้วยอะไร?
ที่พูดมาทั้งหมด ก็เพียงเพื่อจะบอกนั่นล่ะครับว่า เรื่องแบบนี้ เอาเข้าจริง มันก็ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของ “พฤติกรรมห่วยๆ ในโรงหนัง” หากแต่มันแฝงฝังอยู่ในทุกภาคส่วนของสังคม และฝังอยู่ในกมลสันดานของผู้คนจนบางครั้งก็อยากจะแงะออก
รีวิวหนัง รักเว้ยเฮ้ย!
เรื่องคนห่วยๆ ในโรงหนัง ที่จริง ผมก็ไม่อยากจะเรื่องมากอะไรหรอกครับ อันไหนให้กันได้ ก็ให้กันไป ยอมๆ กันไป แต่ไม่ใช่ “อะไรก็ยอม” แน่นอน เพราะเรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่พูดไม่แลกเปลี่ยนกันบ้าง คนบางคนบางกลุ่ม ก็จะยังคงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่เสียหาย เพราะคนอื่นๆ “แม่-ก็อยู่กันได้” ก็จะยิ่งได้ใจไปกันใหญ่ สุดท้าย ก็จะกลายเป็นการบ่มเพาะความเกลียดชังในกันและกันโดยเรื่องจิ๊บจ๊อยไม่จำเป็น
เว็บดูหนังฟรี ก่อนหนังจะฉายทุกรอบทุกเรื่อง มันก็มีคำเตือนอยู่แล้วล่ะครับว่า กรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด “ทุกชนิด” ไม่ว่าโทรศัพท์มือถือหรือปากที่ส่งเสียง
หากคิดไม่ได้คิดไม่เป็น ผมอาสาช่วยคิดก็ได้นะครับว่า ถ้าการไม่ส่งเสียงหรือสื่อสารสักชั่วโมงกว่าๆ มันเหลือบ่ากว่าแรง มันยิ่งใหญ่เกินกว่าความสามารถของคุณจะทำได้ หรือมันจะขาดใจตายจริงๆ ผมว่าคุณนั่งดูหนังอยู่ที่บ้านดีกว่าครับ เพราะจะสบายใจกว่าเยอะ แล้วก็ไม่ต้องมีไอ้คนข้างๆ ที่รำคาญคุณ ก่นด่าสาปแช่งคุณอยู่ในใจด้วย เพราะว่ามัน “น่ารำคาญมากๆ เว้ยครับ”!!
วัยรุ่นคนนึงชื่อ ไอ้ลวก ไปจีบหญิงแล้วไม่ติด เพราะมันจีบแบบลวกๆ คนทั่วไปสมัยนี้จีบสาวแบบลวกๆ ไปเสิร์ทเอาคารมมา แล้วก็ไปจีบแบบลวกๆ ลอกคนอื่นมาก็แบบลวกๆ สุดท้ายก็อกหักแบบลวกๆ มันก็มาเมาต่อหน้าน้าหมา และน้าหมาก็เลยสอนแนวทางการจีบหญิงแบบหมาๆ ไป จัดให้ไปได้วิชาแบบรักเว้ยเฮ้ยไป สุดท้ายผู้หญิงดันชอบ แสดงว่าผู้หญิงก็ไม่ธรรมดานะ (555) แต่มันก็มีเรื่องราวใหญ่โตตามมาอีก แล้วความรักของไอ้ลวก กับโต๊ะอี้จะราบรื่นหรือไม่ ต้องไปดูกันฮะ…รักเว้ยเฮ้ยของไอ้ลวกจะสำเร็จไหมเว้ยเฮ้ย ???
ตอนไปดูไม่ได้คาดหวังกับหนังเรื่องนี้มาก แต่พอไปดูแล้วเป็นอะไรผิดคาดมาก เพราะหนังนั้นดีมาก!! เว็บดูหนัง
ถ้าตัดความสมเหตุสมผลเรื่องบทออกไปแล้วไปสนใจที่บทตลกแบบถ่าย LONG SHOT ที่ถ่ายไปหัวเราะไป หรือมุกตลกแบบสาระแนแทน แม้จะหยาบคายและไร้สาระไปบ้าง แต่ว่า “รักเว้ยเฮ้ย!”
ถ้าตัดความสมเหตุสมผลเรื่องบทออกไปแล้วไปสนใจที่บทตลกแบบถ่าย LONG SHOT ที่ถ่ายไปหัวเราะไป หรือมุกตลกแบบสาระแนแทน แม้จะหยาบคายและไร้สาระไปบ้าง แต่ว่า “รักเว้ยเฮ้ย!”
จะต้องกลายเป็น หนังตลกที่เมื่อถึงปลายปี จะต้องเป็น 1 ใน 5 ดูหนัง หนังไทยที่ดีที่สุดในปี 2555 ได้อย่างแน่นอน แต่ก็อีกนั้นแหละ หนังประเภทนี้ถ้าหากคนชอบก็ชอบเลย ไม่ชอบก็คือไม่ชอบเลย แต่หนังเรื่องนี้สนุกและขำมากๆ จริงๆ และอีกสิ่งนึงที่เซอร์ไพรซ์คนดูการเชิญดารา-นักร้องชื่อดังมาเป็นแขกรับเชิญในหนังอาทิ เช่น กอล์ฟ FUCKING HERO, DJ พล่ากุ้ง, DJ หนุ่ย EFM, พี่ปู BLACKHEAD, ป๋าเต็ด ยุทธนา, X3 Super Gang, โบ สุรัตนาวี,
โย่ง-ก้อย, SLOT MACHINE, ก้อย รัชวิน ฯลฯ และคนที่คาดไม่ถึงว่าจะมาปรากฏตัวในหนังนั้นคือ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ทีปรากฏตัวแบบเหนือความคาดหมาย และตัวหนังก็ดูได้เพลินๆถ้าหากไม่คิดอะไรมาก และส่วนดาราที่จะแจ้งเกิดคนต่อไปที่เล่นใน “รักเว้ยเฮ้ย!” นั้นก็คือ VJ อิ๊ง ชญานุช บุญธนาพิบูลย์ แห่ง CHANNEL V ที่น่ารักสดใสในหนังเรื่องนี้มาก และดูโดดเด่นที่สุดในเรื่องแล้ว …ก็บอกกับเขาไปว่า “รักเว้ยเฮ้ย!”