รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere)

หลังจากครั้งที่แล้ว เธอปรากฏตัวขึ้นด้วยบทบาทของเด็กนักเรียนที่ย้ายเข้ามาใหม่เสมอ เธอเข้ามาราวกับแม่มดที่คอยยื่นแอปเปิ้ลอาบยาพิษให้ผู้คน คอยเขี่ยสิ่งที่ซ่อนไว้อยู่ใต้พรมในใจของแต่ละคน ให้แสดงด้านมืดออกมา รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere) และทุกที่ที่เธอไปคนทำผิดจะได้รับโทษทัณฑ์ ก่อนเธอจะจากไปอย่างลึกลับ และปรากฏตัวที่โรงเรียนใหม่เรื่อยไป ไม่ว่าแท้จริงแล้ว เธอจะเป็นซาตาน เป็นปีศาจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า…บางคน และ บางที่ ต้องการเธอ

ดูหนังออนไลน์ ในซีซันที่แล้ว ซีรีส์ ‘เด็กใหม่’ (Girl From Nowhere) คือการซีรีส์แนวแฟนตาซี-ลึกลับ-ทริลเลอร์คอนเซ็ปต์จัด เนื้อหาจี๊ดความยาว 13 อีพีที่ว่าด้วยเรื่องของ ‘แนนโน๊ะ’ ลูกสาวซาตานในร่างหญิงสาววัยมัธยมปลาย ผู้เปรียบเสมือน ‘ทูต’ พาคนดูเข้าไปในโรงเรียนด้วยสถานะ ‘เด็กใหม่’ เฝ้าดูพฤติกรรมของผู้คนทั้งที่ดีงามและชั่วร้าย ทั้งกระทำและโดนกระทำ ได้เปรียบและเสียเปรียบของเหล่าผู้คนในรั้วโรงเรียน
รีวิวหนังไทย และเปลี่ยนตัวเองเป็น “ยมทูต” ที่นำพาคนดูไปเฝ้าสังเกตการชำแหละด้านมุมของประเด็นสังคมเหล่านั้นด้วยการคอยยุยง และกระตุ้นชี้ให้คนตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไป ก่อนที่จะปล่อยให้ผลของการกระทำนั้น ๆ ค่อย ๆ กัดกิน และแสดงผลของมันต่อคนผู้กระทำนั้นอย่างรุนแรง หนักหน่วง และแฟนตาซี
ใน ‘เด็กใหม่ ซีซัน 2’ (Girl From Nowhere Season 2) นี้ แม้ว่าเหตุการณ์ในทั้ง 8 อีพีของซีซันนี้จะยังเกิดขึ้นในโรงเรียน แต่โครงสร้างของเนื้อหาโดยรวมเริ่มขยายออกไปนอกรั้วโรงเรียน ไปสู่ประเด็นข่าวดราม่าในสังคมที่ดูปุ๊บรู้เลยว่าหมายถึงข่าวไหน ทั้งเรื่องประเด็นความรักในวัยเรียนใน ‘นักล่าแต้ม’ (Pregnant) และ ‘True Love’ อุบัติเหตุและการปัดความรับผิดชอบใน ‘มินนี่ 4 ศพ’ (Minnie and the Four Bodies) ประเด็นเรื่องชนชั้นและการเอารัดเอาเปรียบใน ‘กำเนิดยูริ’ (Yuri) กฏระเบียบและอาการบ้าคลั่งในอำนาจที่ดูไร้สาระใน ‘ห้องสำนึกตน’ (Liberation) และ ‘รับน้อง’ (SOTUS) ตัวตนจริง ตัวตนปลอมในโลกออนไลน์ใน ‘JennyX’ และเรื่องราวสุดสะพรึงของคู่แม่ลูกสุดลึกลับในตอนสุดท้าย ‘อวสานแนนโน๊ะ’ (The Judgement)
ในแง่ของบทในซีซันนี้ ดูเหมือนว่าโจทย์ของทีมงานเขียนบทและกำกับจะค่อนข้างมีแนวทางชัดเจนว่า เพื่อจะเป็นซีรีส์ที่ลงใน Netflix “เท่านั้น” ต่างจากในซีซันแรก ที่มันเคยเป็น “ทีวีซีรีส์” มาก่อน สิ่งที่แตกต่างอย่างเห็นชัดก็คือ ในซีซันนี้ เนื้อหาถือว่า “ดาร์ก” “ตรงไปตรงมา” และ “แฟนตาซี” มากกว่า รวมทั้งยังมีความ “สากล” มากกว่า ทำให้ภาพรวมในซีซันนี้ ขับเคลื่อนเรื่องราวด้วยความแฟนตาซีเซอร์เรียลมากกว่าในซีซันที่แล้ว ที่สำคัญคือ ประเด็นสังคมแต่ละประเด็นในซีซันนี้แต่ละตอนนี่แรงมาก แรงโคตร ๆ ชนิดที่เรียกว่าดูปุ๊บรู้เลยว่าหมายถึงใครหรือข่าวไหน จนแอบหวั่นใจแทนเหมือนกันว่า เนื้อหาบางตอนนี่เสี่ยง “โดนสอย” หรือ “ทัวร์ลง” อยู่เหมือนกันนะครับ
อีกสิ่งที่ชัดเจนก็คือ การที่ในซีซันนี้ เปิดกว้างให้ผู้กำกับในแต่ละตอนมีโอกาสได้ตีความเรื่องราว และสื่อสารออกมาในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น จนทำให้ในแต่ละตอนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชัดเจนมาก อย่างเช่นในตอน ‘ห้องสำนึกตน’ (กำกับโดย ‘ปวีณ ภูริจิตปัญญา’ และ ‘สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์’) ที่มีการใช้สีขาว-ดำ และเปลี่ยนขนาดภาพเป็น 4:3 ราวกับว่าเป็นภาพยนตร์ขาวดำยุคเก่า เพื่อสื่อถึงการปลดแอกจากกฏประหลาด ๆ ถือเป็นการทดลองที่มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นกว่าในซีซันที่แล้วอย่างชัดเจน
รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere)
นอกจากเส้นเรื่องหลักที่ว่าด้วยเรื่องของการพิพากษาคนชั่วของแนนโน๊ะในแต่ละตอนแล้ว สิ่งที่ในซีซันนี้มีความแตกต่างจากซีซันที่แล้วอย่างชัดเจนก็คือ “เส้นเรื่องรอง” ที่มีการเพิ่มขึ้นมาในซีซันนี้โดยเฉพาะ ที่บอกได้เพียงแค่ว่า แนนโน๊ะกำลังจะเผชิญกับ “ความท้าทายใหม่” บางอย่าง ทำให้ในซีซันนี้ไม่ได้เล่าแค่ว่า ใครคือคนชั่ว และคนชั่วจะได้รับกรรมอย่างไรแต่เพียงอย่างเดียว
แต่ในซีซันนี้ยังมีการเพิ่มการ “ทบทวน” มุมมองและการกระทำของแนนโน๊ะในแต่ละอีพีเข้าไปด้วย จนทำให้คนดูเองก็คงอดทบทวนตามไปด้วยไม่ได้ว่า สิ่งที่แนนโน๊ะทำหรือคิดลงไปแบบนั้น (หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนั้น) มันถูกต้องจริง ๆ ใช่ไหม จนกระทั่งมาขมวดปมเป็นบทสรุปจบในอีพีสุดท้าย ‘อวสานแนนโน๊ะ’ ที่อยู่ภายใต้ธีมคำถามที่ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น หากคนที่พิพากษา ถูกพิพากษาเสียเอง?” ที่ถือเป็นการพลิกตลบมุมมองของแนนโน๊ะที่เรารู้จัก ในแบบที่เรียกว่าคาดไม่ถึงไปเลยล่ะครับ
ดูหนังฟรี หากจะมีข้อสังเกตอยู่บ้างในซีซันนี้ก็คือ เนื้อหาในบางอีพีมีอาการดรอปอยู่บ้างครับ จริง ๆ เนื้อหาโดยรวมถือว่าใช้ได้เลย แต่อาจจะด้วยความแรงและดาร์กมาก ๆ ในบางอีพี ก็เลยทำให้บางอีพีอาจดูดรอปลงไป เว็บดูหนังฟรี แต่เมื่อเนื้อหาเริ่มคลายปม ความดาร์ก โหดเหี้ยม และเซอร์เรียลก็ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง
ส่วนนักแสดงทุกคนในซีซันนี้ ถือว่าเล่นดีในบทบาทของตัวเองอย่างน่าประทับใจครับ โดยเฉพาะกับ ‘คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล’ เจ้าของบทบาทแนนโน๊ะ ที่ในซีซันนี้ เราจะได้เห็นแนนโน๊ะในมุมที่ต่างออกไปจากในซีซันแรกอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่เรียกว่า เราอาจจะมีโอกาสได้เห็น “ซาตานกลายเป็นพระเจ้า” อะไรทำนองนั้นแหละส่วนนักแสดงรับเชิญหลายคนเช่น ‘เจมส์ ธีรดนย์’, ‘เอม ภูมิภัทร’, ‘ญารินดา บุนนาค’ และ ‘พลอย ศรนรินทร์’ ก็แสดงบทบาทของตัวเองในแต่ละอีพีได้โดดเด่นน่าจับตามองเลยทีเดียว
จากแนนโน๊ะสุดโหด แนนโน๊ะโรคจิต กลายเป็นแนนโน๊ะในอีกมุมที่ชวนให้เราฉุกคิดกันใหม่ ในเรื่องของความถูกต้อง และความดีความชั่ว การพิพากษา ตัดสินใครสักคนจากเพียงมุมเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ การตัดสินใครสักคน มันเกิดจากเจตนา หรือเป็นเพียงภาวะที่แล้งไร้ทางเลือกกันแน่ ความชั่วร้ายจำเป็นต้องถูกทำลายด้วยความชั่วร้ายแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันหรือไม่ ทั้งหมดนี้ถูกครอบภายใต้พล็อตเรื่องราวความเป็น “แฟนตาซี-ทริลเลอร์” ที่โคตรดาร์ก เซอร์เรียล และโหดเหี้ยมจัดหนัก (กว่าซีซันที่แล้ว) จนอาจทำให้คนที่มือถือสาก ปากถือศีล (แต่เพียงเปลือก ๆ ปลอม ๆ ) อาจดิ้นพล่านจนดูไม่จบก็ได้
เด็กใหม่ นับเป็นซีรีส์ไทยที่มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก และเป็นกระแสทันทีนับตั้งแต่ฉายตอนที่ 1 ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่ย้ายเข้ามาใหม่ในโรงเรียนแห่ง สามารถจัดการกับครูจอมหื่นได้อย่างเจ็บแสบ เว็บดูหนัง
ซึ่งเป็นตอนที่เปิดตัวแนนโน๊ะ หญิงสาวที่มีบุคลิกแรง มีความชัดเจน และมีความมุ่งมั่นในการกระทำอะไรบางอย่างให้เกิดผลสำเร็จ
รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere)
ซึ่งในตอนนี้ค่อนข้างมีความรุนแรง และแสดงให้เห็นถึงวิธีการจัดการของแนนโนะที่เจ็บแสบมาก เชื่อว่าหากใครได้ดูตอนที่ 1 ก็จะต้องติดกับของแนนโน๊ะอย่างแน่นอน แล้วมันจะดึงให้เราดูไปจนจบทั้งซีซั่นได้ทันที
แนนโน๊ะได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นอย่างชัดเจน และรวดเร็ว เพราะหนังทั้งหมดมันสื่อถึงความเป็นวัยรุ่น มันสื่อถึงภาวะความไม่มั่นคงทางจิตใจของวัยรุ่น
มันสื่อถึงภาวะความอิจฉา ความอยากได้อยาก มีอยากเป็น อยากเด่น อยากดัง อยากมีตัวตนของวัยรุ่น และก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงบริบทต่าง ๆ ของวัยรุ่น เช่นความรักของครอบครัว ความรักของเพื่อน ปัญหาครูกับนักเรียน ปัญหาระบบการศึกษา
บทสนทนาก็ใช้ภาษาแบบวัยรุ่น ใช้คำว่า “มึง-กู” และด่ากันแบบไม่ต้องเกรงใจ บางคนก็ด่าครูแบบเจ็บ ๆ บางคนก็แก้แค้นสถานศึกษาแบบเจ็บแสบ
สิ่งนี้มันทำให้วัยรุ่นเมื่อดูซีรีส์เรื่องนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่ าซีรีส์นี้ได้พูดแทนพวกเขาในทุกประเด็น ด่าแทนพวกเขาในทุกประเด็น ดูแล้วก็มีความสะใจวัยรุ่นไม่น้อย

รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere)

เขาทำให้เราเห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ กล้านำเสนอในสิ่งที่ซีรีส์อื่นไม่ค่อยกล้าทำนัก เช่นการนำเสนอเรื่องเพศ การใช้คำพูดที่รุนแรง ดูหนัง การกระทำที่รุนแรงที่ส่งผลต่ออารมณ์ และจิตใจของคนดูอย่างชัดเจน แล้วมันตรงกับใจคนดู ซึ่งเนื้อหาหลายตอนนั้น มันก็คือภาพสะท้อนที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการบูลลี่ในสังคมวัยรุ่น เรื่องการคล้อยตามในกระแสข่าวของ Social Media เรื่องราวความโสมมของระบบการศึกษา เรื่องราวความแตกร้าวในครอบครัว และที่สำคัญก็คือความดัดจริตภายในจิตใจของมนุษย์ และมันก็มีอยู่ในสังคมไทยอย่างแท้จริง
เราทุกคนต่างรับรู้ ต่างเห็นว่ามี แต่เราก็ปล่อยมันผ่านไป เราทนกับมันทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ผิด บางครั้งเราก็ยอมรับมันและทำตาม ๆ กัน และเมื่อซีรีส์ที่นำเสนอในแง่มุมที่มีความชัดเจนขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจ ที่จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอย่างรวดเร็ว
ความโดดเด่นของซีรีส์ คือการจัดการกับบุคคลต่าง ๆ ของแนนโน๊ะ ที่มีวิธีที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพฤติกรรมบุคคล หรือสันดานดิบของแต่ละคน
รีวิวหนัง เด็กใหม่ (Girl From Nowhere)
บางตอนมีลักษณะแบบเอาคืน บางตอนมีลักษณะแบบแก้แค้น บางตอนก็ทำให้เห็นในแบบลักษณะของการเตือน บางตอนก็มีความรุนแรงมากในการลงโทษ บางตอนก็ดูโหดร้าย บางตอนก็ดูหวานแหวว การสลับไปสลับมาโดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการของแนนโนะนั้น มันทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ ปรับสมดุลอารมณ์ของคนดูตลอด 13 ตอนได้ดี มันไม่ได้เริ่มต้นจากเบาไปหาหนัก แต่มันสลับกันไปเบาบ้างหนักบ้าง
แต่ละตอนจะมีความสนุกแตกต่างกัน เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู ก็จะต้องตั้งตาว่า ในแต่ละตอนว่าแนนโน๊ะจะมีวิธีการจัดการกับคนยังไง เธอจะกระชากความดัดจริตของมนุษย์ออกมาได้มากน้อยแค่ไหน และมันจะดำเนินเรื่องอย่างไร ซึ่งถือว่า ทุกตอนนี้ความสนุกไม่แพ้กัน
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือ แนนโนะเป็นใคร เชื่อว่าทุกคนก็ต้องตั้งคำถามกับประเด็นนี้ แล้วก็ตีความไปต่างอๆนานา อาจเป็นคนธรรมดา ผี ปีศาจ หรือซาตาน หรือจิตใต้สำนึกด้านมืดของมนุษย์ รีวิวหนัง หรือด้านมืดของสังคม หรืออีโก้ หรืออาจเป็นสัญลักษณ์ของกิเลสตัณหา ราคะ ซึ่งเป็นได้ทั้งหมด ความเป็นตัวตนของแนนโน๊ะ ก็เปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของตัวละครที่แนนโน๊ะจะไปจัดการ
แนนโน๊ะคือใคร ฆ่ายังไงก็ไม่ตาย เอาไปฝังดินก็แล้ว ตกจากตึกสูงก็แล้ว ก็ยังไม่ตาย ย้ายโรงเรียนทุกตอน วิธีการจัดการกับผู้คนหลายตอนก็มีความประหลาดมาก บางตอนออกไปทางแฟนตาซีด้วยซ้ำ นี่แหละคือน่าสนใจของตัวละครนี้
ความคิดส่วนตัวของผม แนนโน๊ะมีความใกล้เคียงกับซาตานมากที่สุด เพราะพฤติกรรมของเธอนั้นชอบทดสอบมนุษย์ โดยเฉพาะการทดสอบในด้านจิตใจ ชอบค้นหาด้านมืดของมนุษย์ และก็ล่อลวงมนุษย์ให้ทำบาป ทั้ง ๆ ที่มนุษย์คนนั้นก็พยายามข่มเอาไว้แล้ว แต่แนนโน๊ะก็จะไปขุดขึ้นมาจนได้ และจัดการกับบุคคลนั้นอย่างสาสม
แนนโน๊ะจะเล่นกับคนที่มีความเปราะบางทางด้านจิตใจ ทำให้คนหลายคนเผยด้านมืดของตัวเองออกมา โดยที่เธอจะเข้าไปยุยง เสนอแนวทาง หรือปั่นกระบวนการทางความคิด หาใครที่มีจิตใจไม่มั่นคงเพียงพอ ไม่ยึดมั่นในความดีของตัวเองเพียงพอ ก็จะทำให้คนนั้นระเบิดกิเลศของตนเองออกมาอย่างเต็มที่
และเชื่อไหมว่า แนนโน๊ะไม่ได้ทำร้าย ทำลายใครด้วยน้ำมือของเธอเลย บุคคลต่าง ๆ ที่เธอเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ล้วนแต่ทำร้าย ทำลายตัวเอง ด้วยน้ำมือและสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจของตัวเองทั้งสิ้น
แนนโน๊ะรู้ว่าคนเรามีทั้งด้านสว่างและด้านมืด ไม่มีใครหรอกจะดีงามไปหมด ซึ่งคนที่เขาดีนั้น เขาก็แค่ใช้ด้านสว่างกดด้านมืดเอาไว้ ให้อยู่ในที่ที่มันควรอยู่ ให้อยู่ในกรอบของสังคม สมกับคำว่าเป็นคนดี แต่คนดีอาจไม่ดีจริง ถ้ามีความคิดที่เลวร้ายแฝงอยู่ แล้วถ้าเธอเห็นเธอจะดึงสิ่งนี้ออกมา
แต่ก็ใช่ว่าแนนโน๊ะ จะเป็นคนที่มีความโหดร้ายเสมอไป บ่อยครั้ง แม้เธอจะให้โทษกับบุคคลต่าง ๆ แต่ก็มีอยู่บางครั้งที่เธอต้องการ จะให้คนกลับตัวกลับใจ ให้โอกาสกับคนกลับตัว ตอนนี้ทำให้แนนโน๊ะเปลี่ยนจากซาตานกลายเป็นนางฟ้าเลยทันทีครับ
อีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็คือ การสร้างบุคลิกของตัวละครที่มีความชัดเจน ตัวละครที่จะสร้างคำถามกับสังคม ตัวละครที่ตอบคำถามของสังคม เป็นตัวละครที่จัดระเบียบสังคมนี้ ในแบบที่ใครหลายคนมีความคิดว่าอยากจะจัดการ นั่นก็คือตัวแนนโน๊ะนั่นเอง
แนนโน๊ะจะทำหน้าที่สื่อสารกับคนดูโดยตรง ตั้งคำถามกับคนดูโดยตรง และก็เปิดโอกาสให้คนดูตอบคำถามแบบปลายเปิด
แนนโน๊ะมีบุคลิกที่ชัดเจนมาก นัยน์ตาแฝงเลศนัย รอยยิ้มของเธอแฝงไว้ด้วยความไม่ไว้วางใจ พฤติกรรมและการกระทำของเธอนั้น มันสะท้อนภาพความดัดจริตของมนุษย์ออกมาได้อย่างชัดเจนมาก ๆ ส่วนตัวแล้ว ผมขอยกย่องว่านี่คือการออกแบบตัวละครที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว
แต่มันจะประสบความสำเร็จไปไม่ได้เลย หากขาดคนที่จะมารับบทเป็นแนนโน๊ะ ซึ่งก็คือ น้องคิทตี้-ชิชา อมาตยกุล เธอถ่ายทอดทุกอย่างของความเป็นแนนโน๊ะได้ออกมาอย่างชัดเจน ฝีมือเธอเก่งกาจอย่างที่สุด ในแบบที่ตัวละครนี้จะเป็นได้
บอกเลยว่าหากมีการทำซ้ำหรือทำใหม่ในอนาคต ผมก็มองไม่เห็นว่าจะมีใครมารับบทนี้ได้เหมือนเธอ หรือหากมีคนมารับบทนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะดีเท่าเธอหรือไม่ ขอชื่นชมจากใจจริงครับ
นักแสดงประกอบเกือบทั้งหมดของเรื่อง ทางทีมสร้างเข้าก็ใช้เด็กใหม่แทบทั้งหมด หลายคนเราไม่รู้จักหน้าตาเลย บางคนก็จะออกมาให้เราเห็นในโฆษณาบ้างเล็กน้อย ส่วนตัวแล้วผมว่านี่คือสิ่งดี มันทำให้เราไม่ยึดติดกับภาพพจน์ของคนที่มาแสดง มันทำให้เราไม่รู้ว่าใครจะเป็นยังไง หลายคนเล่นดีแบบใช้ได้เลย ก็ถือว่าเป็นคลื่นใหม่ที่น่าจับตา
แต่ในบางบทบาทที่การต้องใช้ทักษะในการแสดงสูงมาก ๆ เขาก็ยังใช้บริการของนักแสดงแสดงรุ่นเก่า เพื่อมาทำให้ซีรีส์ในแต่ละตอนนั้นมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น
และโดยส่วนตัวของผมแล้ว ซีรีส์เด็กใหม่ที่ใช้นักแสดงรุ่นเก่ามานำแสดงในบาลงตอน ผมถือว่าเป็นหนึ่งตอนที่ดีที่สุดของซีรีส์ทั้งหทดเลยทีเดียว
โดยส่วนตัวแล้ว หากนำตอนทั้งหมดของซีรี่ส์เด็กใหม่ให้ผมจัดอันดับความชอบ 3 ลำดับ ก็จะได้ดังนี้
ชอบมากที่สุดก็คือ Ep.9 ตอนกับดัก เล่าเรื่องราวของครูคนหนึ่ง กับเด็กนักเรียนอีกกลุ่มหนึ่ง ติดอยู่ในห้องเรียน แล้วต้องหลบซ่อนอยู่ในห้องนั้น เนื่องจากว่ามีข่าวฆาตกรโรคจิตปลอมตัวเป็นนักเรียนเข้าฆ่านักเรียนไปหลายคน ในตอนนี้นำเสนอเกี่ยวกับสันดานดิบของมนุษย์ได้ดีมาก การตั้งคำถามของการทำหน้าที่ของบุคคลได้ดีมาก รวมถึงการตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่ของผู้ใหญ่ การทำหน้าที่ของผู้บริหารประเทศ การทำหน้าที่ของครู การทำหน้าที่ของพ่อแม่ การทำหน้าที่ของนักเรียน การทำหน้าที่ของเพื่อนต่อเพื่อน ความรับผิดชอบของคน ถือว่าเป็นตอนที่ดีมาก ดำเนินเรื่องดีสนุก ชัดเจน แถมยังสรุปได้ดีมากด้วย
ต่อมาคือ Ep. 4 ตอน Hi-so เล่าเรื่องราวของเด็กนักเรียน ที่ทำตัวไฮโซ แต่กลับไม่ได้มองฐานะของตนเอง ปิดบังสถานะคนอื่นไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักเรียน พ่อแม่ และแม้แต่ตัวเขาเอง เรื่องนี้มีความซับซ้อนในการเล่า และมีการตอบแทนตัวละครที่เจ็บแสบ
อีกตอนที่ชอบก็คือ Ep.8 Lost & Found เล่าเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่ทางบ้านมีฐานะร่ำรวยมาก พ่อมีอิทธิพลมหาศาล แต่เขากลับกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยขี้ขโมย ในตอนนี้คือตอนเดียวของซีรีส์ ที่ทำให้เห็นว่ามนุษย์เรามีความหวัง และสามารถกลับตัวได้ แล้วทำให้เห็นว่าแนนโน๊ะให้โอกาสคนก็เป็นเหมือนกัน ตอนนี้มีอยู่ที่การหักมุมกลางเรื่อง เพื่อที่จะนำไปสู่บทสรุปของท้ายเรื่องที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
ส่วนอีกหลายตอนก็ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีบางตอนก็ถือว่าไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรนัก บางตอนเสนอแบบตรง ๆ ทื่อ ๆ เกินไป และบางตอนก็ทำให้เรารู้สึกว่าทีมสร้างน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากซีรี่ส์อันโด่งดังใน Netflix คือ Black Mirror ด้วย
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าขัดใจก็คือ ตอนจบของ Ep.13 ซึ่งถือว่าเป็นตอนจบของ Season 1 เขาให้แนนโน๊ะออกมาสรุปเรื่องราวทั้งหมดของซีรี่ส์ สรุปว่าประเด็นทั้งหมดนั้นมันเกิดมาจากอะไร เป็นเพราะอะไรถึงจึงมาให้ถึงจุดจบเช่นนั้น
โดยส่วนตัวของผมแล้วรู้สึกว่า ซีรี่ส์ไม่จำเป็นจะต้องสรุปก็ได้ เพราะหน้าที่การสรุปปมปัญหาและประเด็นทั้งหมดของซีรี่ส์ เป็นหน้าที่ของคนดู คนดูจะต้องตีความเอาเอง แล้วคนดูจะต้องรู้สึกเอาเองว่าทุกสิ่งในเรื่องที่นำเสนอ เป็นสิ่งที่ควรหรือไม่ควร มากกว่าการที่ให้แนนโน๊ะออกมาสรุป
แต่ก็อย่างว่า ตอนเปิดต้น Ep.1 ซีรีส์เขาเลือกที่จะให้แนนโน๊ะออกมาพูดเปิดเรื่อง ออกมาพูดถึงประเด็นความดัดจริตในสังคม ทีมสร้างจึงจำเป็นจะต้องให้แนนโนะออกมาพูดสรุปในตอนท้าย ซึ่งก็พอเข้าใจได้ครับ
กล่าวโดยสรุป เด็กใหม่ เป็นซีรีส์ไทยที่มีความสนุกสนาน ให้แง่คิดดี ๆ หลายประเด็น บางตอนดีมาก สนุกมาก สะใจมาก บางตอนไม่สนุก บางตอนตรรกเพี้ยนประหลาดมาก ความดีงามและวิธีการนำเสนอนั้นถือว่า ดี แรง ตรงประเด็น เป็นซีรีส์ที่พวกเต่าหัวโบราณ พวกไดโนเสาร์ หรือคนที่อยู่ในแวดวงการศึกษาบางคน ดูแล้วอาจลงไปดิ้นตายก็ได้
เพราะนี่คือการตีแผ่สังคมของเด็กวัยรุ่น ตีแผ่สังคมของเด็กนักเรียน ตีแผ่สังคมของวงการศึกษาเลว ๆ และตีแผ่ครอบครัวอันแตกร้าว ที่มันมีอยู่จริงในประเทศชาตินี้

ท้ายที่สุด ต่อให้เราคิดว่าเราเป็นคนดีแค่ไหน แต่เราทุกคนล้วนมีแนนโน๊ะอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น

และการที่แนนโน๊ะมีสถานะเป็นเด็กใหม่ มันก็เป็นการสื่อว่า มนุษย์เราสามารถมีกิเลสเข้ามากระทบจิตใจ กิเลศที่มาทดสอบเราได้ตลอดเวลา ให้เราทำในสิ่งที่ควรและไม่ควรได้เสมอ