รีวิวหนัง บอกโลกให้รู้ว่า “กูรักมึง”
เขาคือหนึ่งในผู้กำกับที่สร้างสันให้กับวงการหนังไทยไม่เว้นแต่ละปี กับเจ้าของผลงานที่ชุกชุมที่สุดแบบไม่มีใครเทียบได้ เขาคือ “พชร อานนท์” เจ้าพ่อที่อยู่คู่กับวงการหนังไทยมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา รีวิวหนัง บอกโลกให้รู้ว่า “กูรักมึง” แต่เชื่อหรือไม่ว่า…เขาที่ติดภาพการสร้างหนังแนวคอมเมดี้ทันกระแสไปเสียแล้ว ไม่ได้หวนกลับมาหยิบจับทำหนังแนวดราม่าจัดๆ อีกเลย นับตั้งแต่ “เพื่อน…กูรักมึงว่ะ” เมื่อปี 2550 และใน “บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง” (Tell the World I Love You) จึงได้กลายเป็นการหวนคืนฟอร์มอีกครั้งผู้กำกับชื่อพชร์ ประกาศให้โลกได้รู้ว่า…เขาก็ยังทำหนังดราม่าซึ้งๆ กินใจได้อยู่เช่นกัน
ดูหนังออนไลน์ บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง เล่าเรื่องราวของ เข่ง เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพญ และขออาศัยอยู่กับ ไท เพื่อนร่วมชั้นในวัยเดียวกัน เข่งมีความฝันว่าอยากจะไปเรียนต่อที่ประเทศจีนเพื่อตามหาแม่ที่พลัดพรากกัน แต่ชีวิตของเขาเกิดพลิกผัน เมื่อบังเอิญเข้าไปช่วยเหลือ บ้ง เด็กส่งยาที่กำลังถูกรุมทำร้ายจากกลุ่มนักเลงขาใหญ่ เฮียสง และ นิก จากนั้นมา พวกนักเลงก็ตามรังควาน เพราะเข้าใจว่าเข่งรวมหัวกันกับบ้งแอบซุกซ่อนยาเสพติดเอาไว้ เข่งจำเป็นต้องหนีออกจากบ้าน ไปหลบซ่อนอาศัยอยู่กับบ้งในที่ห่างไกล ทำให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ชีวิตของกันและกัน
แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ พชร์ อานนท์ ก็ยังคงรับบทบาทหน้าที่หลายๆ อย่างในเรื่อง ไม่ว่าจะกำกับหนังเอง และยังเขียนบทหนังด้วยตัวเอง ดูหนัง จึงทำให้เราอยากจะเห็นโอกาสที่เขาได้กำกับหนังจากบทหนังของคนอื่นอีกสักครั้ง เพราะการที่เขารับหน้าที่หลายอย่างในผลงานตัวเองนั้น ก็มีทั้งด้านดีและด้านเสียปะปนกันไป แต่สำหรับใน บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง นั้น คงต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า…ยังค่อนข้างน่าผิดหวัง แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังอะไรมาเลยก็ตาม
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง ก็คือบทภาพยนตร์ ที่ไม่สามารถกลั่นกรองเนื้อหาออกมาเป็นทำนองเดียวกันได้อย่างไหลลื่น กับความพยายามยัดเยียดปมดราม่าหลายๆ ปมเข้ามาผนวกเป็นหนังเรื่องเดียวกัน แบบที่เขามักจะทำกับหนังตระกูลหอแต๋วแตก แม้ว่าปมประเด็นในหนังเรื่องนี้จะมีแค่ 2-3 ปม แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือการเล่าเรื่องที่ขาดๆ หายๆ ตลอดทั้งเรื่อง ที่เป็นลายเส้นที่ไม่ควรจะยกให้เป็นเอกลักษณ์ในผลงานเลยสักนิด

การตัดต่อหนังก็ถือว่าเป็นอีกปัญหา เพราะมีอยู่แทบจะทุกๆ จุดในหนังเรื่องนี้่ที่ตัดอารมณ์ผู้ชมไปแบบดื้อ ไม่ต่างกับการนั่งดูละครทีวีและโดนตัดเข้าโฆษณาทำนองนั้น ทั้งที่เป็นการเล่าเรื่องบนหนังจอใหญ่ บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง กลับถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าขัดใจและขัดอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ทำให้บรรยากาศที่กำลังจะพอเหมาะพอเจาะดี กลับถูกขัดจังหวะเข้ากับการตัดต่อสะเปะสะปะ ที่ก็มักจะเห็นอะไรแบบนี้ได้บ่อยๆ ในผลงานของพชร์ อานนท์
แต่กระนั้น บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง เรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีในการแนะนำตัวละครและกระจายบทบาทได้อย่างเป็นธรรม นับว่าเป็นจุดเด่นของหนังพชร์โดยแท้ แม้ว่านักแสดงต่างๆ จะหน้าตาคล้ายกันและยังจำตัวละครนั้นนี่ได้ยังไม่หมด แต่ก็สามารถขับเอกลักษณ์ของแต่ละคาแรกเตอร์ออกมาได้อย่างพึงพอใจดี ถึงจะไร้ซึ่งเหตุผลอันน่าสมควรในบางตัวละครก็ตาม เพราะเป็นผลพวงมาจากบทหนังที่ค่อนข้างอ่อน แต่ในแง่นักแสดงและตัวละครแล้วในเรื่องนี้ถือว่าเป็นไฮไลต์ที่เด่น
สัมผัสได้ว่า บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง พยายามสร้างโทนและบรรยากาศออกมาเป็นสไตล์หนังแอคชั่นดราม่าวัยรุ่นที่เคยดังระเบิดมาช่วงปลายๆ ดูหนังฟรี ยุค 90s จนถึงต้นยุคปี 2000 ที่ก็ถือว่าเป็นการงัดประสบการณ์ของผู้กำกับออกมาใช้โดยแท้ เพราะหนังก็มีกลิ่นอายความเป็น “18 ฝน คนอันตราย” อยู่เบาๆ ซึ่งเป็นผลงานสร้างชื่อของพชร์ อานนท์ เมื่อราวๆ 25 ปีที่แล้ว
มาถึงในแง่การแสดงก็ถือว่าทุกๆ บทบาทและนักแสดงทำออกมาได้ค่อนข้างดีตามมาตรฐาน แม้ว่าพวกเขาบางส่วนจะเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้มีประสบการณ์มา แต่เมื่อต้องมาเล่นหนังที่เน้นซีนอารมณ์เป็นหลักก็ถือว่าทำได้ “บาส สุรเดช” คือดาวเด่นและออร่าเปล่งประกายในเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถบินเดี่ยวแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ก็ตาม แต่ถือว่าพัฒนาการแสดงนั้นดีขึ้นมาก เช่นเดียวกับ “เพิร์ธ ธนพนธ์” ที่รับซีนอารมณ์อยู่เกือบทั้งเรื่อง ก็ถือว่าถ่ายทอดออกมาได้ดี แม้จะคิดว่าเขาน่าจะทำได้ดียิ่งกว่านี้ได้อีกด้วยซ้ำ
“นิก คุณาธิป” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีบทบาทเด่นในหนังเรื่องนี้ เขาที่มีประสบการณ์และทำงานกับผู้กำกับมาหลายเรื่อง ถือว่าค่อนข้างเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อีกคนที่น่าจับตามองก็คือ “เน็ต สิรภพ” ที่เหมือนจะเป็นตัวละครที่ใส่เสริมเข้ามา แต่ปรากฏว่าเป็นคาแรกเตอร์สำคัญที่สร้างมิติทิ้งเอาไว้ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างคาดไม่ถึง แม้ว่าตัวหนังจะไม่สามารถถ่ายทอดและขยี้คาแรกเตอร์ออกมาได้ดีตามที่ต้องการให้ไปถึงก็ตาม

รีวิวหนังไทย ทั้งนี้อาจจะบอกได้ว่า บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง ยังคงไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับ เพื่อน…กูรักมึงว่ะ ได้สักเท่าไหร่นัก แม้ว่าเรื่องหลังจะไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบอะไร แต่ บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง ที่มาในโทนอาชญากรรมคล้ายกันกับยังค่อนข้างห่างชั้นกันอยู่ แม้ว่าจะรู้สึกเซอร์ไพรส์เล็กๆ ที่ได้เห็น “หญิง ฌัชฌา” อดีตนางเอกคู่บุญของ พชร อานนท์ ที่มักจะเรียกเธอกลับมาร่วมแสดงให้บ่อยๆ แม้ว่าเจ้าตัวจะเฟดตัวออกจากวงการไปแล้ว แต่ลีลาและน้ำเสียงในการแสดงยังน่าถวิลหาอยู่
โดยภาพรวมแล้ว บอกให้โลกรู้ว่ากูรักมึง ยังมีบทหนังที่ค่อนข้างอ่อน การตัดต่อที่เป็นปัญหา ไหนจะมุมกล้องและมุมภาพประหลาดๆ พ่วงการยัดเทคนิค Slow Motion Frame เข้ามาเกินความจำเป็นตลอดทั้งเรื่อง ไหนจะเอฟเฟคฟ้าแลบปลอมๆ ที่ไม่จำเป็นต้องแลบบ่อยขนาดนั้นก็ได้ เป็นจุดที่ทำให้ด้อยค่าตัวหนังลงไปอย่างน่าเสียดาย แต่กระนั้นหนังเรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นชัดๆ แล้วว่าไม่ใช่หนังวายอะไรทำนองนั้น นี่คือหนังแห่งมิตรภาพของผู้ชายตามที่ว่าไว้จริงๆ สไตล์แบบหนัง “4Kings อาชีวะยุค 90” ทำนองนั้น เพียงแต่ซอฟต์โทนลงมา และใส่กลิ่นวายยั่วๆ เข้าไปพอให้ได้สดชื่นประมาณนั้น
รีวิวหนัง บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง เลื่อนหนีโควิดมาเกือบ 1 ปีเต็ม ก็ถึงเวลาที่หนังไทยผลงานการกำกับของ พชร์ อานนท์ จะได้ฤกษ์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เสียที แถมตัวผู้กำกับยังเคลมอีกด้วยว่า “นี่คือหนังรักที่ดีที่สุด” ของตัวเองอีกด้วย
หลังจาก “เพื่อนกูรักมึงว่ะ” ในปีพ.ศ. 2550 ดูเหมือนว่าพชร์ อานนท์เองก็จะห่างหายจากหนังแนวโรแมนติกไปพักใหญ่ๆ และแน่นอนว่าหนังในยุคหลังอย่าง “หอแต๋วแตก” ก็ดูจะเป็นจักรวาลหนังทำเงินให้กับตัวผู้กำกับอยู่พักใหญ่ๆ
สำหรับ บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง นั้นบอกเล่าเรื่องราวของเข่ง (บาส – สุรเดช พินิวัตร์) เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดที่เข้ามาร่ำเรียนในกรุงเทพฯ เขาจึงขออาศัยอยู่กับไท (เน็ต – สิรภพ มานิธิคุณ) ซึ่งที่บ้านนั้นเป็นร้านขายข้าวหมูกรอบ ของพี่ชายอย่างแทน จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากกลับจากโรงเรียนเข่งบังเอิญไปช่วยบ้ง (เพิร์ธ – ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร) เด็กส่งยาที่กำลังถูกตามล่าจาก เฮียสง (สงกรานต์ – รังสรรค์ ปัญญาเรือน) และ นิก (นิก – คุณาธิป ปิ่นประดับ)
ด้วยเจตนาดีแต่เข่งไม่รู้เลยว่าการมีน้ำใจในครั้งนั้นจะนำมาซึ่งปัญหาคาราคาซัง เมื่อเข่งถูกตามระรานจากกลุ่มนักเลงจนวันหนึ่งถึงขั้นบุกเข้ามาพังร้านของแทน เว็บดูหนังฟรี จนพังพินาศและทำให้เข่งตัดสินใจที่จะย้ายออกไปอยู่คนเดียว ทว่าเขาก็ไปอยู่กับบ้งเป็นการชั่วคราวโดยที่ไม่รู้เลยว่า เด็กหนุ่มทั้งสองจะได้เรียนรู้โลกของกันและกันผ่านมุมมองที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

คงต้องบอกว่า บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง เป็นหนังที่พยายามเล่าความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายที่มีลักษณะของความ Bromance อารมณ์ผู้ชายที่มีความถูกชะตากันโดยไม่มีเรื่องเพศสัมพันธ์มาเกี่ยวข้อง แม้ว่าในหนังเรื่องนี้จะมีตัวละครอย่างไท ที่คนดูเองก็พอจะเดาออกตั้งแต่แรกว่าเขา “ชอบ” เข่งในฐานะที่มากกว่าเพื่อน
ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างบ้งและเข่งนั้น เป็นเหมือนเพื่อนผู้ชายสองคนที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์คับขันร่วมกันและต่างฝ่ายต่างก็พยามยามช่วยเหลือกัน เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายนั้นต้องลำบากหรือบาดเจ็บ แต่เมื่อเข่งที่ได้กระโจนเข้ามาสู่วังวนของยาเสพย์ติดและกลุ่มอันธพาล ทำให้เขาไม่อาจจะสลัดปัญหาทิ้งไปได้อย่างสะดวกโยธินสักเท่าไหร่
รีวิวหนัง บอกโลกให้รู้ว่า “กูรักมึง”
ถึงจะดูเป็นหนังสะท้อนปัญหาวัยรุ่น แต่คงต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้ยังอุดมไปด้วยปัญหาร้อยแปดพันเก้า โดยเฉพาะความไม่สมเหตุสมผลของบท ที่ทำให้คนดูเกิดอาการอิหยังวะ กันอยู่ตลอดเวลา อาทิ ฉากตำรวจมาบุกค้นบ้านของบ้ง แต่หนังหาทางออกให้กับตัวละครไปแอบอยู่หลังตู้และมีโมเมนต์กุ๊กกิ๊กกัน จนเราก็นึกสงสัยว่า ตำรวจด้านนอกนั้นหูหนวก หรือเพราะตู้เก็บของนี้เก็บเสียงได้ดีเยี่ยมกันแน่ หรือ ตรรกะตัวละครของเข่งที่กำลังจะสอบชิงทุนไปจีนแท้ๆ แต่ก็มีความ (สิ้น) คิดจะเอาปืนไปยิงคู่อริที่ด่าเขาว่าเป็นตุ๊ดเป็นต้น
เว็บดูหนัง ยังไม่รวมไปถึงงานถ่ายภาพและการเคลื่อนกล้อง ที่บอกเลยว่าถ้าใครกินข้าวอิ่มๆมาและนั่งใกล้หน้าจอมากๆ อาจจะเกิดอาการเวียนหัว สุ่มเสี่ยงต่อการอ้วกแตก เพราะวิธีการเคลื่อนกล้อง รวมไปถึงงานถ่ายภาพ เรียกได้ว่าน่าปวดหัวยิ่งนัก

บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง เป็นภาพยนตร์รักดราม่าที่เล่าเรื่องของเด็กนักเรียนมัธยมปลายไร้ครอบครัวกับเด็กเดินยาที่บังเอิญต้องมามีปัญหากับพวกแก๊งค์ค้ายาสุดโหดด้วยกัน การต้องเอาชีวิตรอดร่วมกันย่อมทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีขึ้น แต่แน่นอนว่าการจะหลุดพ้นจากจุดต่ำสุดย่อมไม่ง่ายอย่างที่คิด
การเล่าเรื่องสำหรับเรื่องนี้นี่ทำได้ดีทีเดียว ถือเป็นหนังพี่พชร์โหมดจริงจังที่ทำออกมาได้เยี่ยม สะท้อนปัญหาของวัยรุ่นและสงคมชนชั้นล่างในแบบที่ไม่ได้เห็นมานานมาก เอาจริงเนื้อเรื่องนี่แอบเหมือนเอาหนังเรื่อง “ เพื่อน..กูรักมึงว่ะ ” ของพี่พชร์แกเองมาดัดแปลงแล้วนำเสนอใหม่ในยุคนี้เลยครับ

เพราะยังคงเป็นเรื่องของผู้ชายสองคนที่ดันจับพลัดจับผลูได้มาดูแลกันและกันในสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ก่อนจะเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ขึ้น ความแตกต่างหลักก็คงเป็นเรื่องของช่วงวัยที่ลดระดับมาเล่าเรื่องของช่วงวัยรุ่นมัธยมปลายแทน ด้านโมเมนท์จิ้นวายของคู่พระนางก็มีแบบน่ารักขลุกขลิกพอประมาณ ไม่ได้ทะลึ่งใส่เต็มแบบแฟรนไชส์หอแต๋วแตก แถมยังกระจายเนื้อหาระหว่างฉากรัก ฉากการใช้ชีวิตทั่วไป และฉากดราม่าได้อย่างพอดี ผสมกับการแสดงของนักแสดงแต่ละคนที่ทุ่มเทมาก โดยเฉพาะกับฉากดราม่าทั้งหลาย ทำให้รู้สึกได้ว่าตัวละครนั้นมีชีวิตอยู่จริงๆ จับต้องได้ เข้าถึงได้
แต่ถึงจะชมมามากส่วนตัวก็รู้สึกว่าหนังยังมีด้านที่น่าขัดใจอยู่บ้าง อย่างแรกคงเป็นเรื่องของเนื้อหาที่ดูจะมีมากเกินไปหน่อย มีทั้งเรื่องของแก๊งค์ค้ายา เรื่องของการพยายามสอบชิงทุนของตัวเอก เรื่องของการพยายามแก้แค้นรุ่นพี่ของตัวเอก เรื่องของเพื่อนรักที่แอบชอบตัวเอก เรื่องจิ้นของคู่พระนางหลัก

เรื่องของตำรวจและการตามสืบคดีในท้องที่ เรื่องการสืบหาความจริงของเหตุฆาตกรรม เรื่องของอาม่า แถมเรื่องทั้งหมดนี้ต้องยัดเข้ามาในหนังยาวแค่ชั่วโมงสี่สิบนาทีอีก แล้วหนังเองก็ดันกระจายเวลาให้เนื้อเรื่องทั้งหมดที่ว่ามาพอๆ กันอีก ผมในฐานะคนดูเลยไม่รู้จะจับประเด็นไหนเป็นเรื่องหลักดี มันเยอะแยะไปหมด คือจะบอกว่าหนังต้องการนำเสนอปัญหาสังคมหรือปัญหาวัยรุ่นก็ออกแนวจับฉ่ายไปหน่อย เน้นสักจุดคงดีกว่านี้