รีวิวหนัง รักหมดแก้ว เลิฟออนเดอะร็อก

บางคนอาจจะตั้งคำถามว่าถ้าหากตัวเองไม่ได้เป็นคนกินเหล้าหรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชอบออกไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนในยามวิกาลแล้วจะยัง “มีอารมณ์ร่วม” รีวิวหนัง รักหมดแก้ว เลิฟออนเดอะร็อก ไปกับหนังเรื่องนี้หรือเปล่า อันที่จริงตัวหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเฉพาะกลุ่มขนาดนั้น จริงอยู่ที่เหตุการณ์หลักๆของมันจะเกิดขึ้นกับสังคมในวงสุรา แต่ในขณะเดียวกันตัวหนังก็ยังพูดถึงเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว-มิตรภาพระหว่างกลุ่มเพื่อน-การเรียนรู้ชีวิตผ่านชีวิตและคำบอกเล่าของคนอื่น รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่าของแต่ละคนด้วย

 

ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของ ไฟเลี้ยว(พิไลพร สุปินชมภู) หญิงสาวรักอิสระและไม่ต้องการจะถูกผูกมัดใดๆ เธอคิดว่าความรักที่ดีสำหรับตัวเองนั้นคือการที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้จนไม่น่าอึดอัดหรือห่างเหินกันมากจนเกินไป แม้ตลอดชีวิตเธอจะผิดหวังมาโดยตลอดจนกระทั่งเธอได้เจอกับ บั๊กโจ้(ณปรัชญ์ รัตนนิตย์) หนุ่มตี๋หน้างงโลก เจ้าของร้านเหล้าที่ขอเงินพ่อตัวเองมาเปิด เหมือนเป็นสถานที่เอาไว้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง เขาดูไม่คิดจะจริงจังอะไรกับชีวิตเพราะคิดว่าอนาคตยังอีกยาวไกลและเวลาก็เหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหมด

รีวิวหนัง รักหมดแก้ว เลิฟออนเดอะร็อก

ประเด็นเรื่องการคบกันแบบหลวมๆจึงถูกพัฒนาและชี้ให้เห็นว่าอันที่จริงแล้ว “ความรักแบบมีช่องว่าง” ก็มีปัญหาและความขัดแย้งในตัวเองอยู่ เมื่ออันที่จริงแล้วการที่คนสองคนอยู่ใกล้ชิดกัน (ในเรื่องเผยให้เห็นว่าทั้งไฟเลี้ยวและบั๊กโจ้อาศัยอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลาที่แต่ละคนอยู่คนเดียวก็ยังมีการแสดงออกถึงความเป็นเจ้าของกันและกันอยู่ดี) ความผูกพันของคนสองคนย่อมเกิดขึ้นมาอยู่แล้วอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยง ทำให้การ “คบซ้อน” ดูหนัง ของทั้งสองฝ่ายทำให้ต่างฝ่ายต่างเปรียบเทียบ “คนใหม่” ของกันและกันอยู่ในที

ขณะที่ฝ่ายหญิงกลายเป็นตัวละครที่พยายามจะสะท้อนสภาวะความไม่แน่นอนของการใช้ชีวิตคู่เธอเลยไม่อยากจะกระโจนลงไปในสิ่งที่เธอหวาดกลัวว่า ถ้าหากเธอเองตบปากและรักใครสักคนอย่างหมดหัวใจแล้ว เธอจะไม่ผิดหวัง ไฟเลี้ยวจึงเลือกจะเพลย์เซฟตัวเองด้วยการทำให้เจ็บปวดน้อยที่สุด ซึ่งหารู้ไม่ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่นั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองไม่แพ้กัน

และถึงแม้ว่าความรักระหว่างคู่พระ-นางจะว้าวุ่นแค่ไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันในหนังเรื่องนี้ก็คือบรรดาสังคมในวงเหล้าซึ่งประกอบไปด้วย พี่อุ๊(มาช่า วัฒนพานิช) เจ๊ใหญ่ในวงเหล้า เต็มที่ในทุกวันกับชีวิต, พี่แมน(ปองศักดิ์ รัตนพงษ์) เกย์แมนพูดจาตรงไปตรงมีมีความคิดสวนทางกับพี่อุ๊เสมอ, พี่โบ้(ปองกูล สืบซึ้ง) รุ่นพี่ร่างใหญ่ที่เป็นเหมือนศาลพระภูมิในวงเหล้า, พี่นุ(เอ็ม บุดดาเบลส) ทายาทลูกเศรษฐีที่ชอบแต่งตัวเป็นฮิปสเตอร์, เจ๊ด (สงกรานต์ The Voice) หนุ่มเซอร์สุดเสี่ยว ที่เคยจีบไฟเลี้ยวแต่ไม่ติดและ ญาญ่า (แอน โพลิติก) เพื่อนสนิทแสนสุภาพของไฟเลี้ยว

ความโดดเด่นอย่างหนึ่งของ “รักหมดแก้ว” ดูหนัง 4k คือช่วงเวลาที่หนังให้เราได้เห็นการอยู่รวมกันของคณะสุราที่กลุ่มเพื่อนจะพูดคุยกันอย่างสนุกสนานจนเราเกือบลืมไปเลยว่าบุคคลกลุ่มนี้กำลังแสดงหนังในเราดูอยู่ ซึ่ง “ความกันเอง” ของตัวละครจึงทำให้ผู้ชมเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนอีกคนที่ได้เฝ้ามองพวกเขาเล่าชีวิตอันน่าตื่นเต้น ฝาดโผนและน่าผิดหวังไปพร้อมๆกัน

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เมื่อมีเพื่อนสักคนในกลุ่มเกิดจะเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่สบายกะทันหันจนท้ายที่สุดแล้วเพื่อนคนดังกล่าวจะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ และถึงแม้ว่าเพื่อนคนอื่นๆจะเศร้าแค่ไหน จุดหักเหของชีวิตใครสักคนย่อมทำให้อีกหลายคน “คิด” ต่อไปอีกว่าชีวิตของเราล่ะจะเดินหน้าไปอย่างไรกันต่อดีเพราะท้ายที่สุดแล้วคนเราก็ต้อง “เลือก” ในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตตัวเอง และสุดท้ายเราก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองโดยที่ไม่มีใครมาสอนเราได้ด้วยเช่นกัน

โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าผมอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายสำหรับหนังเรื่องรักหมดแก้ว เลิฟออนเดอะร็อก ครับ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเข้าไม่ถึงหลายๆ สิ่งที่หนังพยายามนำเสนอ

เหตุผลหนึ่งอาจเพราะผมนั้นห่างไกลจากคำว่านักดื่มครับ ไม่ค่อยไปนั่งล้อมวงดื่มเหล้า มากสุดคือเบียร์ ซึ่งก็ไม่ได้แตะมา 10 กว่าปีตามความต้องการของภรรยา แต่ถ้าวันไหนอยากนั่งกับเพื่อนก็ให้เพื่อนดื่มไป ส่วนผมดื่มนมแทน (แต่ก็เมาตามพวกมันได้เหมือนกันนะครับ เป็นตัวพิสูจน์เลยว่าอุปทานหมู่น่ะมีจริง คนบ้าอะไรดื่มนม ดื่มเฮลส์บลูบอยแล้วเมาตามพวกมันไปได้น่ะ)

ปาร์ตี้ตามผับบาร์ในชีวิตนี้ก็เคยไปครั้งเดียว คือตอนนั้นจำไม่ได้ด้วยว่าเข้าร้านอะไร รู้แต่ว่าอยู่แถวรัชดา มีอยู่คืนหนึ่งผมกับเพื่อนๆ อยากลองดูสักหนว่ามันจะเป็นยังไง

มันเป็นการเข้าผับที่ฮามากครับ ผมกับเพื่อนๆ พอผ่านด่านตรวจบัตรนอกผับแล้วก็เดินต่อแถวกันเข้าไป เดินตามกันไปเรื่อยๆ เพราะคนแน่นมาก ไม่เจอที่นั่ง เจอแต่ผนังมนุษย์เต็มด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้าง

แล้วพวกผมก็เดินตามแถวไป…ดูหนังออนไลน์ เดินตามแถวไป… เดินตามแถวไป… จนออกมานอกผับ…

ผมกับเพื่อนพอออกมาก็มองหน้ากัน… งง… 5555

วันนั้นมีรุ่นน้องที่ไปด้วยกัน มันอายุไม่ถึงเกณฑ์ครับ ตอนเข้าไปเลยพยายามทำเนียนถือบัตรแบบแกว่งๆ เอานิ้วปิดๆ แต่สุดท้ายก็เข้าไม่ได้ มันก็ยืนรออยู่ด้านนอก ปรากฏว่าพอเห็นพวกผมออกมา มันถามว่า “เฮ้ย นี่พวกพี่กินกันเสร็จแล้วเหรอ”

“พวกตูเพิ่งไปเดินจงกรมมา”… อันนี้คิดในใจ ไม่ได้บอกมัน

นั่นแหละครับ ประสบการณ์ครั้งแรกและครั้งเดียว… สงสัยบุญไม่ถึง

ผมเชื่อว่าสังคมแต่ละแบบก็มีเสน่ห์ของมันครับ คนชอบเข้าวัดก็พบเจอสุขอย่างหนึ่ง คนชอบอ่านหนังสือก็เจอสุขอย่างหนึ่ง คนชอบสังสรรค์ก็เจอสุขอย่างหนึ่ง ต่างแบบต่างสไตล์กันไป

ผมไม่ใช่นักดื่ม แต่ก็พอเข้าใจครับว่าทำไมคนถึงชอบดื่ม ชอบตั้งวง ชอบสำมะหลาฮ่าเฮ่ เหตุผลอาจไม่ใช่เพราะเหล้าที่ทำให้สุข แต่เพราะได้เจอคนคอเดียวกัน คิดเหมือนกัน ชอบอะไรเหมือนกัน และประสบการณ์คล้ายกันมาใช้เวลาร่วมกัน มาแลกเปลี่ยนปรับทุกข์ มาแบ่งปันความสนุกที่พบเจอ มาซับเลือดซับน้ำตาให้แก่กัน

จริงๆ กลุ่มคนที่เป็นเพื่อนกันบนโลกใบนี้ก็แพทเทิร์นนี้ทั้งหมดนั่นแหละครับ อยู่ที่ว่าอะไรจะเป็นสื่อกลางที่วางบนโต๊ะ (เหล้า, แฟชั่น, จักรยาน, อาหาร, กาแฟ, สัตว์เลี้ยง, หนังสือ ฯลฯ) เราชอบแบบไหนก็มีเพื่อนแบบนั้นนั่นแหละ

รีวิวหนัง รักหมดแก้ว เลิฟออนเดอะร็อก

กลับมาเรื่องหนังก่อนดีกว่า สำหรับผมหนังเรื่องนี้ก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ เพียงแต่บางประเด็นที่ผมว่ามันคงมีความหมายบางอย่าง (อย่างตอนเจ๊มาช่าบอกว่าไอ้คนนี้เหมาะกับเหล้าแบบไหน) ผมกลับไม่เข้าใจมันอย่างเต็มที่ แต่จากการดูนั้น รู้สึกคนทำจะตั้งใจทำฉากที่ว่าออกมามากทีเดียว

ผมจึงไม่อาจสรุปครับว่าหนังเรื่องนี้ดี-ไม่ดี… จริงๆ หนังเรื่องไหนผมก็สรุปไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ผมบอกได้เพียงว่าผมชอบหรือไม่ มันแนวผมหรือเปล่าเท่านั้นเอง ^_^

สำหรับเรื่องนี้ ก็ดูได้เพลินๆ รีวิวหนังไทย ดี เพียงแต่ความประทับใจอาจไม่มาก สาระก็มีเช่นการเสียดสีคำว่า “รักได้ แต่อย่าครอบครองกัน อย่ามาเป็นเจ้าของกัน” ที่ในเชิงปรัชญามันดูเท่ห์และสวยงาม แต่เอาเข้าจริง ถ้าเรารักใครสักคนแล้วเรามีความรู้สึกห่วงหาหรืออยากครอบครอง มันเป็นเรื่องที่ผิดขนาดนั้นเลยหรือเปล่า

บางทีเราไม่ได้จะครอบครอง แต่เราเพียงต้องการในบางสิ่ง ทว่าอีกคนกลับมองว่า “นั่นแหละ คือการครอบครอง” แล้วอะไรคือ “ตรงกลาง” ของนิยาม

หรือเรากำลังโดนฤทธิ์ของคำกล่าวสวยหรู (ที่ยูและไอไม่ได้พูด แต่คนอื่นพูดแปะกระดาษไว้) ครองครองเสียแทน?

หนังยังมีสาระชีวิตที่ผู้ชมอาจต้องผ่านโลกมาในระดับหนึ่งจึงจะเข้าใจ เช่น การเลือกทางเดินของคน การจมอยู่กับความผิดหวังครั้งเก่า แต่บางเรื่องผมเชื่อว่าวัยรุ่นที่เคยมีรักน่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก เช่น การปากแข็ง ปากไม่ตรงกับใจ หรือบางครั้งตรงกับใจมากเกินไป ก็ทำให้เกิดหายนะกับชีวิตได้

เอาเป็นว่านี่ก็เป็นหนังรักผสมชีวิตของวัยรุ่นอีกเรื่องที่อาจจะเหมาะสำหรับคนที่นิยมสังคมหมดแก้ว จริงๆ มันก็น่าสนใจดีครับ เพราะปกติหนังรักมักมาในโทนโลกสวยๆ น่ารักกุ๊กกิ๊ก เรื่องนี้ก็ถือว่าสะท้อนชีวิตคนในปัจจุบันได้ในระดับหนึ่งครับ เพียงแต่ในแง่ของพล็อตและการเดินเรื่อง ก็อาจยังไม่ลงตัวไปเสียทั้งหมด หรือบางประเด็นที่หนังเปิดไว้ ก็ยังเล่นไม่ถึงสุดทาง

“รักหมดแก้ว” คือหนังแนวโรแมนติก-ปาร์ตี้ ที่ทั้งเรื่องวนเวียนแต่ ‘การก๊งเหล้าและเมาท์มอยกับเหล่าเพื่อนฝูง’ แต่สามารถดึงเอาส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคน มาตีแผ่ได้อย่างสนุกปาก การดำเนินเรื่องนำผลลัพธ์มากล่าวในตอนต้น ก่อนจะย้อนกลับไปหาต้นเหตุ เพื่อเล่าชีวิตความเป็นอยู่ของตัวละครหลัก 2 คน คือ บักโจ้ (ณปรัชญ์ รัตนนิตย์) และไฟเลี้ยว (พิไลพร สุปินชมภู)

ตลอดทั้งเรื่องคือการนำเสนอความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครข้างต้น ผ่านมุมมองความรักที่ต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละแนว โดยมีเพื่อนฝูง/คนรู้จัก เป็นตัวแปรที่ทำให้ความสัมพันธ์มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงก็อ้างอิงจากความจริงที่หลายคนเคยพบเจอในชีวิตประจำวัน ณ จุดนี้หนังเล่าได้อย่างมีมิติ สอดแทรกไปกับเสียงหัวเราะจากบทสนทนาตลกๆ แม้ว่าฉากสำคัญทั้งเรื่องจะมีเพียงแค่ไม่กี่ฉาก แต่ความโดดเด่นก็คือ การนำฉากเพียงไม่กี่ฉากนั้น มาใส่อารมณ์/ความรู้สึก และทำให้คนดูอินไปกับเรื่องราว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวดูไม่เคอะเขินจนเกินไปคือ ตัวละครแต่ละตัวในหนังมีความเป็นตัวของตัวเอง ดูหนังออนไลน์ 4k นักแสดงเล่นเป็นธรรมชาติ จนนึกไปว่านักแสดงไม่ได้แสดงให้ดู แต่กำลังใช้ชีวิตจริงๆผ่านจอภาพยนตร์ ให้คนดูอย่างเราๆหวนกลับมามองตัวเอง มองถึงความเป็นไปในชีวิต มองถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นรอบตัวเมื่อมีคนรู้จักเข้ามาทักทาย

ด้วยความเป็นหนังวงเหล้า การพูดการจาอาจไม่ได้โลกสวย การสื่อสาร/การนำเสนอ อาจจะแคบแค่ในผับในบาร์ แต่เมื่อลองคิดตามและทำความเข้าใจ หนังนำเสนอแง่มุมชีวิต/แง่มุมความรักได้น่าสนใจ บางครั้งเราอาจให้ความสำคัญกับตัวเองเกินไป จนลืมไปว่าเพื่อนที่เฮฮาอยู่ข้างๆเราในงานปาร์ตี้ ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญในชีวิต ไม่ต่างที่กับตัวเราที่เพื่อนให้ความสำคัญ จนเรียกมาปาร์ตี้ด้วย

การแสดงเรื่องนี้ถือว่าธรรมชาติ การพูดการจาสื่ออารมณ์ดี แต่สีหน้าอารมณ์อาจยังไปไม่ถึงบ้าง ก็พอจะอภัยได้ เมื่อมองว่าสิ่งที่หนังมอบให้ คือให้เรามองมุมกว้าง ไม่ใช่มองแค่ตัวเราคนเดียว ถ้าเราก๊งเหล้าอยู่คนเดียว แล้วชีวิตจะมีสีสันได้อย่างไร?

หนังใช้เวลาตลอดทั้งเรื่องเพื่อสื่อความหมายว่า ความรักก็เหมือนกับเครื่องดื่ม ถ้าขาดน้ำแข็งก็คงไม่กระชุ่มกระชวย การที่หนังใช้ชื่อเรื่องว่า “รักหมดแก้ว” ก็เพื่อจะบอกว่า จงเต็มที่กับความรัก มีเท่าไร ทุ่มเทไปให้หมด ส่วนคำห้อยท้ายที่ใช้ว่า “เลิฟออนเดอะร็อก” มาจากเมื่อเราสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วบอกบาร์เทนเดอร์ว่า on the rock ความหมายก็คือ ให้ใส่น้ำแข็งลงไปด้วย ดังนั้นเมื่อความรักใส่น้ำแข็งลงไป ก็จะทำให้ความรักมีสีสัน มีความกระชุ่มกระชวย คนเราคงจะอยู่ไม่ได้ถ้าหากขาดความรัก ก็เหมือนกับเครื่องดื่มที่จะไม่มีความสดชื่น เมื่อขาดน้ำแข็งนั่นเอง…