รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี

“The Eyes Diary : คนเห็นผี” เป็นหนังสยองขวัญเรื่องล่าสุดของผู้กำกับฯ ชื่อดัง “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บางคนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เห็นแต่กลับไม่ได้เห็น รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี ในขณะที่บางคนต้องทนเห็นในสิ่งที่ไม่อยากจะเห็น”

จุดเริ่มต้นของความอยากเห็นเกิดหลังการจากไปของ “ปลา” (โฟกัส จีระกุล) ทำให้ “น็อต” (ปั้นจั่น-ปรมะ) จมอยู่กับความทุกข์และพยายามทำทุกวิถีทางให้ได้เห็นแฟนสาวอีกครั้ง โดยเริ่มจากเก็บของของคนตายมาไว้ในบ้าน หวังว่าตัวเองจะได้เห็นคนตายและได้เจอปลา
แน่นอนว่าเพื่อนๆ ของเขาต่างพยายามเตือนและกล่อมว่าผีไม่มีอยู่จริง มีแต่ “มดตะ” (เมโกะ-ชนนิกานต์) เท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของน็อต และร่วมกระบวนการคนอยากเห็นผีด้วยอีกคน “จอห์น” (แจ๊ค-กิตติศักดิ์) ซึ่งเป็นคนมีเซนส์ พยายามห้ามปรามเพื่อนๆ ว่าการเห็นผีไม่ใช่เรื่องสนุกหรอก แต่ก็ไม่มีใครเชื่อฟัง
ดูหนังออนไลน์ ถ้าถามถึงเหตุผลที่ควรไปดู “The Eyes Diary : คนเห็นผี” เหตุผลแรกก็คงเป็นความ Cult ของมัน เป็นหนังผีที่น่ากลัวระดับนึงเลยทีเดียว เพราะซาวด์เอฟเฟ็กต์ตุ้งแช่ได้ใจมาก และยังมีหลายฉากที่ทำให้นึกถึงหนังผีดังๆ หลายเรื่อง เช่น Annabelle, The Walking Dead, ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ฯลฯ ซึ่งคิดว่าน่าจะถูกใจคอหนังสยองขวัญไม่มากก็น้อย
ในขณะเดียวกัน “The Eyes Diary : คนเห็นผี” ก็เป็นหนังผีที่คนกลัวผีก็ดูได้ดูดี เพราะมีบทตลกโปกฮามาตัดความน่ากลัวอยู่ตลอดเรื่อง (แล้วฉากตลกมันก็ตลกจริงๆ นะ) ประกอบกับผีทุกตัวในเรื่องนี้ไม่ใช่ผีที่มากับ “ความแค้นอาฆาต” แต่เป็นผีที่ “มีบ่วง” โดยเฉพาะนางเอกที่ติดอยู่กับบ่วงของความรัก
สิ่งที่ชอบมากๆ ในเรื่องนี้ก็คงเป็น “ผีสารพัดผี” ที่สภาพศพมาเต็ม มีหลากรูปแบบสภาพการตายและความเละสมจริงจนต้องยกนิ้วให้ แต่ละตัวก็ทั้งน่ากลัวสุดและตลกสุดในคราเดียวกัน ถือว่าทำผีออกมาได้ดี ตั้งแต่ผีตัวแรกเลย ฝังใจมาก โผล่มาทีนึกว่าซอมบี้จากซีรีส์ The Walking Dead มาเอง เว้นก็แต่ผีนางเอก (โฟกัส) นี่แหละ ที่ดูสวยไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ ตายมาหลายเดือนแล้วยังไม่เละสักที
รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี
ที่น่าพอใจอีกอย่างคือนักแสดงเล่นได้ชวนดูทุกคน ยกเว้นก็แต่พระเอก (ปั้นจั่น) ที่รู้สึกเล่นใหญ่เกินจำเป็น และก็ดูแก่ไปหน่อยเมื่อเทียบกับนักแสดงคนอื่น
นอกจากพระเอกที่เป็นจุดอ่อนแล้ว หลักๆ ที่ควรทำใจคือความสมเหตุสมผลของพล็อต โดยรวมบทค่อนข้างอ่อน หลวมๆ เละๆ และมี sub-plot เยอะไปหมด เช่น ฉากตุ๊กตาผีก็ดูไม่จำเป็นกับเนื้อเรื่อง (แต่ใส่มาก็บันเทิงดี) หรือฉากไปบ้านของมดตะนั่นก็ดูไม่จำเป็นและดูล้นๆ (ยังไม่เข้าใจว่าพระเอกจะตะคอกทำไมเยอะๆ ในเมื่อคุยกันอยู่สองคนในบ้าน) และอีกหลายจุดที่คงกล่าวไม่ได้ เพราะถ้ายกตัวอย่างมากกว่านี้ก็คงจะเป็นการสปอยล์ซะละ
รีวิวหนังไทย จุดอ่อนอีกประการคือ ประเด็นดราม่า ต้องบอกว่าเราแอบผิดหวังนิดหน่อย เพราะปกติผลงานเก่าๆ ของพี่มะเดี่ยวจะขยี้จุดดราม่าได้พีคกว่านี้ แต่ใน “The Eyes Diary : คนเห็นผี” พยายามเล่นประเด็นบ่วงรัก ยังเล่นไม่สุด เราดูแล้วเรารู้สึกไม่อิน แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังมากไปก็ได้ เพราะเห็นบางรีวิวก็ชมประเด็นดราม่าตรงนี้ว่าพี่มะเดี่ยวถ่ายทอดได้ดี
นอกจากภาพรวมของบท ไดอะล็อกบางประโยคก็เหมือนก๊อปคำคมเกร่อๆ มาพูดทื่อๆ ฟังแล้วไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่ (ดีที่คำคมยังไม่ตกต่ำไปเลเวลหกสิงหา)
จะว่าไปแล้วตัวหนังของ “คนเห็นผี” ที่กำกับโดย มะเดี่ยว ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ตั้งใจจะเล่าเรื่องราวในหนังเพื่อขายความบันเทิงเชิงพาณิชย์ ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคาดหวังรายได้จากผู้ชม และอันที่จริงแล้วหนังผีก็มักจะมีสูตรสำเร็จตายตัวอยู่ไม่เพียงกี่พล็อตซึ่งมักจะถูกหยิบเอามาใช้ซ้ำซากจนคนที่ดูหนังสยองขวัญมาบ่อยครั้งมักจะสามารถจับทางและคาดเดาอยู่ได้เสมอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ต่อๆไปในภาพยนตร์
แม้ว่าตัวอย่างของคนเห็นผีนั้นจะบอกเล่าและตั้งใจขายเรื่องราวที่ว่าแฟนหนุ่มคนหนึ่งกำลังอาลัยอาวรณ์การจากไปของแฟนสาวผู้เป็นที่รัก เขาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนได้มีโอกาสกลับมามองเห็นหรือได้พบเจอกับคนรักของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เขาจึงเริ่มผันตัวเองไปเป็นหน่วยกู้ชีพและเก็บเอาของคนตายเอามาไว้ที่บ้าน เพราะมีความเชื่อที่ว่าหากนำสิ่งของเหล่านั้นเอามาไว้ที่บ้านแล้วจะช่วยให้ตัวได้เห็นวิญญาณมากขึ้น
อันที่จริงตัวผู้กำกับอย่างมะเดี่ยวเองก็ถือได้ว่าเขาเคยทำหนังสยองขวัญเอาไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้วกับเรื่อง “คน ผี ปีศาจ” ซึ่งตัวเขาสามารถจัดการเอาเรื่องราวใน 2 แนวหนังเอาเข้ามาผสานกันได้อย่างลงตัวนั่นก็คืออารมณ์สยองขวัญและดราม่าเรื่องของสองพี่น้อง ในขณะที่คนเห็นผีก็ถูกผสมผสานอารมณ์ระทึกขวัญสยองขวัญกับอารมณ์รักโรแมนติคเข้าไว้ด้วยกัน
ความห่วงหาอาธรณ์ของตัวละคร น็อต(ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย) เป็นตัวเดินเรื่องเหตุการณ์ที่สำคัญ ความพยายามอยากจะเห็นแฟนเก่าของตัวเอง การจมจ่อมอยู่กับความปวดร้าวนั้นสะท้อนให้เห็นถึงความ “ผิดพลาด” บางอย่างที่ได้ทำไว้กับปลา (โฟกัส จิระกุล) นั่นก็คือการทำให้แฟนสาวของตัวเองประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์คว่ำ ซึ่งตัวน็อตเป็นคนขับเอง และแน่นอนว่าการไม่สามารถก้าวต่อของเขาทำให้การค้นหาทางออกกับชีวิตตัวเองนั้นคือความพยายามในการทำให้ตัวเองได้พบกับปลาที่ตายไปแล้ว

รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี

การตัดสินใจของน็อตในการสมัครเข้าร่วมทีมเก็บศพและเริ่มเก็บเอาของเล็กๆน้อยๆจากคนที่ตายโหงเอากลับมาไว้ที่บ้าน เพราะเขาเชื่อว่าเมื่อได้เห็นผีแล้วเขาอาจจะได้เจอกับปลา ทว่าตัวน็อตเองกลับไม่เคยได้เห็นคนรัก ส่วนเพื่อนคนอื่นๆที่อยู่บ้านเดียวกับน็อตกลับได้เห็นบรรดาผีทุกวันจนท้ายที่สุดเพื่อนๆก็พากันย้ายออกจากบ้าน เหลือไว้ก็เพียงแต่มดตะ(เมโกะ-ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย) คนเดียวที่พอจะเข้าใจและยื่นมือเข้ามาช่วย ทว่า จอห์น (แจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) ดูหนัง ได้พยายามเตือนน็อตว่าอย่าหาเรื่องใส่ตัวเนื่องจากการได้เห็นวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องสนุกและมีอันตรายมาก และยิ่งเหมือนเหตุการณ์จะยิ่งบานปลายมากขึ้นเมื่อน็อตต้องการจะเผชิญหน้ากับวิญญาณร้ายในโรงพยาบาลที่ลือกันว่าเฮี้ยนที่สุด โดยที่น็อตไม่เคยรู้เลยว่าตลอดมาความพยายามของน็อตอยู่ในสายตาของปลาที่เป็นวิญญาณอยู่ตลอดเวลา
รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี
ตัวหนังน่าสนใจมากกว่าในตัวอย่างมากยิ่งขึ้นเมื่อหนังยังบอกเล่าอารมณ์ของวิญญาณอย่างตัวละครปลาที่ทำให้เราเห็นว่าเธอพยายามอยากจะให้น็อตหยุดการกระทำของเขามากแค่ไหน เพราะเธอรู้ดีว่าถึงเธอจะรักเขามากเพียงใด ตนก็ไม่ต้องการให้คนรักต้องเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้
สีสันอีกอย่างของหนังคือการที่ผู้กำกับอย่างมะเดี่ยวเข้าใจ “แนวทาง” ของหนังสยองขวัญได้เป็นอย่างดี เขาจึงสามารถ “รู้จังหวะ” ในการทำให้คนตกใจกลัวและสามารถกลับมา “ตลก” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที ซึ่งคงจะบอกได้ว่าชั่วโมงบินในการทำงานนั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ที่ทำให้อารมณ์ของหนังขึ้นลงตลอดเวลา
ในเชิงภาพรวมของหนังอาจจะไม่ได้ดีเด่นมากนักเนื่องจากการแสดงของนักแสดงนำยังเรียกได้ว่ามีความ “ล้น” และ “ขาด” ในหลายๆครั้งแต่ อย่างน้อยการบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวในเรื่อง ก็เรียกได้ว่ามีมิติและน่าสนใจ ไม่ได้เป็นตัวละครโง่ๆที่ไม่มีความสำคัญอะไรในหนังผีที่ถูกยัดเข้ามาเพื่อเป็นตัวแทนความกลัวของคนดูเท่านั้น ซึ่งแน่นอนมันมีความไม่ลงตัวแปร่งเปร่าอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่หนังผีที่ไร้ชั้นเชิง…
สามเดือนแล้วที่ “น็อต” (ปั้นจั่น ปรมะ) เป็นแบบนี้ เต็มไปด้วยความเศร้าสลด ทุกข์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คงเป็นเพราะเหตุการณ์คืนนั้นคืนเดียวที่ทำให้เขาต้องสูญเสีย “ปลา” (โฟกัส จีระกุล) แฟนสาวในอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์คว่ำที่เขาเป็นคนขี่มันเอง
น็อตอยากจะลืมแต่ลืมไม่ได้ ทั้งรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจจนหัวใจจะแตกสลาย ทางเดียวที่น็อตคิดว่าจะทำให้เขาพ้นความเจ็บปวดนี้ไปได้ คือการได้พบกับปลาที่ตายไป น็อตพยายามค้นหาวิธีทำให้ “เห็นผี” ในที่สุดก็ได้สมัครเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเก็บศพ และแอบเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ของคนที่ตายโหงกลับบ้านไป เพราะคิดว่าเมื่อได้เห็นผี น็อตอาจจะได้เจอปลา แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น น็อตไม่เคยเจอผีสักครั้ง แต่คนที่เจอกลับเป็นเพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกับน็อตที่ต้องขนหัวลุกกันแทบทุกวัน ท้ายสุดไม่มีใครทนได้จึงพากันย้ายหนี เหลือเพียง “มดตะ” (เมโกะ ชนนิกานต์) เพื่อนสาวอีกคนที่พอจะเข้าใจน็อตและพร้อมจะเคียงข้างเขา
นับเป็นการกลับมาเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แนวระทึกขวัญสยองขวัญในรอบ 10 ปี ของผู้กำกับมือรางวัล “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล” ตั้งแต่ “คน ผี ปีศาจ” ภาพยนตร์ระทึกขวัญเรื่องแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 และตามด้วย “13เกมสยอง” (2549) ก่อนที่จะหันไปสร้างชื่อและประสบความสำเร็จกับ “รักแห่งสยาม” (2550) ภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติกที่กวาดรายได้และคว้ารางวัลทางด้านภาพยนตร์อย่างมากมาย
และในปี พ.ศ.2557 “สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล” และ “สตูดิโอคำม่วน” พร้อมแล้วที่จะนำทุกท่านดำดิ่งลงสู่ด้านมืดที่ลึกสุดของมนุษย์กับความต้องการ “เห็น” ที่จะเปลี่ยนชีวิตโดยสิ้นเชิง เมื่อความตายคืออุปสรรคสำคัญของความรักอันนำไปสู่เรื่องราวชวนขนลุกใน “The Eyes Diary คนเห็นผี” ภาพยนตร์แนวโรแมนติก-เฮอร์เรอร์เรื่องล่าสุด ภายใต้การผสมผสานของ 2 แนวทางภาพยนตร์ที่เป็นทางถนัด และถือได้ว่าเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของผู้กำกับ “มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล”
“หนังเรื่องนี้จริงๆ มันก็คือหนังที่พูดถึงเรื่องราวความรักของตัวละครที่มีอุปสรรคคือความตาย หนังรักที่เอาตัวเราไปแทนได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เรารักตายจากไปโดยที่มีอะไรบางอย่างติดค้างคาอยู่ แล้วเราพยายามจะสื่อสารกับเขา ชีวิตจริงเราอาจไม่กล้าทำอย่างตัวละครในหนัง แต่ว่าเราลองไปดูว่ามีอะไรที่เมื่อเราข้ามเส้นของความกลัว ความสยดสยองไปแล้ว ความรักจะสามารถนำพาให้เราผ่านความกลัว
รีวิวหนัง THE EYES DIARY คนเห็นผี
ความเกลียดชังที่ไม่รู้ว่าข้างหน้ามันคืออะไร ความรักจะผลักดันคุณให้ทำถึงขนาดนั้นได้ไหม สิ่งที่คนดูจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้มันคือการเห็นตัวคุณเอง ว่าตัวคุณจะทำได้ขนาดไหน ถ้าเกิดจะต้องเสียคนที่คุณรักที่สุด ถ้าคุณรู้ว่าคนรักของคุณอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโลก
 ทำได้ขนาดไหนเพื่อที่จะได้เจอ ได้เห็น ได้เคลียร์สิ่งที่ติดค้างอยู่ ดูหนังออนไลน์ 4k คือดูแล้วอาจจะรักคนที่คุณรักมากขึ้นอาจจะเห็นความสำคัญของคนที่คุณมีความผูกพันกับเขามากขึ้น ดูแล้วจะไม่อยากตายไปจากกัน เพราะความตายมันเป็นอุปสรรคที่ใหญ่โต แล้วมันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งมันไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดขึ้นกับเราตอนไหนด้วย สิ่งสำคัญถ้าหากคุณมีความรักอยู่กับตัวคุณเองแล้วรักษามันไว้ให้ดี ทำวันนี้กับคนที่คุณรักให้ดีที่สุด”
ด้วยพล็อตเรื่องและไอเดียที่มาพร้อมกับความแปลก และแตกต่างจากหนังรักและหนังผีสยองขวัญโดยทั่วๆ ไปเรียกได้ว่า “เข้าตา” จนสามารถสร้างความฮือฮาในตลาดการซื้อขายภาพยนตร์ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ส่งผลให้ “The Eyes Diary คนเห็นผี”
 จากผลงานการสร้างและจัดจำหน่ายของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ดูหนัง 4k ” ประสบความสำเร็จสามารถขายสิทธิ์ Pre-Sale ในการจัดจำหน่ายให้กับผู้ซื้อภาพยนตร์จากต่างประเทศได้ในหลายประเทศตั้งแต่ตัวหนังยังไม่เปิดกล้องถ่ายทำโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกือบทั้งหมด (สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ฮ่องกง, ไต้หวัน) จากการเปิดเผยของ “กิลเบิร์ต ลิม” รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส ฝ่ายต่างประเทศ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
“เป็นเพราะเนื้อหาและเรื่องราวของหนังจริงๆ  มันมีความพิเศษตรงที่ตัวเรื่องราวของหนังไปสัมผัสความรู้สึกคน ซึ่งมีทั้งในส่วนของความซึ้งโรแมนติก แต่ในขณะเดียวกันก็น่ากลัวมากๆ  ตอนที่ลูกค้าได้ฟังพล็อตเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความสยองและน่ากลัวมากๆ บางฉากที่เล่าเรื่องของเหตุการณ์ที่ตัวละครต้องเจอมันค่อนข้างจะชวนให้คนดูรู้สึกขนลุก แต่กลับกลายเป็นว่าตัวหนังเองนอกจากทำให้คนดูรู้สึกขนลุกด้วยความกลัวแล้ว
 ยังสามารถทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงมุมความโรแมนติกที่รวมเข้าไปอยู่ในตัวหนังด้วย กลายเป็นว่าแม้แต่เรื่องราวในส่วนโรแมนติกก็ทำให้คนดูเกิดอาการขนลุกได้ด้วย คือมันมีหลายฟีลลิงที่รวมอยู่ในหนังเรื่องนี้ ซึ่งน้อยมากที่จะมีหนังผีสักเรื่องที่มีอารมณ์แบบนี้ที่มันน่ากลัวแล้วก็โรแมนติกอีก หลายคนฟังเรื่องแล้วรู้สึกอินมาก”