รีวิวหนัง นะโม OK

ภาพยนตร์เรื่อง นะโม OK เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ  ฐิติพงศ์  ใช้สติภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของวัดเล็กๆวัดนึงที่อยู่กันอย่างเงียบสงบจนวันหนึ่ง ที่มีพระฝรั่งความจำเสื่อมมาอาศัยอยู่จึงทำให้วัดคึกคักขึ้นมา  รีวิวหนัง นะโม OK ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นเก่งกาจ จงใจพระ รับบท หลวงพ่อธีร์ เจ้าอาวาส พระผู้ใหญ่ที่น่านับถือ อารมณ์ดี เป็นพระนักคิด นักพัฒนา ท่านสามารถมองทุกอย่างรอบตัวในชีวิตประจำวันให้เห็นเป็นธรรมะได้

รีวิวหนังไทย คนต่อมาคืออดัม  ซีมา รับบท พระสตีฟ พระฝรั่งความจำเสื่อมที่มาอาศัยจำวัดชั่วคราว เพื่อรักษาตัว ด้วยความที่ความจำเสื่อม กิจปฏิบัติสงฆ์หลายอย่างก็หลงลืมไป ด้วยความซื่อ และจริงใจ ทำให้หลายครั้งที่พระสตีฟทำอะไร ไม่ค่อยเข้ากับกิจของสงฆ์ กลายเป็นสร้างรอยยิ้มให้กับชาวบ้าน คนต่อมาคือจุมพล ทองตัน รับบท พระวินัย  พระนักปฏิบัติที่ยึด ระเบียบวินัยสงฆ์เหนือสิ่งอื่นใด  มีวัตรปฏิบัติที่สำรวมเคร่งขรึมไม่ต่างจากครูปกครองที่ทั้งพระลูกวัด
 และเด็กวัดยังต้องเกรงกลัว คนต่อมาคืออัฒรุต คงราศี รับบท พระน้อย พระหนุ่มที่พยายามค้นหาความจริงในการปฏิบัติธรรม พระน้อยช่างคิด และชอบตั้งคำถามกับทุกสิ่งอย่างในชีวิต เพื่อให้ค้นพบสัจธรรม คนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือค่อม ชวนชื่น รับบท เสี่ยถัง เจ้าของที่ดินที่ ร่ำรวยเงิน ด้วยธุรกิจทั้งถูกกฏหมาย และผิดกฏหมาย ทำให้มีศัตรูมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นเสี่ยถังก็ยังไม่หยุดที่หาเงินมาเพิ่มในบัญชีเรื่อยๆด้วยการเอาเปรียบชาวบ้านตาดำๆ โดยภาพยนตร์เรื่อง นะโม OK เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2561
รีวิวหนัง นะโม OK
ภาพยนตร์เรื่อง นะโม OK เปิดเรื่องราวมาที่ วัดเล็กๆนอกเมืองเพชรบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆที่ค่อนข้างเงียบสงบ  แต่วันหนึ่งความเงียบสงบก็หายไปเมื่อพระฝรั่ง ความจำเสื่อม ต้องมาอาศัยจำวัดเพื่อรักษาความทรงจำ ชาวบ้านจึงต่างกันตื่นเต้นที่มี พระฝรั่งมาอยู่ที่วัด
ชาวบ้านพากันเดาเรื่องราวที่หายไปจากความทรงจำของพระ สตีฟ ไปต่างๆนาๆ และเสี่ยถังที่หวาดกลัวมือปืนที่จะตามฆ่าโดยเขาคิดว่าพระสตีฟเป็นมือปืน ส่วนสองเณรโต๋กับแจ๊ค กลับมอง พระสตีฟ เป็นจุดขายในการหาเงิน พระสตีฟอาจเป็นอะไรได้หลายอย่างแล้วแต่คนคิด แต่ในความคิดพระสตีฟ นั้นไม่ว่าที่ผ่านมาตัวเขาจะเคยเป็นอะไรนั้นไม่สำคัญ แต่วันนี้เขารู้แต่ เพียงว่า ตัวเองเป็นพระ และชีวิตที่เหลือจะมุ่งหน้าศึกษาธรรมเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว บทสรุปของเรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได
มันต่างกับหนังอย่างหลวงพี่เท่ง หรือ หลวงพี่ผีขนุน มากอยู่นะ(สองเรื่องที่ว่ามานี้ไม่ได้ดูนานละแต่จำได้ว่าชอบเพราะมันดูสนุก) เพราะเรื่องนี้มันเล่นศีลธรรมสั่งสอนกันเยอะแยะมากมายผสมการล้อเล่นกับวินัยพระมากไปกว่าคำพูดกิริยาอาการเพื่อความตลก คือมันมีท่าทีที่สร้างสถานการณ์เพื่อให้พระอาบัติ
อย่างเช่น พระพูดหยาบ พูดโกหก ถุยอาหารลงบาตร ให้พระผู้น้อยเดินนำบิณฑบาต มดกัดไข่พระ พระถูกหาว่าทำโยมท้อง สีกากรี๊ดขวยเขินพระ (แน่นอนว่าสีกานอกจอก็กรี๊ดพระฝรั่งกล้ามโตจนนมโผล่นอกอังสะ)เณรเก๊ เณรเกย์ พวกนี้เนี่ยถึงจะทำเอาฮาเสียส่วนใหญ่และไม่ว่าจะคิดมาเพื่อสะท้อนความคิดหรือเพื่อแค่ตลกโปกฮาพาสนุกแต่มันกล้าเล่นดีน่ะ
แล้วการแก้ตัวด้วยการให้ตัวละครพระปลงอาบัติ…แบบไม่เป็นไรผิดวินัยนิดๆ หน่อยๆ ก็ปลงอาบัติได้กลับมาผ่องใสเหมือนเดิม…ซึ่งชอบท่าทีเสียดสีตรงนี้ถึงมันจะตั้งใจจะใช่หรือไม่ใช่ตามที่คิดแต่ในฐานะที่มันเป็นหนังกระแสหลักมันก็ถือว่ากล้าวัดใจเซ็นเซอร์ดีน่ะ ขนาดว่าหนังบางฉากถูกหั่นเพราะล่อแหลมแล้วหนังที่เหลือรอดมาให้ดูก็สะท้อนวุฒิภาวะของคนกองเซ็นเซอร์ได้น่าคิดดี ซึ่งมันย้อนแย้งดีทั้งในจอและนอกจอ…
ถึงมันจะจบครบถ้วนกระบวนธรรมธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใช่วัตถุ ชะล้างสถาบันครอบครัวมาเฟียให้เข้าวัด และเจียระไนนักฆ่าฝรั่งให้เป็นพระสำเร็จเสร็จสิ้นง่ายๆ แต่มันมีเส้นเรื่องของเด็กมัธยมเพื่อนสนิทกันสองคนที่เห็นข่าวเณรขำ(ล้อเณรคำ)ก็เลยชวนกันมาบวชเณรเพื่อหาเงินไปหลอกสาวว่าบ้านรวยซึ่งเพื่อนคนหนึ่งจีบผ่านออนไลน์อยู่
รีวิวหนัง นะโม OK
แต่สุดท้ายก็โดนต้มซะเองหลังหนีออกจากวัดเปลี่ยนชุดไปหาสาวแล้วถูกสาวขโมยของแก้ผ้าให้ล่อนจ้อน แล้วดันถูกเณรเพื่อนชายสารภาพรักอีก แต่พระฝรั่งก็สอนให้ยังรักกันเป็นเพื่อน แล้วกลับมาจบที่ฉากนุ่งจีวรเข้ากุฏินอนเสื่อผืนเดียวกัน(จนในโรงมีเสียงวี้ดว้ายขำขันดังขึ้น)
ซึ่งถึงมันจะสอนมิตรภาพด้วยหลักธรรมคำสอนให้ยอมรับง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันก็ให้เห็นภาพก้ำกึ่งว่าผิดหรือถูกระหว่างเณรเก๊กับเณรเกย์ที่จบแบบสองแง่สองง่ามหลังจากเปลื้องจีวรหนีออกวัดไปหาสาวและกลับมาห่มจีวรเดินเข้าวัดนอนกุฏิข้างๆกันฉัน(รัก)เพื่อนซึ่งทำให้เกิดจุดน่าสนใจที่สุดในเรื่องขึ้นมา
เท่าที่ทราบมา นะโม OK มีทั้งคนที่โอและไม่โอกับหนังครับ ส่วนผมนั้นถือว่าอยู่กลางๆ คือดูแล้วก็มีทั้งส่วนที่ชอบและเฉย
ถ้าบอกว่าจุดประสงค์ของหนังคือ “เบาสมองแฝงหลักธรรม” หนังก็ตอบโจทย์ได้ไม่เลว  ดูหนังออนไลน์ โดยสอดแทรกผ่านบทพูดของ พระสตีฟ (อดัม ซีม่า) หลวงพี่ฝรั่งความจำเสื่อม ที่มักตั้งคำถามกับข้อปฏิบัติต่างๆ ของศาสนาพุทธอย่างน่าสนใจ อีกทั้งสิ่งที่หลวงพ่อธีร์ (เก่งกาจ จงใจพระ) กล่าวสอนทั้งพระลูกวัดและญาติโยมอยู่เนืองๆ
ไม่ว่าเรื่องการปล่อยวาง ทางสายกลาง หรือเรื่องไสยศาสตร์ ผีสาง เครื่องรางของขลังทั้งหลาย หนังก็มีประโยคสอนคนชวนให้คิดใส่ลงไปเป็นระยะๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำ อะไรคือสิ่งที่ควรเชื่อ
แต่น่าเสียดายครับที่การเล่าเรื่องยังไม่จับใจ ทั้งที่พล็อตประเด็นในเรื่องมันเล่นได้หลายปมมาก แต่หนังเลือกจะไปให้เวลากับมุขตลกที่บางอันก็ฝืด บางอันก็นอกเรื่องไปหน่อย (นี่ถ้าไม่ได้น้าค่อมกับพี่ยัด เฟ็ดเฟ่ล่ะก็ ด้านความฮาคงกริบกว่านี้แน่ๆ)
เป็นอะไรที่เจอบ่อยในหนังตลกผสมธรรมะของบ้านเราครับ ส่วนมากจะเน้นขำจนหนังผิดสัดส่วนไป และถ้ามันขำบ้างแป้กบ้างล่ะก็ แทนที่มันน่าจะดีน่าจะแจ๋วก็เลยกลายเป็นกลางๆ ไป
รีวิวหนัง นะโม OK
กระนั้นผมก็ยังรู้สึก OK กับหนังนะครับ อย่างที่บอกว่าพล็อตมันดี มันเอื้อต่อการสอนหลักธรรม ดูหนัง 4k หากทำดีๆ นี่คนดูมีสิทธิ์อินอย่างแรง เพราะเท่าที่เป็นนี่จริงๆ ก็มีช่วงให้อินอยู่นะครับ จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเน้นที่เนื้อเรื่องดีๆ ผูกปมให้คนดูอินกว่านี้ เล่าเรื่องให้กลมกล่อมกว่านี้ หนังจะได้รับการพูดถึงมากกว่านี้อย่างแน่นอน
เอาเป็นว่านี่คือหนังตลกผสมธรรมะที่ไม่เลวครับ ดูแล้วไม่ถึงกับผิดหวัง เพราะมันก็มีสาระแง่คิดอยู่ไม่น้อย ดาราก็เล่นกันดี มุขตลกหลายๆ อันก็จัดว่าขำไม่เลอะเทอะ เพียงแต่ถ้าเล่าเรื่องได้ลงล็อกกว่านี้ล่ะก็ มันต้องแจ๋วมากๆ ทีเดียว

รีวิวหนัง นะโม OK

พล็อตหลักในเรื่องนั้น มีอยู่ 3 พล็อตใหญ่ๆ
พล็อตแรกก็คืออดีตของพระสตีฟก่อนจะถูกฟ้าผ่าจนสมองเสื่อม
พล็อตที่ 2 คือ 2 เณรสุดแสบที่ตั้งใจบวชเพื่อหาเงินไปโชว์สาว ผ่านกิจนิมนต์และการปั้มพระเครื่อง
พล็อตที่ 3 คือเรื่องของเสี่ยถัง (น้าค่อม ชวนชื่น) ดูหนัง นักการเมืองดังที่โดนคนขู่ฆ่า (เนื่องจากสมัยก่อนทำเรื่องเลวๆ ไว้มาก) เลยต้องปลอมตัวเวลาไปไหนมาไหน
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบครับ พล็อตดีและสามารถทำให้เกิดความน่าติดตามผสมแง่คิดได้ แต่ปัญหาคือการเล่าเรื่องยังไม่สุด คือประเด็นนับว่าโอเคครับ แต่ด้านการเล่ามันไม่เร้าอารมณ์ให้เราอิน
พล็อตที่ถือว่าเล่าได้น่าพอใจคือเรื่องของพระสตีฟ ที่ว่าน่าพอใจก็เพราะการแสดงเข้าท่าของ อดัม และ อ.เก่งกาจ บวกกับบทสนทนาที่แฝงธรรมไว้ แต่ก็อย่างที่บอกครับว่าหลายส่วนยังไม่สุด
อย่างบทสรุปของเรื่องที่หลวงพ่อธีร์สอนชาวบ้านนั่น จริงๆ ผมชอบนะครับ ตอนที่ท่านสอนให้ชาวบ้านเลิกงมงาย เลิกบูชาพระเครื่อง เพียงแต่การสอนหรือคำเทศน์เหล่านั้นยังไม่มากพอที่จะทำให้ผมเชื่อว่าชาวบ้านทั้งหลายจะเลิกงมงายเร็วขนาดนั้น เหมือนกับเทศน์ 3 นาที แล้วชาวบ้านถอดพระเครื่องมาเผากันเลยน่ะครับ ลองคิดในแง่ความเป็นจริงแล้วมันยากที่จะเชื่อไปหน่อย
จริงๆ ผมคิดนะครับ สำหรับฉากเผาพระเครื่องนี่ จริงๆ มันสามารถรวบเอาพล็อตของ 2 เณรมาสรุปด้วยได้ มันจะเสริมกันและกันได้อย่างดี
เช่น อาจจะให้หลวงพ่อเทศน์ต่ออีกหน่อย ว่าพวกโยมไม่ต้องไปบูชาพระเครื่องหรอก บูชาตัวเองดีกว่าไหม ที่มีเงินใช้ตอนนี้ก็เพราะโยมทำงานไม่ใช่หรือ แล้วก็ลิ้งค์มาที่เรื่องของ 2 เณรที่วันๆ เอาแต่วีดีโอโฟนกับสาวและจะเอาเงินไปอวดสาวท่าเดียว เช่นว่า
“ดูอย่างแม่ของพวกเณรสิ ทำงานเลี้ยงเณรมาจนเติบใหญ่” หรือไม่ก็โยนคำถามให้เณรก็ได้ว่า “เณรเอ๋ย หลวงพ่อถามนิดหนึ่งเถิด ว่าที่เณรโตมาถึงป่านนี้น่ะ เณรโตด้วยความทุ่มเทของแม่หรือด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่อง”
ผมว่าถามแบบนี้นี่ มันจะสรุปพล็อต 1 และพล็อต 2 เข้าด้วยกันแบบพอเหมาะเลยนะครับ เพราะจริงๆ พล็อต 2 ว่าด้วย 2 เณรนั่น สามารถผูกให้เกิดเรื่องซึ้งๆ ได้มากมาย เช่น การที่เณรสนแต่หาเงินโชว์สาว มันคงมีหากหนังใส่ประเด็นซ้อนลงไปว่า แม่ของเณรที่ทำงานเยอะๆ ที่ต้องมาขูดเลขที่ต้นไม้เพื่อหาหวย ต้องแทงหวยทุกงวดน่ะ ก็เพื่อหาเงินมาให้เณรใช้ เพราะลำพังทำงานอย่างเดียวเงินไม่พอ อะไรประมาณนี้
จุดนี้ถ้าผูกปมดีๆ รับรองว่าเรียกน้ำตาได้และสอนแง่คิดให้วัยรุ่นได้อย่างดีทีเดียว ดูหนังออนไลน์ 4k “ว่าหญิงที่เพิ่งรู้จักไม่กี่ปีน่ะ เทียวไล้เทียวขื่อดูแลได้ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน แต่หญิงคนเดียวที่อุ้มท้องเรามา 9 เดือน และยังส่งเสียเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เราน่ะให้เวลาดูแลได้ถึงสักครึ่งหนึ่งของที่ดูแลสาวๆ หรือเปล่า”
ส่วนเรื่องของเสี่ยถัง ตอนจบก็เข้าโหมดซึ้งอย่างเร็ว ซึ่งมันก็พอซึ้งนะครับ แต่ลองคิดเล่นๆ ว่าหนังถ้าผูกเรื่องเน้นที่ประเด็นซึ้งบ้างขำบ้าง (แทนที่จะขำล้วน) ตอนจบก็่น่าจะซึ้งรุนแรงกว่านี้
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี่คือจินตนาการบวกอารมณ์หลังดูหนังเรื่องนี้น่ะนะครับ คือผมว่าจริงๆ หนังก็มีดีอย่างที่ผมย้ำไปบ่อยๆ นั่นแหละ ถ้าไม่มีดีจริงผมคงไม่เอามาคิดต่อเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ที่ว่าไปก็ด้วยความเสียดายนั่นแหละครับ ซึ่งก็ไม่แน่ว่าทีมงานอาจคิดเรื่องพวกนี้ไว้แล้ว แต่จำต้องตัดออกไปเพราะนายทุนอยากให้เน้นขำมากกว่าหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่อาจทราบ เอาเป็นว่า อย่างน้อยผมก็ชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีในหนังแล้วกันครับผม