รีวิวหนัง มอ 605 ปากหมา ท้าแม่นาค
หลังจากเคยไปได้ดิบได้ดีทางด้านรายได้กันมาแล้ว สำหรับภาคแรก ว่าแล้วจะไม่มีภาคต่อได้อย่างไร กับหนังแก็งค์เกรียนลองดีอย่าง มอ 6/5 ที่กำลังจะเป็นเฟรนไซส์งามๆอีกเรื่องของค่าย พระนครฟีล์ม ซึ่งในภาคต่อนี่ก็ใช้ชื่อว่า มอ 6/5 ปากหมาท้าแม่นาค ที่มาพร้อมกับระบบ 3D เช่นเคย รีวิวหนัง มอ 605 ปากหมา ท้าแม่นาค
หลังจากที่ทุก คนเคยเคยผ่านประสบการณ์เจอดีในตึกเก่าของโรงเรียนมาแล้ว ก็ทำให้พวกเขาสำนึกและไม่กล้าไปลองดีที่ไหนอีกจนถึงวันที่เหล่าก๊วนแสบ ต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่แต่ละคนก็ไม่ใช่เด็กเรียนเก่งอะไรกันมากนัก ไสยศาสตร์ จึงเป็นทางออกที่เด็กกลุ่มนี้คิดได้ การไปบนบานศาลกล่าวต่อ “ศาลแม่นาคพระโขนง” จึงเป็นหนทางที่กลุ่มเด็ก มอ 6/5 ตัดสินใจว่าน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่เพราะความปากหมาของ “นิก” ที่ยังคงเสมอต้นเสมอปลายเลยทำให้เกิดเหตุการณ์ที่สุดตื่นเต้นที่พวกเขายากจะ ลืมเลือนกันอีกครั้ง
มากันในภาคต่อที่สร้างด่วนแบบนี้ยังคงกำกับโดย พจน์ อานนท์ หรือในชื่อใหม่ พชร์ อภิรุจ ที่กลับมาพร้อมทีมนักแสดงจากภาคแรกอย่างครบชุด ร่วมด้วย กิ๊บซี่ วนิดา ในบท แม่นาค และ สตาร์บัค ในบท พ่อมาก ซึ่งหนังยังคงหยิบเอาเรื่องราวของความเชื่อ และ วัยรุ่น มาเล่นในรูปแบบหนังตลกเช่นเคย หลังจากที่ในภาคที่แล้วพูดถึงครูบาอาจารย์ มาต่อในภาคนี้ก็ย้ายมาพูดถึง แม่นาค ที่มีความเชื่อกันว่าไปบนกับท่านแล้วจะไม่ติดทหาร

ซึ่งส่วนตัวหลังจากได้ดูแล้ว ก็ต้องขอชื่นชมที่ว่า ในภาคต่อนี่สามารถพัฒนาขึ้นจากภาคแรกในด้านของลูกเล่นการเล่าเรื่องได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่อง ตบหัวแล้วลูบหลัง ของเหล่าวัยรุ่นและความเชื่อ ที่ส่วนมากจะปฏิบัติต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์แบบที่ หยาบคายแล้วขอโทษ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากวัยรุ่นจริงๆในสมัยนี้ โดยหนังแสดงให้เห็นถึงตั้งแต่ฉากแรก กับการทำรูปของแม่นาคตกแตกโดยตัวละครตัวนึง แต่กลับเดินจากไปอย่างเพิกเฉยเพราะคิดว่าตนและเพื่อนกำลังจะไปไหว้อยู่แล้ว จึงไม่มีความผิดอย่างไร
ซึ่งต้องขอชื่นชมหนังที่หยิบเอาเรื่องในจุดนี้มาสานต่อกับวิธีการเล่าเรื่องแนวนี้ได้อย่างแน่วแน่กว่าภาคแรก หรือให้พูดง่ายๆคือ บทหนังในภาคนี้ดูไม่ป้ำๆ เป๋อๆ จนกลายเป็นหนังที่ดูเหมือนถ่ายแล้วทิ้งไว้ ก่อนที่จะกลับมาถ่ายต่อ แบบในภาคแรก โดยการเล่าแบบตลกไร้สาระ ก่อนจะปิดฉากด้วยแบบดราม่าซึ้งๆบีบน้ำตา ที่ตัวหนังยังอาจจะดูไร้สาระไม่ต่างจากภาคแรก แต่สิ่งที่หนังยึดเหนี่ยวจนสานต่อมาได้จนจบในภาคนี้ก็ต้องขอชื่นชมว่าพัฒนามากขึ้น
เช่นเดียวกันกับในระบบ 3D ของหนังที่ยังคงโปรโมทแบบหนักหนาไม่ต่างอะไรจากภาคแรก ด้วยการถ่ายทำด้วยกล้อง สามมิติ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องขอชมอีกเช่นกันว่าตัวหนังเลือกใช้มุมภาพ และ ดูหนัง ลูกเล่น กับคนดูในระบบนี้ได้ดีมาก จนอาจเรียกได้ว่าเป็นหนังไทยในระบบ 3D ที่ดีที่สุดที่เคยดูมาเลย (จนถึงตอนนี้) เพราะหนังไม่ได้เล่นกับคนดูแค่ปาของเข้าหน้า แต่การเลือกฉากและภาพในการถ่ายทำเพื่อเสริมมิติของ มอ 6/5 ในภาคนี้ก็ต่างทำออกมาได้น่าตื่นตาเกินมุกตลกและคุณภาพหนังไปไกลทีเดียว
แต่ในขณะเดียวกัน ส่วนที่ยังดูจะมีปัญหาไม่ต่างจากภาคแรกก็ยังคงหนีไม่พ้นกับมุกตลกแนวกลุ่มแฟนคลับ ที่ยังคงเน้นขายเสน่ห์ หน้าตา และ ลีลา ของนักแสดงจนเหมือนเป็นมุกตลกล้อชื่อพ่อ ล้อชื่อแม่ กันแค่ในกลุ่มเพื่อน ส่วนใครที่ไม่ได้มีความผูกพันธ์ หรือเป็นแฟนคลับอะไรกับผกก.และนักแสดงกลุ่มนี้ ก็คงได้แต่นั่งงงว่า พวกเอ็งกำลังทำอะไรกันว่ะ จนอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ชวนน่ารำคาญและกลบสิ่งที่ตัวหนังพยายามจะยกย่องในขณะเดียวกันอีกด้วย
รีวิวหนังไทย โดยสรุปแล้วถึงแม้หนังจะมีวิธีการเล่าเรื่อง และ ตัวบทที่ดูเขียนมาให้คนดูสนุกราบรื่น จนไม่น่าอึดอัดเหมือนภาคแรก แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนังที่เหมาะสำหรับกลุ่มแฟนคลับของ นักแสดง ในภาพยนตร์มากกว่าจะเหมาะกับคนดูทั่วไปครับ

สวัสดีครับ เมื่อวันอังคารที่แล้ว (2 เมษายน) ผมก็ได้มีโอกาสชมหนังไทยเรื่อง “มอ6/5 ปากหมาท้าแม่นาค” (ระบบ 3D) ในรอบสื่อมวลชน ก็ต้องขอขอบคุณทาง พระนครฟิลม์มา ณ ที่นี้ด้วยครับ
รีวิวหนัง มอ 605 ปากหมา ท้าแม่นาค
“มอ6/5 ปากหมาท้าแม่นาค” ชื่อของหนังก็บอกอยู่แล้วว่า น่าจะเป็นการรวมตัวกันของหนังอย่างน้อย 2 เรื่อง คือ “มอ6/5 ปากหมาท้าผี” ซึ่งเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายในปีที่แล้วของทางค่ายพระนครฟิลม์และพจน์ อานนท์ เพราะทำรายได้รวมไปเกือบๆ 46 ล้านบาท ส่วนอีกเรื่องก็เป็นเรื่องราวของแม่นาคพระโขนงที่คนไทยเรารู้จักกันเป็นอย่างดี
หนังตัวอย่างของหนังเรื่องนี้ ดูแล้ว ทิศทางของหนังน่าจะเป็นไปทางหนังแนว Scary Movie คือเอาหนังหลายเรื่องมายำรวมกัน โดยเน้นความฮา ซึ่งแน่นอน เป้าหมายที่น่าจะโดนยำแน่ๆคือ “พี่มาก…พระโขนง” หนังพันล้านจากค่าย GTH ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะปกติแล้วเราแทบจะไม่ได้ดูหนังแนวเอาหนังไทยที่ดังๆมายำใหญ่แบบนี้ในโรงหนังเลย เพราะมักจะพบตามร้านขาย VCD DVD และตามกระบะเสียมากกว่า อีกทั้งส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดยังเป็นการใช้นักแสดงตลกแนวคาเฟ่มาเล่น ดูหนังออนไลน์ 4k
พอเริ่มหนังก็พาเราไปพบกับแก๊งค์ มอ6/5 เจ้าเก่า ซึ่งมีเหตุอะไรสักอย่างที่จะต้องไปปากหมาท้าแม่นาค (แน่นอน ชื่อหนังก็บอกอยู่เพี้ยนลุย) หนังในช่วงแรกยอมรับว่าการที่ผมไม่ได้ดู “มอ6/5 ปากหมาท้าผี” ทำให้ผมจำนักแสดงที่มีปริมาณในระดับที่ถือว่าเยอะจนเล่นเอามึนไม่ได้ทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นช่วงแรกของหนังก็ทำได้น่าสนใจดีครับ มีจังหวะฮาและสะดุ้งในหลายๆฉากเลยทีเดียว แต่ที่แปลกคือ การยำหนัง ที่ผมคิดว่าจะมี กลับแทบจะไม่มี แต่ในใจก็ยังคิดว่า เดี๋ยวก็คงมาแน่
– ช่วงที่เจอแม่นาค ผมเริ่มรู้สึกว่า หนังดูค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม ทั้งที่เป็นหนังสไตล์ข้ามเวลา ย้อนอดีต ข้ามมิติ ดูบรรยากาศมันโบราณสมจริง ผมว่าเป็นจริงยิ่งว่า “พี่มาก…พระโขนง” ไปเยอะ จนทำให้ผมเริ่มหวนนึกไปถึง “นางนาก” แทนซะแล้ว ช่วงนี้หนังก็เริ่มมีบทบาทของแม่นาคและพี่มากเข้ามามากขึ้น แต่แปลกที่ แม่นาค แทบจะไม่มีความน่ากลัว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะความตลกที่สอดแทรกเข้าไปอยู่เรื่อยๆ พี่มากก็…. วันวันไม่ทำอะไร เพี้ยนปูเสื่อรอ

ช่วงท้ายของหนังนี่ ชัดเลยครับ หนังไม่ได้ตั้งใจจะล้อหนัง แต่ตั้งใจจะแสดงความเคารพหนังอย่างชัดเจน บางครั้งก็ชัดไปเกินมาก ทั้งไดอะล็อก ทีมแสดง จังหวะ บทสนทนา จนมันจะเป็นหนังอีกเรื่องอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีองค์ประกอบประหลาดที่ปนเข้ามาอย่างแก๊งค์ มอ6/5 แต่โดยโครงที่เหลือ ใช่เลยครับ และแน่นอน หนังก็ลากไปแนวซึ้ง ซึ่งถือว่าทำได้ดี แต่ความซึ้งนี้ก็ Cloning มานี่ ยังดีที่ก่อนจบมีอะไรที่แตกต่างไปสักหน่อย ดูหนังออนไลน์
ปัญหาใหญ่ของหนังเรื่องนี้คือ ทิศทางของหนัง ที่ผมเชื่อว่าผู้ชมโดยทั่วไปอยากเห็น มันไม่ตรงกับทิศทางช่วงท้ายของหนังที่ถ้าใครจำได้ว่ามันมาจากหนังเรื่องไหน อาจถึงขั้นเซ็ง เพราะแทบจะยกมาทั้งหมด ขาดไปแค่บางฉาก ช่วงท้ายเล่นเอาแทบจะลืม แก๊งค์มอ6/5 ไปเลย เมื่อหนังไม่เป็นไปตามที่คิด จะบอกว่าสมหวังก็คงไม่ใช่ อันที่จริงผมอยากดูหนังตลกแนวล้อหนังมากกว่าหนังย้อนเวลาไป Cloning หนังอีกเรื่องนะครับ
ด้านการแสดง แก๊งค์ มอ 6/5 ผมว่าพอได้ แต่สำหรับแม่นาคกิ๊ฟซี่ ผมว่าบทมันยังไงไม่รู้ ดูหนัง 4k กิ๊ฟซี่มีฝีมือมากกว่าที่เห็นในหนังเรื่องนี้เยอะครับผมเชื่อนะ ส่วนสตาร์บัค ก็ตามาตรฐานของเขานั่นแหล่ะ
สรุป – หนังเรื่องนี้ สิ่งที่ผมชอบที่สุด กลับกลายเป็นการใช้ 3D ในหนังผีได้อย่างเหมาะสมและถูกจังหวะในการเล่นกับคนดู รวมทั้ง Production ที่ดีมีมาตรฐาน แต่ที่เหลือ คงเป็นเพราะทิศทางของหนัง ทำให้มันดูธรรมดาไปมากครับ ฮาไม่สุด ไม่น่ากลัว ไม่ซึ้งเพราะจำได้ว่ายกมาทั้งยวง แต่ถึงกระนั้น สำหรับแฟนคลับ มอ6/5 น่าจะพอใจและฟิน เพราะคราวนี้ถอดเสื้อโชว์กันครึ่งค่อนเรื่อง แถมยังฮากันได้เรื่อยๆ และถ้าคุณไม่เคยดูแม่นาคอื่นใดนอกจาก พี่มาก…พระโขนง อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้ดูหนังเรื่องนี้ได้สนุกมากยิ่งขึ้นอีกเยอะ ลองพิจารณากันดูเองนะครับ
แต่ในขณะเดียวกัน ส่วนที่ยังดูจะมีปัญหาไม่ต่างจากภาคแรกก็ยังคงหนีไม่พ้นกับมุกตลกแนวกลุ่มแฟนคลับ ที่ยังคงเน้นขายเสน่ห์ หน้าตา และ ลีลา ของนักแสดงจนเหมือนเป็นมุกตลกล้อชื่อพ่อ ล้อชื่อแม่ กันแค่ในกลุ่มเพื่อน ส่วนใครที่ไม่ได้มีความผูกพันธ์ หรือเป็นแฟนคลับอะไรกับผกก.และนักแสดงกลุ่มนี้ ก็คงได้แต่นั่งงงว่า พวกเอ็งกำลังทำอะไรกันว่ะ จนอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ชวนน่ารำคาญและกลบสิ่งที่ตัวหนังพยายามจะยกย่องในขณะเดียวกันอีกด้วย
โดยสรุปแล้วถึงแม้หนังจะมีวิธีการเล่าเรื่อง และ ตัวบทที่ดูเขียนมาให้คนดูสนุกราบรื่น จนไม่น่าอึดอัดเหมือนภาคแรก แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือหนังที่เหมาะสำหรับกลุ่มแฟนคลับของ นักแสดง ในภาพยนตร์มากกว่าจะเหมาะกับคนดูทั่วไปครับ