รีวิวหนัง Timeline จดหมาย ความทรงจำ
หลายคนอาจจะเคยดูหนังมาแล้วหลายเรื่อง หลายประเภท แต่การดูหนังบางเรื่องนอกจากจะให้ความสนุกเพลิดเพลินแล้ว ยังได้สอดแทรกประสบการณ์การใช้ชีวิตไว้อีกด้วย วันนี้ผู้เขียนจึงอยากจะมาแนะนำภาพยนตร์หนึ่งในความทรงจำ รีวิวหนัง Timeline จดหมาย ความทรงจำ ที่ดีเรื่องสำหรับผู้เขียนที่ดูทีไรก็ต้องร้องไห้ทุกครั้ง เรื่องนั้นก็คือเรื่อง “Timeline จดหมายความทรงจำ” สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถดูได้แล้วที่ netflix นะครับ
รีวิวหนังไทย เนื้อเรื่องก็จะพูดถึงพระเอก คือแทน ได้ไปเรียนเรียนต่อในกรุงเทพฯ ในคณะวารสารศาสตร์ เมื่อถึงวันรับน้องแทนและจูน ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่อง ได้มาสายจึงถูกทำโทษ และตั้งแต่วันนั้นมาทั้งคู่ก็สนิทกันขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจูนจะแอบชอบแทน และก็ให้เกิดเป็นรักข้างเดียว ตัดมาที่แม่ของแทนที่กำลังเจอวิกฤตหนักคือพืชพันธุ์ได้ล่มตายหมด แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแม่เลี้ยงเดี่ยว เธอก็ได้เรียนรู้วิธีทำแยกสตรอว์เบอร์รี่ และก็เธอก็ผ่านวิกฤตนั้นไปได้ด้วยดี

ในด้านแทนและจูนได้ชักชวนกันเข้าชมรมภาพยนตร์ และแทนก็ได้ไปชอบกับรุ่นพี่เจ้าของชมรม และยังเสนอบ้านเกิดตัวเองในการทำโปรเจกต์ภาพยนตร์สั้นอีกด้วย ด้านความสัมพันธ์ของแทนและรุ่นพี่คนนี้ก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแทนกับจูนกลับก็ถอยหลัง ไม่ว่าจูนจะทุ่มเทให้แทนขนาดไหน เขาก็ไม่เคยเห็นค่ามัน มิหนำซ้ำเขายังทะเลาะกับแม่อีกด้วย ความเลวร้ายยังไม่หมดเท่านี้ เพราะรุ่นพี่ที่เขาชอบกลับมีแฟนใหม่ และจูนก็ได้ออกไปจากชีวิตเขาอีกด้วย
สุดท้ายทำให้แทนคิดได้ว่าคนที่รักเขาที่สุดคือแม่และจูน เวลาผ่านไปจูนได้ส่งภาพแสงเหนือที่ประเทศญี่ปุ่นมาให้แทนดู ที่จูนเคยพูดกับแทนว่าอยากไป ดูหนัง และทั้งคู่สัญญาว่าจะกลับเจอกัน แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือข้อความสุดท้ายที่เขาทั้งคู่ได้คุยกัน เพราะจูนประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต เพราะไปช่วยเด็กที่กำลังจมน้ำ ในช่วงท้ายของเรื่องทุกอย่างจะถูกเฉลยว่าจูนได้ทุ่มเทให้แทนมากขนาดไหน แต่ก็สายไปแล้วเมื่อแทนจะได้รู้ความจริง

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ออกฉายในปี พ.ศ.2557 รวมรายได้ทั้งหมดประมาณ 51 ล้านบาท นำแสดงโดย เจมส์ จิรายุ รับบท แทน เต้ย จรินทร์พร รับบท จูน และป๊อก ปิยธิดา รับบท มัทแม่ของพระเอก เรื่องนี้ผู้เขียนแนะนำเลยว่า ถ้าใครยังไม่เคยดู ต้องหาดูนะครับ เพราะนอกจากจะสนุกแล้ว ยังซึ้งกินใจมาก
เนื้อเรื่องตอนช่วงแรกๆก็เหมือนทั่วๆไปที่จะมีการแอบชอบเพื่อน รักสามเศร้า หรือการอกหัก แม้กระทั่งเรื่องสถาบันครอบครัวก็มีเช่นเดียวกัน ที่จะให้ทั้งข้อคิดในเรื่องต่างๆ ส่วนช่วงสุดท้ายถือว่าเป็นจุดขายของเรื่องเลยครับที่พระเอกคิดได้ว่านางเอกชอบเขาขนาดไหน แต่ก็สายไปเพราะเนื้อเรื่องคือนางเอกเสียชีวิต
ถือว่าทำร้ายคนดูกันเลยทีเดียวครับ เพราะตลอดทั้งเรื่องจะเห็นได้ว่านางเอกทุ่มเทกับพระเอกไปมาก ไม่ว่าจะเป็นยอมลงมือทำอาหารทั้งที่ไม่เคยทำ ซื้อจักรยานคันที่พระเอกเอาไปขายเพื่อเอามาเก็บไว้ เมื่อพระเอกอยากได้มันคืน หรือแม้กระทั่งเอาต้นไม้ประจำตัวพระเอกมาปลูกไว้ที่บ้านตนเอง แต่พระเอกก็ไม่เคยเห็นความทุ่มเทนี้เลย
เรื่องนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสได้ไปชมในโรงภาพยนตร์ ซึ่งทุกคนในรอบเดียวกับผู้เขียน ร้องไห้กันแทบทุกคนเมื่อถึงฉากนางเอกเสียชีวิต และวันนี้วันที่ผู้เขียน ได้ดูเรื่องนี้เพื่อที่จะเขียนรีวิว ก็ทำให้ผู้เขียนน้ำตาแตกอีกรอบครับ ดูสิบครั้งก็ร้องไห้สิบครั้ง สำหรับตัวผู้เขียนให้เรื่องนี้ 9/10 ครับที่หักไป1คะแนน เพราะไม่ชอบนิสัยพระเอกครับ
อิอิอิ เพราะคนอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ใจตัวเองสักที ฉะนั้นแนะนำเลยครับ ต้องดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่ และอาจจะเปลี่ยนความคิดของคนดูได้ด้วยคติสอนใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “ตอนมีต้องรักษา อย่าเสียดายในวันที่สายเกินไป” ผู้เขียนขอย้ำอีกครั้งเลยนะครับ ผู้อ่านทุกคนต้องได้ดูสักครั้งในชีวิต แล้วคุณจะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวมหาลัย ระหว่างหนุ่มแทน และสาวจูนซึ่งถูกดำเนินเรื่องราวเล่าสับไปมาระหว่างคู่ของแม่แทน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องจาก The Letter มาเล็กน้อย
ความผูกพันธ์ที่สื่อสารผ่านตัวอักษรยังคงถูกจับมาพูดในเรื่องนี้เหมือน Trailer ของหนังที่เราได้ดูกันหนังบอกเล่าความสัมพันธ์อย่างเรียบง่ายคาแร้คเตอร์ของหนุ่มบ้านนอกเข้ากรุง ลงตัวกับเจมส์จิเหลือเกินยิ่งกว่านั้นเต้ยยังสามารถแสดงเสน่ห์อันสดใสออกมาจากตัวเธอได้ดีมากๆ ทำให้หนังดูกลมกล่อมยิ่งขึ้น
ต้องขอชื่นชมกับไดอะลอคตลอดทั้งเรื่องของ Timelineที่มีความกระชับความ ตรงประเด็น เรียบง่าย แต่เข้าใจได้ดีมาก
สำหรับปมต่างๆที่ขุดคุ้ยมาเพื่อพยายามสร้างความรู้สึกสะเทือนใจนั้นถ้าคุณเคยสัมผัสเรื่องรักในรั้วมหาลัยมาแล้วหนังเรื่องนี้ราวกับค่อยๆทุบความทรงจำของคุณทีละนิดๆ

“เธอจะรอจนกว่าเขาจะรัก”คำโปรยของหนังประโยคนี้สามารถสื่อสารออกมาได้อย่างชัดเจนเหลือเกิน
แต่น่าเสียดายนิดหน่อยที่….”เขาจะรักจนกว่าเธอจะรู้” ประโยคนี้ผู้กำกับทำได้ค่อนข้างล้มเหลว
ความกลมกล่อมของหนังเรื่องนี้ทำได้ลงตัวมาก เริ่มตั้งแต่นักแสดงบทพูดตลอดทั้งเรื่อง ไปจนถึงภาพสวยๆที่ขับกล่อมให้เราคล้อยตามไปกับเนื้อหนัง
เสียเพียงอย่างเดียวที่หนัง “ยัดเยียด” ความดราม่าใส่เข้ามามากเกินไปโดยที่ยังไม่ทันสร้างอารมณ์ ความรู้สึก ที่สื่อสารถึงความสัมพันธ์ของคนสองคนออกมาได้เต็มที่
ถ้าหากยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Feel Good แล้ว บอกได้ว่าทำได้ดีระดับหนึ่งด้วยความสัมพันธ์ของความเป็นครอบครัว รู้สึกสัมผัสได้ผ่านการวางคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนมาก เจมส์จิ สื่อสารความเป็นลูกชายคนเดียวที่ติดแม่ได้ดีมาก
แต่หากจะให้หาความเป็นหนังรักซึ้งๆ ต้องขอปรบมือกับความพยายามที่”มากเกินไป” ดูหนังออนไลน์
สำหรับการให้ความหมายของคำว่า Timeline แล้วรูปแบบการเล่าเรื่องของหนังราวกับว่าเรากำลังเปิดไล่ดูTimeline จาก Facebookแบบรวดเดียวจบ เพราะหนังเดินเรื่องในตอนท้ายเร็วมากๆ
พยายามที่จะใส่ความหมายที่หลายคนอาจมองข้ามไป นำมาเฉลยในตอนท้ายเปรียบแล้วได้อารมณ์เหมือนกับเวลาที่เราไล่อ่าน Timeline เก่าๆของเราแล้วสะดุดกับเรื่องราว สเตตัส ที่เราเคยตั้งเอาไว้ตอนนั้นๆ
ได้มานั่งคิดทบทวนถึง “ความทรงจำ” ที่พลาดไปอีกครั้ง และอีกครั้งแต่ใครจะไปรู้…. มันอาจจะสายเกินไปจนเป็นเพียงแค่”ความทรงจำ”ที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาแล้วก็ได้
จากหัวข้อคือ เสียแค่ความพยายาม เพราะหนังยัดมากเกินไป พยายามบิ้วสุดๆเป็นความรู้สึกประมานว่า เรื่องนี้เศร้านะ เดี๋ยวต้องร้องไห้นะ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยเข้าถึงว่าที่รู้สึกอยู่คืออะไร ถึงขั้นต้องร้องไห้?

หลายคนอาจพอใจกับการเล่าเรื่องในตอนจบอย่างนี้แต่ส่วนตัวรู้สึกว่า เหมือนตอนจบเป็นการพูดๆสรุปๆให้ฟังมากกว่าการพยายามแสดงให้สัมผัสได้
เรารู้สึกเหมือนนั่งฟังเรื่องของคนอื่นอยู่ ที่เรารู้ได้ว่ามันเศร้าแต่ไม่รู้ว่ามันเศร้าอะไรมากขนาดนี้ ดูหนังออนไลน์ 4k
บางคนอาจอ่อนไหว และอินไปกับเรื่องราวที่เพื่อนๆเล่าให้ฟังง่ายๆแต่สำหรับเรา มันต้องเป็นเรื่องเล่าที่เรารู้สึกว่ามันมีความรู้สึกมากกว่านี้หน่อยเพื่อทำความเข้าใจว่ามันเศร้ายังไง รู้ว่าเศร้า แต่ไม่รู้ว่าเมิงรู้สึกไง ไรงี้น่ะค่ะ
รีวิวหนัง Timeline จดหมาย ความทรงจำ
คุณอาจจะเคยตราตรึงใจกับหนังเรื่อง “The Letter จดหมายรัก”ไปเมื่อปี 2004 มาแล้ว มาวันนี้เราจะขอแนะนำภาคต่อสุดฮิตเรียกน้ำตาได้อย่างต่อเนื่องกับหนังเรื่อง “Timeline จดหมาย ความทรงจำ” ซึ่งเป็นหนังรักในปี 2014 ซึ่งฉลองครบรอบ 10 ปีพอดี แต่ในหนัง Timeline จดหมาย ความทรงจำจะมีการเปลี่ยนชื่อตัวละครคู่พระนางจาก The Letter เพราะมีเรื่องของลิขสิทธิ์มาเกี่ยวข้อง
และ The Letter ก็เป็นหนังที่ไทยรีเมคมาจากเกาหลีอีกทีซึ่งทางนั้นก็ไม่ได้มีโปรเจ็คต์ทำภาคต่อใด ๆ ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวละครใหม่และเหลือไว้ต่อเนื่องเพียงโครงเรื่อง แต่ก็ยังทำให้ผู้ชมตราตรึงใจเช่นเดิม วันนี้เราก็จะนำหนัง Timeline จดหมาย ความทรงจำมารีวิวให้ทุกคนได้รู้กันว่าจะน่าสนุกและซึ้งกินใจแค่ไหน

ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “แทน” ที่สอบติดคณะวารสารศาสตร์อย่างที่ตัวเองใฝ่ฝันแทนที่จะเลือกสอบเข้าคณะเกษตรศาสตร์ตามที่ “มัท”แม่ของเขาต้องการเพราะอยากสืบทอดเจตนารมณ์ของคนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้ทีแรกมัทจะไม่เห็นด้วยแต่ในเมื่อเป็นความสุขของลูก เธอจึงยอมให้แทนได้เรียนในคณะที่ต้องการ ด้านแทนเมื่อได้เข้ามาใช้ชีวิตเฟรชชี่ในมหาวิทยาลัยก็ได้พบกับ “จูน”เพื่อนร่วมคณะที่ได้เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเขาให้สดใส ไปไหนไปกันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท ทว่าแทนกลับชื่นชอบ “อร”รุ่นพี่ที่ทำหนังโดยไม่รู้เลยว่าจูนนั้นได้แอบชอบเขาเช่นกัน เช่นนี้แล้วแทนจะเลือกอะไรที่เป้นความสุขแท้จริงของเขา
อาจไม่ใช่หนังที่เกี่ยวกับจดหมายโดยตรง แจ่จะเน้นในด้านของมิตรภาพและการรู้จักรูปแบบความรักที่ไม่ใช่ว่าจะอาศัยการลองผิดลองถูก แต่เป็นการรู้จักพิจารณาความรักและความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อคนรอบข้าง ซึ่งตัวของพระเอกที่อยู่ในวัยผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ทำให้มีความสับสนตัวเองหลายอย่าง แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ไปเที่ยวกับจูน พูดคุยปรับทุกข์หลายอย่างกับเพื่อนสนิท
ซึ่งนางเอกเองก็ได้แอบชอบเขา คอยเป็นกำลังใจอยู่เคียงข้างเขาพร้อมรอยยิ้มเสมอแม้ว่าหลายครั้งจะต้องเจ็บปวดที่เห็นพระเอกเอาแต่พูดถึงพี่อรที่เขาชอบ ดูหนัง 4k นางเอกทนได้เสมอจนสุดท้ายที่ความสัมพันธ์ฉันแฟนของเขากับพี่อรเริ่มเปลี่ยนไป เพราะพี่อรไม่ได้ชอบแทนจริง รักแบบน้องและเบ้ที่คอยเอาใจมากกว่า ทำให้แทนเริ่มโลเลแต่ก็พยายามคิดว่าตัวเองชอบอีกฝ่ายจนกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นางเอกหมดความอดทนจนเกิดเป็นเรื่องราวเรียกน้ำตาขึ้นมา
ตัวหนังมีการใช้ความสวยงามของอำเภอสะเมิงในบางฉากเช่นเดิมและยังเพิ่มด้วยโลเกชั่นของต่างจังหวัด และที่เซอร์ไพรส์สุดก็คือความงดงามของทะลเรืองแสงที่นางเอกพูดมาตลอดว่าอยากไปซึ่งมีอยู่จริงที่ญี่ปุ่น สถานที่นี้เป็นทั้งฉากที่ทำให้เรามีความสุขและน้ำตาไหลไปกับจุดพลิกผันของชีวิตนางเอกได้ในเวลาเดียวกัน เป็นหนังที่ไม่ควรพลาดทุกประการ
ได้สอนให้เรารู้ว่าความรักย่อมมีหลายรูปแบบ แต่ในคนที่เพิ่งเริ่มมีความรักนั้นคุณอาจจะสามารถสับสนได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับคนคนนั้น เพราะบางทีคนที่คุณบอกว่าชอบมากมายอาจจะเป็นเพียงแค่ความชื่นชมเท่านั้น ตรงข้ามกับอีกคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณซึ่งคุณอาจรู้สึกเบาบางไม่ชัดเจนเหมือนอีกคน แต่ภายในกลับสัมผัสได้ว่าอยู่กับเขาสบายใจ มีความสุขและเป็นตัวของตัวเองที่สุด พอไม่เห็นเขาก็จะรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ไม่ได้ นั่นแหละคือ “ความรัก” บางทีเราก็ไม่เข้าใจจนกว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่เข้ามากระตุ้นคุณเอง สำหรับบางคนอาจจะรู้และมีโอกาสบอกรักเขา แต่สำหรับบางคนอาจจะสายไปเสียแล้ว
มัท (ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก) หญิงที่เลือกจะทำไร่อยู่ในชนบททางตอนเหนือของประเทศ ณ จุดที่เป็นดั่งความใฝ่ฝันของสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว เฝ้าเลี้ยงดูลูกชายเพียงหนึ่งเดียวที่เกิดกับเขาจนถึงวัยอุดมศึกษา แทน (เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข) เลือกที่จะเดินในทิศทางที่แม่ไม่ได้คาดหวัง คือ การออกไปค้นพบโลกที่กว้างกว่า ทิ้งแม่ไปเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ก่อจะได้พบกับ จูน (เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ) เพื่อนร่วมรุ่นที่นิยมชมชอบแทนแต่ไม่อาจบอกความในใจ ด้วยเพราะเห็นว่าใจของแทนเฝ้าคิดถึงแต่ผู้หญิงรุ่นพี่อีกคน

เราได้เห็นมุมมองด้านความรักที่แตกต่าง
เราได้รู้จักกับการรักใครสักคนแล้วเลือกจะเก็บความฝันของคนที่เรารักนั้นมาทำให้มันเป็นฝันของเรา เราได้รู้จักกับความรักที่ไม่ต้องการได้ครอบครองแต่กลับผลักดันคนๆ นั้นตลอดเวลา เราได้รู้จักกับความรักที่มีให้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจก็ตาม และเราได้เห็นความรักที่เกิดและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแต่กลับสิ้นสุดลงอย่างง่ายดาย
ดูเหมือนว่า การสื่อสารกันของคนสมัยใหม่จะสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาได้อย่างฉับไว แต่การยืนระยะของมันนั้นก็หลากหลายพอสมควร
บทบาทที่น่าจะโดดเด่นที่สุดคงไม่พ้น เต้ย ที่เป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่ทำให้เราได้ทั้ง ยิ้ม หัวเราะ และร้องไห้ในเรื่องเดียวกัน ขณะที่ป๊อกก็ส่งอารมณ์ได้โดดเด่นไม่ว่าจะกับตัวละครใด ส่วน ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม ผู้ที่มีความรักให้กับมัทเสมอมาไม่ว่าจะได้รักตอบหรือไม่ ก็แสดงได้ดีแม้บทจะไม่ส่งเสริมนักก็ตาม ขณะที่เจมส์จิยังแสดงได้ล้นไปบ้างในบางฉาก แต่ก็ทำได้ดีในบางฉากเช่นกัน

‘Timeline จดหมาย ความทรงจำ’ ทำผมสับสนอยู่บ้างในการเล่าเรื่องส่วนของ แทน ลูกที่อยากจะออกนอกบ้านเพื่อหลุดพ้นจากใต้ร่มเงาของพ่อ เพราะวัยเด็กของเขาไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่พอโตกลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่แง่มุมของความเป็นคนโลเลอย่างผู้ยังไม่ค้นพบตัวเองนั้น พอจะเห็นได้ชัดเจนกว่า
หนังยังเลือกที่จะหยิบส่วนเล็กส่วนน้อยของชีวิตประจำวันของคนมาบอกเล่าผ่านคนสองรุ่นไปพร้อมๆ กัน อีกทั้งยังเลือกที่จะเก็บสิ่งเหล่านั้นกลับมาเล่าอีกครั้ง เราจึงอาจเห็นเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้นสองหนในหนัง แต่อาจจะต่างที่เกิดกับบุคคลคู่ไหนและอยู่ในสภาวการณ์ใด นานแล้ว ที่เราไม่ได้เห็นหนังไทยทำให้เราได้รู้สึกแบบนี้…