รีวิวหนัง ตีสาม คืน 3 3D
หนังผี 3 ตอน เน้นจังหวะสะดุ้ง เน้นหลอนแบบตีความ และเน้นฮาสยอง อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์ในแง่การผลิต แถมแรงบันดาลใจก็ค่อนข้างชัด รีวิวหนัง ตีสาม คืน 3 3D แต่ก็เป็นหนังไทยที่ใช้ได้เลยสำหรับคอสยองขวัญ และยังพอน่าให้เชียร์มากกว่าให้ด่าครับ
ในช่วงหนึ่งหนังแนวรวมเรื่องสั้นหลายตอนเป็นที่นิยมมากในไทย ตั้งแต่เรื่อง ผีสามบาท (2544) ที่น่าจะเป็นหนังไทยเรื่องแรก ๆ ที่จะปลุกกระแสแนวนี้ขึ้นมา ก่อนจะมาเปรี้ยงปร้างในยุค GTH อย่าง สี่แพร่ง (2551) และห้าแพร่ง (2552) โดยหนึ่งในค่ายที่ส่งหนังผีไทยเข้าสู่ตลาดมากที่สุดคงไม่พ้นค่ายเก่าแก่อย่าง ไฟว์สตาร์ฯ ที่ส่งหนังชุด ตีสาม 3D (2555) มาชิมลาง แล้วปล่อยภาคต่อมาใน ตีสาม คืนสาม 3D (2557) จากนั้นจึงนำตอนที่ดังที่สุดใน ตีสาม 3D อย่างตอน O.T. มาขยายเป็นหนังยาวในชื่อ O.T ผี OVERTIME (2557) แล้วหลังจากนั้นหนังผีชุด ตีสาม ก็เงียบหายไป

รีวิวหนังไทย จนในที่สุดไฟว์สตาร์ฯ ก็ได้ปลุกผีในชื่อชุด ตีสาม กลับมาอีกครั้งในภาค ตีสาม After Shock โดยครั้งนี้นำเรื่องราวมาเรียงร้อย 3 ตอนด้วยกัน คือ
ทางด่วน (กำกับโดย ใหม่-ภวัต พนังคศิริ จากนาคปรก และละคร บุพเพสันนิวาส นำแสดงโดย พั้นช์-วรกาญจน์ โรจนวัชร ) ดูหนังออนไลน์
พิม (พั้นช์) พนักงานสาวเก็บค่าทางด่วนที่ติดโซเชียล เธอมักต้องทำงานอยู่เพียงลำพังกลางดึก แต่เพราะคลิปที่เธอปล่อยแฉนางแบบดังคนหนึ่งทำให้คืนนี้มีบางอย่างแตกต่างไป
แรกพบศพตาย (กำกับโดย ปิง–ธรรมนูญ สกุลบุญถนอม จาก ตายโหง ตายเฮี้ยน นำแสดงโดย ป๊อก -ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์, เชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล, น้ำชา -รณัฐ ยูสานนท์)
แทน (ป๊อก) ศิลปินหนุ่มช่างซ่อมภาพวาด เขาเพิ่งหยุดความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ออย (เชอรีน) และกลับไปใช้ชีวิตแบบหนุ่มโสดที่คอยเที่ยวกลางคืนไปกับเพื่อนสนิท กระทั่งคืนหนึ่งตอนตีสาม เขาก็ได้พบกับ นภัส (น้ำชา) หญิงสาวลึกลับที่นำบางอย่างที่ทั้งเย้ายวนและน่าสยดสยองมาสู่เขา
กอง-ผี-ปีศาจ (กำกับโดย กังฟู-นิติวัฒน์ ชลวณิชสิริ จาก กะปิ ลิงจ๋อไม่หลอกจ้าว (ใครจำได้มั่งที่หม่ำเล่นกับลิง) นำแสดงโดย สิงโต นำโชค, อุ๋ย-นที เอกวิจิตร, ซาร่า-นลิน โฮลเลอร์)
อู๋ (อุ๋ย) และทีมงานถ่ายทำทีวีไดเร็ก รวมตัววางแผนการบางอย่างเพื่อแกล้งและเอาคืนความเอาแต่ใจของผู้กำกับโฆษณาทีวีอย่าง แซม (สิงโต) แต่ระหว่างถ่ายทำนอกจากผีป้าเจ้าของโรงถ่ายที่เดินทั่วสตูดิโอแล้ว ทีมงานยังได้ข่าวจากไลน์ว่าแซมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ระหว่างทางที่จะมาถึงสตูดิโอ อู๋จะบอกทีมงานยังไงในเมื่อแซมก็อยู่ที่นี่ทำงานกับพวกเขามาตั้งแต่กลางดึกแล้ว

ต้องยอมรับว่าได้กลิ่นบางอย่างจากหนังต่างค่ายเช่น สี่แพร่ง และ ห้าแพร่ง ทั้งตอน ทางด่วน ที่เอาไปเทียบได้กับตอน เหงา ผสมกับ เที่ยวบิน 224 ในหนัง สี่แพร่ง แม้การเผชิญผีตัวต่อตัวของพิมในพื้นที่กึ่งปิดแบบทางด่วน และด้วยโปรดักชั่นเข้ม ๆ ที่ผู้กำกับภวัตทำได้ดีจะดูน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่ก็เทียบความเข้มข้นที่ พลอย เฌอมาลย์ ซึ่งบังเอิญรับบท พิม แอร์ฮอสเตสสาวที่ต้องเผชิญกับผีเจ้าหญิงบนเครื่องบินไม่ได้เลย โดยเฉพาะความล้มเหลวในการหลอกคนดูเรื่องตัวตนของผีที่พยายามลวงว่าคือใคร (ซึ่งเห็นร่องรอยในบทพูดอยู่) แต่ก็พลาดตั้งแต่ต้นเรื่อง แถมยังเป็นตอนที่ซีจีดูย่ำแย่ที่สุดด้วย
ตอน กอง-ผี-ปีศาจ ที่ชื่อตอนไปคล้ายหนัง คน-ผี-ปีศาจ ของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล และเนื้อหายังไปคล้ายตอน คนกอง ในหนัง ห้าแพร่ง ของ โต้ง-บรรจง ปิสัญธนะกูล ราวกับจงใจล้อเลียนด้วย เป็นตอนปิดท้ายที่เอามาเน้นฮาสยอง ทั้งยังค่อนข้างล้อพล็อตแนวเรื่องสั้นของโต้ง-บรรจงอย่างชัดเจน แต่ความจัดเจนในการตัดต่อ ทั้งจังหวะการเล่นส่วนฮาและส่วนสยองก็ยังไม่ลงตัวนัก การเฉลยตอนจบเลยไม่มีลุ้นอะไรเท่าไหร่ (สังเกตว่าเป็นปัญหาที่คนทำหนังไม่เชื่อตัวบทหนัง จึงไม่ทำงานร่วมกัน เช่นเดียวกับตอนทางด่วน)
ส่วนตอน แรกพบศพตาย นั้นแม้จะดูได้แรงบันดาลใจจากงานของ จุนจิ อิโตะ อย่าง โทมิเอะ และ ผลโลหิต มา แต่ก็สร้างสไตล์ของตัวเองได้น่าสนใจที่สุดเมื่อเทียบกับทุกตอน ทั้งด้านดีไซน์และเนื้อหา สัญญะต่าง ๆ ที่ดูคิดมาละเอียดด้วย และแม้จะมีปัญหาที่ไม่ค่อยเคลียร์ในแง่การตีความตอนจบนัก แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าเป็นหนังผีไทยที่โดดเด่นเรื่องหนึ่ง เป็นตอนที่เอาใจเชียร์ครับ

โดยรวม ตีสาม After Shock เป็นงานที่มีแรงบันดาลใจชัดเจนพอสมควร และพยายาม C&D ด้วยจิตใจที่เปี่ยมความหวังดีความทุ่มเท อันจะเห็นได้จากโปรดักชั่นที่พอใช้ได้เมื่อเทียบกับหนังไทย ทว่าอาจจะยังบ่มเพาะได้ไม่ดีพอ นานพอ จนทำให้ไม่อาจหลุดภาพของแรงบันดาลใจพ้น ก็นับเป็นหนังเรื่องหนึ่งที่อยากให้กำลังใจคนทำพัฒนาต่อไปครับ
พูดถึงความน่ากลัวของผี…”ผี” และ “ความมืด” เป็นของคู่กันอยู่แล้ว ยิ่งโดยเฉพาะความมืดในเวลา “กลางคืน’ ที่จะเด็ดกว่านั้น นอกจากบรรยากาศจะได้แล้ว การเสริมสร้างความน่ากลัวโดยมีสตอรี่ต่างๆมาจึงไม่ยากที่จะทำให้หนังเรื่องนี้ ‘หลอน’ และ ‘น่ากลัว’ อย่างแรง
และกลางคืนที่ว่า คงจะไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะตอน ‘ตีสาม’ เราน่าจะเรียกมันว่าเช้ามืดแล้วใช่ไหม…
เวลา ‘ตีสาม’ มาพร้อมกับความเชื่อเรื่องผีออกในเวลานี้ ใครที่ชอบเรื่องลี้ลับชอบท้าทายก็ลองอยู่สักคืนถึงตีสาม น่าจะมีอะไรสนุกๆทำกัน…
หนังเรื่อง ตีสาม เป็นภาพยนต์ 3มิติ จากค่ายไฟว์สตาร์ โปรดัคชั่น ดูหนัง ที่เต็มใจนำเสนอเรื่องราวภูติผีวิญญาณอันน่าสะพรึงผ่าน 3 เรื่องสั้น 3 รส 3 ผลงานของ 3 ผู้กำกับ มารวมอยู่ในภาพยนตร์เรื่องเดียว
เรื่องแรกที่หนังนำเสนอ ชื่อเรื่องว่า “เกศสยอง” พูดถึงสองพี่น้องลูกสาวร้านขายวิกผม มินท์ (สายป่าน) กับ เมย์ (โฟกัส) ที่ไม่ค่อยลงรอยกัน เพราะมินท์ ซึ่งเป็นพี่สาว ไม่สนใจจะช่วยงานของร้าน ปล่อยให้เมย์ทำงานร้านอยู่คนเดียว เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในวันที่พ่อกับแม่เดินทางไปต่างประเทศ ทิ้งให้พวกเธออยู่เฝ้าร้านกันตามลำพัง เมย์รับซื้อเส้นผมโดยไม่รู้ถึงที่มาของเส้นผมสวยงามเหล่านั้น ขณะที่มินท์ชวนเพื่อน ๆ มาปาร์ตี้กันที่บ้านและนำเส้นผมนั้นมาล้อเล่น
รีวิวหนัง ตีสาม คืน 3 3D
ตอน เกศสยอง เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเนื่องจากมีการปูเรื่องมาด้วยโทนและบรรยากาศอึมครึมเพิ่มความน่าวังเวงน่ากลัวให้กับเรื่องราวตั้งแต่ทีแรกก่อนผีจะมาซะอีก นับเป็นไอเดียที่น่าสนใจตั้งแต่พล็อต และนักแสดง เนื้อเรื่องถูกเล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดูจะโอเคมากๆ แต่แล้วผมก็รู้สึกขัดใจกับคำพูดและการแสดงของ ‘ผองเพื่อน’ ที่มากกว่าคำว่าดู ‘ไม่จริง’ มันก็คือ ‘เฟค’ นั่นแหละ การแสดง บทพูดของตัวเพื่อนๆ ซึ่งเป็นตัวประกอบไม่ใช่ธรรมชาติเสียเลย คนที่อยู่ในเส้นในวาก็คือตัวโฟกัส และสายป่านที่ทำให้เราอยากติดตามดูต่อ จนกระทั่งทั้งสองก็พยุงเรื่องไปจนจบ ซึ่งก็เกือบไม่รอดเนื่องจากบทตัวละครมันดูเฉิ่มแฉะ มันดูธรรมดาและดูไม่น่าเชื่อถืออย่างไรอย่างนั้น
ผมชอบไอเดียแบบว่า “ของรักของใคร ใครก็รัก…” เหมือนอย่างเส้นผม ซึ่งจุดประกายทำให้วิญญาณคนตายที่ถูกตัดเส้นผมนำมาขายต่อนั้นไม่พอใจและอาฆาตอยากเอาคืน ช่วงแรกดูหลอน และน่ากลัวใช้ได้ แต่พอผีมาเท่านั้น ดูแล้วรู้เลยว่า ‘เล่นง่าย’ จนไม่พีคและไม่น่ากลัว หลังจากนั้นผมเลยพยายามนั่งดูผีสร้างปัญหาปั่นป่วนไปจนจบ ละก็ ‘อ้อ…โอเคร’ ไม่ได้รู้สึกอินหรือให้ความสนใจเรื่องผีเลย แต่ใจผมมันไปจับอยู่ที่ตอนจบของหนังต่างหาก ซึ่งบอกเลยว่า ‘หักมุม’
ขอให้ประโยคนึงกับตอนตอนนี้เพื่อรีวิวถึงตอนทั้งตอน ซึ่งผมจะพูดว่า “เกือบดี แต่พาคนดูไปไม่สุด”

ไมค์ (ปีเตอร์) และ เชอรี่ (เกรซ กาญจน์เกล้า) เป็นหนุ่มสาวที่รักกันมากแต่กลับเสียชีวิตก่อนถึงวันแต่งงานเพียงหนึ่งสัปดาห์ และแม้ทั้งคู่จะตายไปแล้ว แต่พ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่ายตกลงใจที่จะเก็บศพของทั้งคู่ไว้ ประหนึ่งว่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่โดยมี ทศ (โทนี่) บุรุษพยาบาลหนุ่มรับหน้าที่ดูแลร่างของทั้งคู่ให้ดูเหมือนไม่เคยจากโลกนี้ไป แต่ทศกลับตกหลุมรักร่างที่ดูงดงามควรค่าแก่การทะนุถนอมของเชอรี่ และความรู้สึกนี้นำมาซึ่งความหลอนที่ไม่อาจคาดเดาบทสรุปได้
จริงๆตอนนี้ดูเป็นตอนที่ดูวังเวงและน่าจะน่ากลัวที่สุดแล้ว เนื่องจากเนื้อเรื่องถูกกำหนดมาให้เล่นกับ ‘ศพ’ ทั้งนี้ตัวบ้าน ฉาก พร็อบต่างๆจึงถูกจัดขึ้นเป็นการอุ่นขึ้นถึงความเย็นเยียบแบบหลอนๆมาได้อย่างง่ายดาย ตัวหนังก็ดำเนินไป ‘ดูมีอะไร’ ดี และไม่รู้จะไปทางไหน แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งหมดทั้งมวลที่บิ๊วมาแต่ทีแรกมาตายตอนจบ เพราะ ‘สตอรี่’ ที่ปวกเปียกเหลือเกิน ผีไม่น่ากลัว พล็อตจัดมาแบบเล่น ‘เอาง่าย’ ที่สุด ความเดาทางอันง่ายนี้จึงทำให้ “เรือนหอคนตาย” เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุดไปเลย
กลางดึกขณะที่ทั้งออฟฟิศมีข่าวลือว่าผีดุ เหลือเพียง การัน (ชาคริต) กับ ที (เรย์) เจ้าของบริษัทหรูใจกลางเมือง ที่นอกจากจะไม่กลัวผีแล้ว ยังชอบแกล้งคนอื่นให้ตกใจอยู่เสมอ คืนนั้น บั๊ม (ซัน ประชากร) กับ งิ้ง (เตยหอม) ลูกน้องของการันกับที เข้ามาที่ออฟฟิศกลางดึกเพื่อที่จะเคลียร์งานให้ทันส่งตอนเช้า แต่ก็เจอการันกับทีคอยดักแกล้ง
แต่การแกล้งกันครั้งนี้กลับมีเรื่องแปลก ๆ ดูหนังออนไลน์ 4k เกิดขึ้นอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ พวกเขาไม่รู้เลยว่า เรื่องแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นฝีมือของใครกันแน่ ???
ผมชอบไอเดียของตอนนี้สุด เนื่องจากมันหักมุมแล้วหักมุมอีก ซับซ้อนจนตามไม่ทัน และตอนตอนนี้ไม่มีผี สิ่งที่เล่นกันเองคือตัวคน ใส่ความตลกแบบดาร์คๆ ไม่เน้นบรรยากาศ แต่เน้นลูกเล่นที่หลอกคนดูให้งงงวยไปกับความน่ากลัวเหล่านั้น เหมือนการแกล้งกันของเหล่าพนักงาน ซึ่งก็เล่นจน ‘ได้เรื่อง’ ในที่สุด”
นักแสดงมีความเล่นใหญ่มาก เนื่องจากบทไม่ส่งอะไรให้เล่น เลยต้องเล่นกันเองอย่างแนบเนียน ที่ขนลุกคือตัวพล็อตต่างหาก ซึ่งต้องบอกว่าบันเจิด โดยรวมหนังก็ไม่ได้น่ากลัว ดูแล้วรู้สึกเจ๋งกว่าสองตอนแรก แม้จะมีบางช่วงที่รู้สึก ‘อะไรวะ’…’เพื่อ?’ แต่ตอนนี้โอเคสุดแล้วในแง่ของหนังที่พยายามใช้ลูกเล่นหลอกคนดูจนสำเร็จ

ภาพรวมของหนังทั้งสามตอน คือหนังผีที่ไม่ได้ ‘น่ากลัว’ เลยสักนิด การใส่ลูกเล่นแบบ 3 มิติ ไม่ได้ช่วยอะไรกับเนื้อเรื่องเพราะมันแบนเรียบกว่า 2มิติเสียอีก ปัญหาของหนังคือ ‘บิ๊วไม่สุด พาคนดูไปไม่ถึงจุดที่ต้องการ และเล่นมากแต่ไร้ประโยชน์’ นักแสดงเท่านั้นที่จะดึงคนดูได้จุดนี้แต่ก็ไม่ ‘ปัง’ เท่าที่ควร คอหนังผีเลยต้องขอบอกเลยว่า ‘ผิดหวัง’ และไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปนัก แต่สิ่งที่ดีคือรู้ได้ไอเดียลูกเล่นของหนังซึ่งพบว่ามันก็ ‘บันเจิด’ ดีเหมือนกัน
ผมไม่มีอะไรจะพูดมาก อยากบอกว่าทั้ง 3 เรื่อง 3 รส หากเป็นเครื่องปรุงก็อย่าได้ใส่รวมกันเด็ดขาด มันทำให้รสชาติของแต่ละอย่างมันเด่นชัดเกินไปจนคนชิมรับรู้ว่า ‘นี่เกลือเยอะ…นี่เปรี้ยวไป…ไม่หวานเลย’ ปังไม่ปัง ‘พัง’ ไม่ ‘พัง’ พอมารวมกันเลยรับรู้กันจะๆ
อยากให้หนังทำตอนนึงให้ดีไปเลย เช่นเรื่องนึงก็ทำเป็นหน้งยาวของตัวเอง ดูหนัง 4k ไปเพิ่มไปลดในส่วนที่จำเป็นไม่จำเป็น ให้หนังมันไปได้สุดกว่านี้ โดยรวมไอเดียดี ชอบที่หนังมีจุดมุ่งหมาย แต่ไม่ชอบที่หนัง ‘พยายาม’ จนเห็นชัดเจน
ตีสาม 3D เป็นหนังที่จะว่าดีก็ไม่ดี แย่ก็ไม่ใช่ แต่เป็นหนังที่ตีโจทย์ความน่ากลัว และผี แบบที่ไปไม่ถึงเลยสักตอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ต้องการจะดูก็โปรดรับฟังข้อดีข้อเสียที่ผมสังเกตจากหนังและใช้วิจารณญาณกันเเอาเอง