รีวิวหนัง แม่เบี้ย
แม่เบี้ยหม่อมน้อย – ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง แม่เบี้ย เวอร์ชั่น 2558 โดยเผยว่า สำหรับ แม่เบี้ย รีวิวหนัง แม่เบี้ย ประเด็นหลักมันก็คือพี่วาณิชกำลังพูดถึงโลกของวัตถุและโลกของจิตใจ บ้านที่สุพรรณเป็นบ้านที่เชื่อด้วยจิตใจ เป็นเรื่องที่เชื่อเรื่องวิญญาณ ขณะที่เมขลาอยู่ใน 2 โลกคือโลกของกรุงเทพฯ แล้วก็โลกของเก่า
เธอจึงอยู่ในความก้ำกึ่งของโลกที่ทันสมัยมากและโลกที่เก่ามาก ส่วนชนะชลเองพยายามค้นว่าพ่อแม่จริงๆ ของตัวเองคือใคร เค้าไม่รู้ว่าพ่อแม่เค้าคือใคร เค้ารู้แต่ว่าเป็นเด็กที่ถูกขอมาเลี้ยงแล้วเค้าก็จมน้ำ จนไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ภาคภูมิต้องพาเค้าไปที่บ้านหลังนั้น บ้านของเมขลาที่สุพรรณบุรี เค้าเกิดอาการเดฌาวู (Deja-Vu) เหมือนกับว่าเคยมาที่นี่ เค้ารักที่นี่ แล้วหลงใหลในความเป็นไทยที่นี่ จริงๆ ซึ่งอันนี้มันเป็นรายละเอียดที่ทุกเวอร์ชั่นของ “แม่เบี้ย” ไม่เคยพูดถึง และไม่พาลึกสู่ภูมิหลังของตัวละคร แต่จะไปเน้นเรื่องพิศวาส ความลึบลับของงู และความตื่นเต้นอย่างเดียว
โดยใน แม่เบี้ย เวอร์ชั่นนี้ หม่อมน้อย เผยว่า อย่างน้อยที่สุดยังไงก็เป็นหนังวิจิตรกามาคืออีโรติก คือความงามของเซ็กซ์เปรียบได้กับฉากอัศจรรย์ของวรรณคดีโบราณที่พูดถึงเรื่องบนเตียงมาก งูคือตัวละครสำคัญของเรื่อง พระเอก-นางเอกของเรื่องตัวจริงคืออะไร มันมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าจะคิดกัน ถ้ามองผิวเผินก็จะมองว่างูเป็นตัวร้าย
งูเป็นสิ่งที่ดุร้าย เลวร้ายโดยทั่วๆ ไป แต่งูในตัวละครของพี่วาณิชจะออกมาทุกๆ ครั้งที่ตัวละครทำอะไรที่ไม่ดี ผิดศีลธรรม ซึ่งเรื่องนี้พูดถึงตรงนี้อย่างรุนแรงมาก จริงๆ เรื่องนี้พูดถึงคนผิดศีล จะออกมาการนี้ตลอด หรือจะออกมาฆ่าคนที่ทำบาป เพราะฉะนั้นงูคืออะไร

งูจะลึบลับมาก เป็นประเด็นที่น่าดูมากๆ งูในนี้เวอร์ชั่นนี้จะแตกต่างมาก ซึ่งงูในเวอร์ชั่นอื่นๆ จะเป็นงูที่พิศวาส แต่เรื่องนี้จะมีทั้งความน่ารักและความน่ากลัวของงูที่เราเราตีความเป็นงูเห่ายักษ์
รีวิวหนังไทย คือถ้าเราเอาวรรณกรรมไทยที่ดีมากเรื่องนี้มาทำ เราต้องรักษาแก่นของผู้ประพันธ์เอาไว้ ท่านก็เป็นนักประพันธ์รางวัลซีไรต์ ต้องมีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านิยายธรรมดา “ แม่เบี้ย ” ไม่ใช่นิยายธรรมดา ท่านเอาความอีโรติก เอาความลึบลับของงู
ความลึบลับของบ้านมาเป็นเปลือกนอก แต่จริงๆ แล้วท่านพูดถึงคนบาป และสอนให้คนอย่าทำบาปกรรม เพราะตอนจบก็จะได้เห็นผลการกระทำของตัวละครทุกตัว ไม่ว่าจะเมขลา, ชนะชล หรือว่าใครก็ตามในเรื่องนี้ล้วนเป็นคนบาปทั้งสิ้น ทุกคนก็จะได้รับผลชะตากรรมของตัวเองเป็นการเตือนว่ามนุษย์ต้องดูตัวเองนะ และดูตัวละครในเรื่องแล้วลดทอนบาปของตัวเองลงไป เพราะว่าเราคิดว่าคนในปัจจุบันทำบาปซะจนชิน
เป็นเรื่องธรรมดามาก เช่นเรื่องง่ายๆ การโกหกเอาตัวรอด คนสมัยนี้เป็นคนฉลาดหลักแหลม ซึ่งตัวเราเองทุกคนก็เป็น เช่น วันนี้ทำไมมาสาย รถติด จริงๆ ก็โกหกแล้ว จริงๆ อาจตื่นสาย คือโกหกจนเป็นเรื่องธรรมดา เราเลยมีการสร้างตัวละครขึ้นมาเพื่อซับพอร์ตในบทสรุปความร้ายทั้งมวลคือมนุษย์นั่นเอง
ในแง่ของการดำเนินเรื่อง แม่เบี้ย คือ 7 วันสุดท้ายในชีวิตของชนะชล ที่เคาท์ดาวน์ลงไปว่าในแต่ละวันเค้าพบอะไรบ้าง เค้าเรียนรู้อะไรบ้าง แล้วท้ายสุดคืออะไร วิธีดูหนังต้องเป็นแบบนี้ ไม่ใช่มาดูพระเอก-นางเอกรักอย่างดูดดื่ม เป็นไปไม่ได้ เป็นคำถามหลายครั้งว่าทำไมไม่เห็นรักกันเลย เราก็เลยบอกว่าอยู่กัน 7 วันจะเอาอะไรมารักกันล่ะ มันไม่ใช่ขวัญเรียมนะ ขวัญเรียมเค้ารักกันมาตั้งแต่เด็ก แล้วนี่ก็ไม่ใช่หนังรัก คนดูต้องเปิดใจดูสิ่งใหม่ มองแม่เบี้ยในมุมมองใหม่ เราก็มาทำแม่เบี้ยเวอร์ชั่นใหม่ที่พี่วาณิชพูดกับสังคมไว้ แก่นแท้ไม่ล้าสมัยเลย
อาจจะจำกันไม่ได้แล้วว่า แม่เบี้ย ฉบับเก่าๆ นั้นเป็นอย่างไร ได้แต่เหลือไว้เพียง ภาพของมะหมี่นั่งอยู่บนกระต่ายขูดมะพร้าวโชว์เนินอกอร่าม ดูหนังออนไลน์ 4k ในฉบับนี้ไม่มีฉากนั้นแล้วเนื่องด้วยในบทประพันธ์เดิมเองก็ไม่มี
เรื่องราวของ ชนะชล (ชาคริต แย้มนาม) หนุ่มใหญ่ที่ต้องการหาซื้อบ้านทรงไทย และได้รับการแนะนำจากน้องชาย เขาจึงได้พบกับ เมขลา หรือ เมย์ (กานต์พิสชา เกตุมณี) สาวหน้าคมหุ่นดีดีกรีเมืองนอกที่ทำกิจการนำเที่ยว ความหลงใหลในแรกที่ได้พบทำให้เกิดการสานต่อ เขาอยากจะกลับไปที่บ้านนั้นอยู่ร่ำไป หากแต่ที่นั่นมีบางสิ่งน่าแปลกซุกซ่อนอยู่

หนังบรรยายถึงเรื่องราวของตัวละครหลายๆ ตัวที่ตกอยู่ในวงวนแห่งไฟปรารถนา แม้ว่าตนจะมีคนของตัว ก็ยังจะใฝ่หากามารมณ์เสพสมกับบุคคลอื่น เราได้เห็นภาพของเมย์ที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ต่อหน้างูตัวใหญ่ที่แผ่แม่เบี้ยน่าเกรงขาม เธอไหว้วอนบอกว่าจะเป็นเด็กดี แต่สิ่งที่ทำมันกลับตรงข้ามกัน
ยังต้องถือว่านี่เป็นหนังที่นำวรรณกรรมเก่ามาร้อยเรียงใหม่ หนังจึงมีความเก่าและความใหม่ผสมปนเปอยู่ด้วยกัน หนังมีทั้งบทพูดบรรยายของตัวละครหลักอย่าง ชนะชล และหนังยังมีทั้งตัวอักษรบอกเล่าชื่อตอนสลับไปกับการเล่าเรื่อง แถมยังมีการบอกเวลาและสถานที่อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย จนเริ่มไม่เข้าใจว่า หนังจะบอกเวลาพร่ำเพรื่อไปเพื่ออะไร
ในเมื่อใช้วิธีอื่นในการบอกก็ดูจะเข้าท่ากว่า
หนังพยายามตีความในบริบทของคนสมัยปัจจุบัน ดูหนังออนไลน์ พระเอกที่มองว่าตัวเองอาศัยอยู่ในกรงขัง พยายามจะหนีออกไปเพื่อเจอกับสิ่งล่อใจสิ่งใหญ่ และไปเจอกับเรื่องราวที่ชวนสงสัย ก่อนที่จะเริ่มรู้ข้อมูลต่างๆ มากขึ้น เหมือนจะเป็นหนังในโซน Mystery อยู่กลายๆ แต่ไม่คมคายมากพอเท่านั้นเอง
เวอร์ชั่นนี้เลือกใช้นางเอกหน้าใหม่ ซึ่งแม้ว่าจะมีเสน่ห์คมซ่อนอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่ชักชวนให้รู้สึกหลงใหลแต่อย่างใด น่าเสียดายที่ แม็กกี้ อาภา ภาวิไล ผู้รับบท โกสุม เสียอีกทีทั้งสวย เซ็กซี่ และสมบทบาทได้อย่างทรงพลัง กลับแทบไม่ได้รักบทพูดสักเท่าไหร่

หนังดำเนินเรื่องอย่างเรียบเรื่อย ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นหนังที่เน้น “ภาพสวย” เสียมากกว่า พิถีพิถันในการถ่ายทำมากพอสมควร ทั้งการจัดแสง วางองค์ประกอบ แต่ทั้งหมดทั้งมวลกลับถูกบดบังสิ้นเมื่อเล่าเรื่องได้ไม่ชวนติดตาม เรื่องราวที่ไม่ชวนอิน บทพูดและลีลาการแสดงที่ดูแข็งและประดิษฐ์ (ซึ่งก็ดูจะเป็นเอกลักษณ์ของหนังจาก ผกก. คนนี้ไปแล้ว) นอกเหนือจากแม็กกี้ ก็พบว่า ชาคริต แย้มนาม เป็นอีกคนหนึ่งที่พอจะแสดงได้ดี
ฉากที่ควรจะเป็นจุดเด่นจุดขายเพราะมันคือหนังอีโรติก ก็ควรจะเป็นฉากเปลือยทำกิจกรรมบนเตียงกันนั่นก็ไม่ชวนสร้างความรู้สึกอะไรให้เกิดขึ้นในในผู้ชม การสังวาสกันนั้นแทบจะไม่ได้นำไปสู่อะไรนอกจากบอกว่า พวกเขาไม่เคยใส่ใจศีลธรรมและเพียรไขว่คว้าตามความปรารถนาแห่งตน
รีวิวหนัง แม่เบี้ย
แทบทุกฉากนั้นมาไวไปไวจนไม่รู้สึกอะไรเลย
หลายจุดที่หนังละเลยที่จะเล่า ทำคนดูเฝ้าตะขิดตะขวงใจถึงที่มาที่ไปของตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นงู อีกทั้งหนังก็พยายามจะสร้างความน่าสนใจของมูลเหตุต่างๆ นานาของเรื่อง แต่ก็กลับทิ้งช่องโหว่ให้สงสัยเสมือนให้ไปคิดกันต่อเอาเองเช่นนั้น
สุดท้าย เพลงประกอบใน ‘แม่เบี้ย’ เวอร์ชั่นนี้ ถือว่าเพราะมาก แต่ต้องนับเฉพาะเพลง ดูหนัง 4k เพราะหลายครั้งก็เหมือนยัดเยียดใส่เข้ามาบ่อยเสียจนเริ่มจะคิดว่าดูละครเพลงอยู่ประมาณนั้น ในด้านซีจีเป็นอีกด้านที่ไม่พูดคงไม่ได้ ซีจีงูที่ใหญ่ยักษ์เกินความจำเป็น
ไม่ถึงกับเนียนสมจริงนัก เรียกว่าพอไปวัดไปวาได้ แถมดูเหมือนพระเอกจะไม่เคยกลัวงูยักษ์แม้สักนิด ถือได้ว่าช่างหาญกล้ามากเกินมนุษย์มนา กลายเป็นหนังที่ดูเอาเพลินอาจจะพอได้
แม่เบี้ย เป็นนิยายพิศวาสปนสยองขวัญของ วาณิช จรุงกิจอนันต์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ เคยถูกทำเป็นภาพยนตร์มาแล้วสองครั้ง และครั้งล่าสุดคือครั้งที่สามถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่โดย หม่อมน้อย ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ช่วงหลังเน้นถ่ายทอดงานในรูปแบบอีโรติกหรือ วิจิตรกามา ตามที่ท่านให้คำนิยาม
หนังเล่าเรื่องราวของ ชนะชล (ชาคริต แย้มนาม) นักธุรกิจหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในแทบทุกด้านของชีวิต แต่กลับไม่มีความสุข เขารู้สึกว่าคฤหาสน์ราคาหลายสิบล้านไม่ใช่ที่ของเขา จนต่อมา ชนะชล ได้พบกับ เมขลา (อ้อม กานต์พิสชา) สาวสวยสุดมั่นเจ้าของบริษัททัวร์และเรือนไทยในอำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ตามคำแนะนำของ ภาคภูมิ (ฮัท จิรวิชญ์) นักธุรกิจหนุ่มหล่อรุ่นน้องที่เป็นผู้ช่วยของเขา
นอกจาก ชนะชล จะหลงไหลในตัว เมขลา อย่างมากแล้ว ดูหนัง เขายังรู้สึกผูกพันกับเรือนไทยหลังนั้นอย่างประหลาด ต่อมา ชนะชล พบว่าที่นั่นมีงูตัวใหญ่ยักษ์คอยวนเวียนอยู่ ลุงทิม (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) คนเก่าคนแก่ผู้ดูแลบ้านเตือนไม่ให้เขามากลับมาอีก แต่ ชนะชล ไม่เชื่อ เขาสงสัยว่าสถานที่ดังกล่าวมีส่วนเชื่อมโยงกับอดีตอันลึกลับดำมืดของเขา
บทภาพยนตร์ แม่เบี้ย มีความเป็นนิยายสูง ด้วยการแบ่งหนังเป็นองค์ต่างๆ การเล่าผ่านเสียงในหัวของตัวละคร ผู้กำกับเลือกที่จะใช้ยุคปัจจุบันในการถ่ายทอดเรื่อง ไม่ทำเป็นหนังพีเรียด ทำให้เกิดความกํ่ากึ่ง กลางเก่ากลางใหม่ บทสนทนาจึงออกมาค่อนข้างเชย กรุงเทพฯถูกวางให้เป็นตัวแทนของโลกปัจจุบัน สุพรรณบุรีถูกวางให้เป็นตัวแทนของโลกอดีต

งานภาพใช้กล้องถ่ายโฆษณา ยอมรับว่าสวยก็จริงแต่หลายช็อตสโลว์ดูไม่ค่อยลื่นไหล หลายฉากดูประดิษฐ์จนเกินงาน ไม่เป็นธรรมชาติ การพากย์เสียงทีหลังเป็นจุดอ่อนมากกว่าจุดแข็ง เพราะทำให้คำพูดของตัวละครขาดอารมณ์ร่วม ขาดความสดใหม่ มันจึงออกมาราบเรียบราวกับเรากำลังฟังละครทางวิทยุกันอยู่ ประเด็นการตีความใหม่ หม่อมน้อย กล้าที่จะนำเสนอดี
งู แม่เบี้ย 2015 จึงดูมีตัวตน มีบทบาทมากกว่าเวอร์ชั่นก่อนๆ มองได้ว่าเป็นทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ ญาติผู้ใหญ่ ที่คอยมาดูแลเรื่องศีลธรรมของลูกหลาน รวมถึงคอยลงโทษคนชั่ว กระนั้นการใช้คำว่า คุณ เรียก งู ก็ดูแปลกพิลึก ด้านความคลุมเครือของเนื้อหาซึ่งเป็นจุดเด่นของนิยายดันหายไป เนื่องจากหนังมีการคลี่คลายจนกระจ่างซะเกือบทุกปม
สำหรับการแสดงน่าจะเป็นส่วนที่แย่ที่สุดของหนัง มีเพียง ศักราช , ชาคริต และ แม็กกี้ อาภา เท่านั้นที่ทำได้ดีตามมาตรฐาน นักแสดงที่เหลือในเรื่อง การพูดจา การเคลื่อนไหว ไม่มีความพอดีเลย ไม่น้อยไป ก็มากเกิน ฮัท จิรวิชญ์ น่าเสียดาย บทส่งแต่กลับไม่สามารถคว้าโอกาสที่ถูกผลักดันได้ ขณะที่ อ้อม กานต์พิสชา ขาดเสน่ห์ในการดึงดูสายตาผู้ชมให้หยุดที่ตัวเธอ
การใส่เวลาในแต่ละช่วงของหนัง มองยังไงก็ไม่เห็นประโยชน์ เช่นเดียวกับฉากอีโรติกควาโลกีย์มายมายจนคนดูเอียนกับเรือนร่างนักแสดง บางซีนนอกจากจะไม่เป็นศิลปะ ไม่ปลุกเร้าความรู้สึกแล้ว ยังขยับเข้าใกล้คำว่าอนาจารมากๆ ซํ้าร้ายบทสรุปของ แม่เบี้ย ยังไม่นำพาให้หนังไปไกลจากตอนเริ่มต้นเลย