รีวิวหนัง 367 วัน HIM & HER
นานทีจะมีหนังไทยดีๆ เข้าโรงมาให้ดูกัน โดยเฉพาะในปีพุทธศักราช 2558 นี้ ที่หนังไทยตลาดๆ ไม่ว่าจากค่ายใหญ่ขาประจำหรือสายแมสอินดี้จากค่ายเล็กหน้าใหม่ต่างก็พังพาบทั้งในมุมรายได้และเสียงวิจารณ์คำชื่นชม และบางครั้งก็ชนโรงประสานงากันล้มคว่ำระเนระนาด ล่าสุดก็เมื่อรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ โกลด์ยูธ โปรดักชั่น ไลฟ์ ฟิล์ม ค่ายหนังน้องใหม่ได้ส่ง รีวิวหนัง 367 วัน HIM & HER
(ไวท์ ผดุงการ) มาลงสนามพบกับ คนอกหัก (Love H2O) (ศุทธสิทธิ์ เดชอินทรนารักษ์ / 2015) หนังตัวแทนจากค่ายใหญ่(กว่า) อย่าง Mono Pictures แต่ดูเหมือนว่าหนังทั้งสองเรื่องจะไม่ได้การต้อนรับที่อบอุ่นนัก หนำซ้ำยังเอนเอียงไปในทางลบเสียมากกว่า และถึง คนอกหัก จะมีภาษีความชำนาญในการเล่าและฟอร์มหนังที่ดูดีกว่ามากด้วยโปรดักชั่นและดาราแต่ก็ใช่ว่าหากถูกมองเฉพาะเนื้อหนังจริงๆ

จะรอดพ้นเขตอันตรายไปได้ ส่วนตัวแล้วตอนที่นั่งเขียนอยู่นี้ยังไม่ได้ดู คนอกหัก (รอบที่ตั้งใจไปดูถูกยุบรอบ คงสะท้อนความนิยมได้บ้าง) ก็เลยไม่ขอที่จะพูดถึงอะไรมาก เพียงแต่พูดจากกระแสที่ได้รับรู้มา แต่จากหน้าหนังและตัวอย่างหนังก็พอจะมองเห็นถึงจุดร่วมกันของหนังทั้งสองเรื่องได้แล้วว่ามันคือหนังที่ยังคงย่ำอยู่กับที่ซ้ำรอยความสำเร็จหนังอื่นราวกับถูกปิดหูปิดตาถูกตั้งโปรแกรมห้ามไม่ให้เดินไปทางอื่น
แม้ยังมั่นใจว่าคนสร้างได้พยายามเต็มที่แล้วที่จะลืมหูลืมตา แต่ความที่อยากจะลืมตาอ้าปากได้จากเม็ดเงินก็คงทำให้ต้องพยายามลืมๆ มันไป

สำหรับ 367 วัน Him & Her เป็นหนึ่งในหนังไทยที่รวมความเลวร้ายไว้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง ถัดจากหนังเรื่อง Postcard from Nowhere (พงษ์วัฒน์ ตันนุกูล / 2015) ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นหนังที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การดูหนังในโรงไปแล้ว แต่โชคดีที่ 367 วัน Him & Her ไม่ได้แย่อย่างเท่าเทียมในความรู้สึกส่วนตัวเพราะยังมีส่วนผิดพลาดที่กลายเป็นความบันเทิงได้มากกว่า ‘โปสการ์ดที่ไม่มีที่มา…..ที่ไป’
เพราะเมโลดราม่าเกินปกติมนุษย์ที่ท่วมท้นในแทบทุกนาทีที่หนังดำเนินไป ราวกับว่าหนังกำลังเล่าเรื่องราวความรักของวัยรุ่นหนุ่มสาวที่ไม่สมประกอบทางสติสัมปชัญญะ ด้วยบทสนทนาที่แสนจะซ้ำซากเชยเฉิ่มและงี่เง่า นางเอกที่ต้องร้องไห้ถี่กว่าหนังไทยเรื่องไหนในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์เสียจนอยากแนะนำให้เชิญ Guiness World Records มาบันทึกสถิติ พอทุกสิ่งที่ว่ามารวมกันทำให้ระดับความเบื่อหน่ายใคร่รำคาญเดินมาจนถึงขีดขั้นที่ทำให้กลายเป็นความบันเทิงขบขันได้บ้าง

โดยเฉพาะบทสนทนาแสนจริงจังมากมายที่บรรจุความขบขันเอาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ลองนึกภาพตามกันได้ อย่างเช่นว่า (ตัวอย่างที่ 1 นางเอกชื่อ ‘ไทน์’ ย่อมาจากวาเลนไทน์ชอบดอกกุหลาบตัดพ้อกับพระเอกชื่อ ‘เฮ้ด’ เป็นเดือนมหาวิทยาลัย) “ไทน์ตั้งใจตอบขำถามไม่ดีเพราะไทน์ไม่อยากเป็นดาวมหา’ลัย(มั่นใจมากว่าจะได้เป็น)…ไทน์กลัวไม่มีเวลาให้เฮ้ดเพราะไทน์แคร์ความรู้สึกของเฮ้ด…
ไทน์ ไม่ได้อยากเป็นดาวมหา’ลัย แต่ไทน์อยากเป็นดาวในใจเฮ้ด” แล้วก็วิ่งน้ำตาแตกหนีไป (ตัวอย่างที่ 2 กะเทยและทอมเพื่อนนางเอกคอมโบซัดพระเอก) “หนึ่งวันมันมีตั้ง 24 ชั่วโมง ทำไมมึงจะไม่มีเวลาให้ไทน์!!” “มึงไม่ได้โง่นะเฮ้ด มึงคิดดูเอาเองแล้วกัน…!!” (เข้าใจว่าเป็นไดอะล็อกปูเข้าชื่อเรื่อง แต่น่าจะอ้างเป็นวินาทีนะจะได้เยอะ ไม่คลิเชและคงฟังดูขึ้นกว่านี้!!!) ฯลฯ และอีกมากมายหลายหลาก
รีวิวหนังไทย ไดอะล็อกจริงจังพวกนี้ต่างชวนขำในความดราม่าพยายามจะจริงจังแต่โคตรไร้ความสามัญธรรมดาแบบมนุษย์ทั้งนั้น แต่มีไดอะล็อกหนึ่งที่ชวนขำไม่ต่างกันและแน่นอนว่าตามบริบทสถานการณ์ในหนังแล้วมันเลวร้ายสุดๆ แต่ในแง่หนึ่งมันให้มิติตัวละครและความสัมพันธ์ที่น่าสนใจดี (ตัวอย่างที่ 3 นางรองตัวร้ายดาวมหา’ลัย) “เธอเชื่อฉันนะว่าเฮ้ดทำทุกอย่างเพื่อเธอคนเดียว
แต่ถ้าเธอไม่ต้องการเฮ้ดแล้ว..เธอบอกเรานะ เรามาเป็นเพื่อนกันนะ!!!” เห็นได้ชัดว่าความบิทช์ของตัวละครมันยังคงอยู่ในบทสนทนาที่ต้องการจะสานสัมพันธ์อย่างร้ายกาจน่าสนใจ!! แต่นางเอกดันยอมรับไว้อย่างชื่นอกชื่นใจหวั่นไหวมิตรภาพน้ำตาร่วง(อีกแล้ว)!! จนเกิดคำถามขึ้นทันทีว่าบนโลกนี้มันมีกลุ่มเพื่อนที่ยังต้อนรับและยินดีกับคนแบบนี้โดยที่ไม่การดีเบตโต้แย้งหรือซํกถามอะไรทั้งที่ก่อนหน้านั้นจะเป็นจะตายกันให้ได้เหมือนในหนังเรื่องนี้ด้วยเหรอ หรือแท้จริงแล้ววัยรุ่นหนุ่มสาวพวกนี้เป็นคนที่มีจิตใจแบบไหนกัน??!!

ความคิดนี้ทำให้นึกถึงหนังเมื่อปีที่แล้วอย่าง Stonehearts Asylum (Brad Anderson / USA / 2014) ที่เป็นเรื่องราวความรักของคนจิตไม่ปกติ ซึ่งถ้าหาก 367 วัน Him & Her เทิร์นเปลี่ยนมาเป็นหนังที่เฉลยว่าตัวละครวัยรุ่นหนุ่มสาวกลุ่มนี้แท้จริงแล้วคือคนบ้า ทุกสิ่งอย่าง ทุกสถานการณ์ ทุกบทสนทนาและสังคมในหนังมันอาจจะดูสมเหตุสมผลขึ้นมาได้ในทันที
ไม่ใช่เพียงแค่สมเหตุสมผลที่เนื้อหนังเป็นตัวสะท้อนวิสัยทัศน์ทางภาพยนตร์ที่ไม่ลึกซึ้งของคนทำได้ดีเพียงอย่างเดียว และแล้วหนังก็จบลงจากที่เริ่มต้นเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นในโรงเรียนที่ดูเป็นนานาชาติ(อาเซียน) จนจบมาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเดียวกันยกก๊วน เกิดรักสี่เศร้าที่สุดท้ายคู่หนึ่งก็สุขสมหวังถึงขั้นแต่งงานอย่างไร้‘ที่มา…..ที่ไป’
ส่วนอีกคู่ก็โศกเศร้าหักมุมอย่างสาหัสสากรรจ์ชวนคนดูให้สลดไปตามเนื้อหนังได้อย่างไม่ปรานี เพียงแต่ไม่ใช่เป็นเพราะจุดจบอันหมองเศร้าเปล่าเปลี่ยวของตัวละคร แต่สลดเพียงเพราะเลขราคาตั๋วที่ผุดพรวดขึ้นมาในหัวจังหวะเดียวกันกับที่นางเอกถูกรถชนตาย และเปล่าเปลี่ยวยิ่งกว่าพระเอกวัยชราที่ต้องเฝ้ารอคนรักที่ไม่มีทางฟื้นกลับมาในสวนกุหลาบ เมื่อได้มองไปรอบตัวแล้วพบว่าทั้งโรงเหลือเราคนดูแค่คนเดียว
บางทีผมก็สงสัยนะว่าคนสร้างหนังทุกวันนี้เค้าคิดว่าประเทศไทยเราอินเตอร์เนตยังเข้าไม่ถึงทุกบ้านเหรอ เค้าเลยเข้าใจว่าจะเอาอะไรที่ตำบอนขนาดไหนมาให้คนดูก็ได้อย่างนั้นหรือ fleet of time คําตอบของใจ…คือใช่เธอ เป็นหนังไต้หวันที่เพิ่งเข้าฉายบ้านเราไม่เกิน 4-5 เดือน ส่วน 367 วัน him and he นี่แทบจะยกโครงเรื่องของหนังไต้หวันเรื่องนั้นมาหมด คือยกมาแต่โครงเรื่องนะ แต่รายละเอียดที่ใส่เข้าไปน่ะมีแต่ความปัญญาอ่อน มีแต่ความเฮงซวย มีแต่ความน่าสมเพช ผมไม่อยากบอกว่า นี่คือหนังไทยชั้นเลวอีกเรื่องแห่งปีที่ผมอยากด่า
ดูหนังออนไลน์ ปีนึงๆ เวลาเห็นหนังค่ายเล็กๆเข้าฉายมา เราก็ลุ้นนะว่าอยากเห็นหนังดีดี แต่ลุ้นให้ตายเรากลับพบว่าหนังค่ายเล็กแต่ละเรื่องมันไม่ใช่แค่ลุ้นไม่ขึ้น แต่มันยังทำออกมาเฮงซวยเหมือนเข้าใจว่าทำให้คนไทยดูแค่นี้แหละไม่ต้องใช้สติปัญญามากหรอกคนดูมันโง่
เรื่องราวของพระเอกชื่อเฮดหนุ่มฮอตของโรงเรียน ตกหลุมรักไทน์ นักเรียนเข้าใหม่จากกรุงเทพ คือจะบอกว่าแคสติ้งพิการซ้ำซ้อนหนังหีมาก พระเอกหน้าแก่มาก ไว้ผมยาวเฟื้อย หน้าพระเอกหล่อแบบพวกต่างด้าวที่ยืนขายหนังโป๊ตามสีลม(แต่หล่อนะเป็นบางมุม)
ส่วนนางเอกเป็นลูกครึ่งหน้าตาน่ารักแต่ปัดแก้มแดงเป็นตูดลิง เหมือนตุ๊กตาแอนนาเบลผสมลีน่าจัง โรงเรียนมัธยมแห่งนี้อยู่ที่เชียงใหม่ในห้องมีนักเรียน 12 คน นักเรียนที่เข้าฉากและมีบทพูดจะแต่งหน้าทาปากจัดเต็มไม่เว้นแม้แต่นักเรียนชายก็แต่งหน้า เอาเป็นว่าเฮดกับไทน์ก็รักกัน ผู้หญิงทิ้งความฝันแกล้งทำข้อสอบไม่ได้เพราะจะได้เรียนมหาลัยเดียวกับพระเอก
แกล้งตอบคำถามโง่ๆเพราะจะได้ไม่ต้องเป็นดาวมหาลัยจะได้มีเวลาให้พระเอก แต่พระเอกได้เป็นเดือน แล้วดาวมหาลัยก็มาแอบรักเข้าใจผิดกันไปกันมา ต่อมาปรับความเข้าใจกันได้ก็เรียนจบ ทำท่าจะแต่งงานกัน อีนางเอกต้องไปเมืองนอกกับครอบครัวแล้วหายไป จนอีดาวมหาลัยเอาเบอร์นางเอกมาให้พระเอก พระเอกโทรไปนางเอกรับสายโดนรถชนตาย สิบปีต่อมาพระเอกมาปลูกดอกกุหลาบ
เพื่อนๆมาเยี่ยมไร่กุหลาบที่พระเอกปลูก แล้วชมว่าสวยยังกะเมืองนอก พ่องงง กุหลาบห่อตาข่ายทั้งไร่ หน้าตายังกะไร่กุหลาบ อบต ดูหนังออนไลน์ 4k ต่างจังหวัดเสือกบอกเหมือนเมืองนอก ต่อมาพระเอกถือช่อดอกกุหลาบจนแก่ หัวขาวเหมือนเอาแป้งมาโรย นั่งพักเหนื่อย ช่อกุหลาบตกพื้นพระเอกตาย นางแอ้บ ปิ๊งงงจากสวรรค์ แว้บมารับพระเอก
การเดินเรื่องไม่มีห่าไรเลย ไม่รู้จุดมุ่งหมายว่ามันจะทำหนังเรื่องนี้มาเพื่ออะไร หนังไปเรื่อยๆรักๆเข้าใจผิดนอยๆ แล้วก็ดีกัน อีทอมเพื่อนนางเอกเรียนมัธยมผมสั้นเข้ามหาลัยปี1 เรียนวันแรกปุ๊บผมยาวเลย พระเอกเรียนมัธยมผมยาวจะรากไทร เข้ามหาลัยผมสั้น เอากะมันสิ นางเอกโดนพระเอกเย็ดในเต๊นท์ ตื่นมานอนกอดผ้าห่มร้องไห้ นึกถึงนางเอกละครสมัยมลฤดี ยมาภัย
และขอสาบานได้ ตอนแรกนึกว่า พระเอกของเรื่องชื่อไบรท์ เอเอฟ เพราะหนังเรื่องนี้มีกระแสว่าแฟนคลับเค้าไปดูไบรท์เอเอฟ แต่ปรากฏว่า ไบรท์เอเอฟมารับบทเป็นเพื่อนพระเอก คือเพิ่งทราบนี่แหละว่าคนนี้คือไบรท์เอเอฟ คือถ้าเป็นเด็กเอเอฟพอมีชื่อเสียงจะมาแสดงหนังห่วยๆเราไม่ว่านะ แต่นี่เสือกมาเล่นเป็นตัวประกอบ โทษนะน้อง บทเหี้ยๆแบบนี้ นอนเปิดพัดลมใส่บ็อกเซอร์ให้ลมมันโกรกไข่เล่นดีกว่ามาเสียเวลาเล่นหนังห่วยๆแถมเป็นตัวประกอบแบบนี้
รีวิวหนัง 367 วัน HIM & HER
ดูหนัง ตัวประกอบที่มารับบทกะเทยในเรื่องดูตลกหัวโปกกะโหลกไขว้ไก่กาอาราเล่มาก ครูหน้าลิงนี่คือเป็นตลกที่ทำให้หนังดูราคาถูกสุดๆ
ไวท์ เลือกสถานที่ที่ตนเองรู้สึกประทับใจในการถ่ายทำภาพยนตร์ “ภาคเหนือบ้านเราเนี่ยครับ เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยมาก ผมประทับใจครับ ก็เลยยึดที่เชียงใหม่ แล้วก็เชียงราย มีภูชี้ฟ้า นอกจากเชียงใหม่เชียงรายแล้วเราไปถ่ายที่ฮ่องกงด้วยครับ ฮ่องกงนี่ทุกคนก็รู้ว่าสวยขนาดไหนนะครับ ผมก็พาทีมงานไปถ่ายที่ฮ่องกงด้วยครับ” ส่วนการทำงานร่วมกับนักแสดงหน้าใหม่
ผู้กำกับก็ขอชื่นชมในความสามารถของทุกคน “จริงๆ ตอนแรกคิดว่าเป็นนักแสดงใหม่นะครับ หนักใจเหมือนกัน แต่จริงๆ เป็นคนอยากปั้นนักแสดงใหม่ๆ ขึ้นมาประดับวงการเรานะครับ มีคนดูนักแสดงซึ่งหลากหลายแล้ว แต่นักแสดงใหม่ๆ นี่บางคนมีความสามารถ เราก็อยากสร้างเขาขึ้นมานะครับ เพื่อให้เขาอยู่วงการนี้ต่อๆ ไป ก็ไม่ผิดหวังนะ เช่นน้องบ้านนะครับ น้องจูนนะครับ น้องไบรท์ เอเอฟ 9 น้องจิ๊บ แล้วก็น้องตุ๊กตา แล้วก็ไวน์ หลายๆ คนนะครับมาแสดงเรื่องนี้ครับ”
บ้าน พระเอกของเรื่องพูดถึงบทบาทที่ได้รับว่า “รับบทเป็น เฮด นะครับ ก็เล่นตั้งแต่อายุมัธยมจนถึง 80 ครับ” หนุ่มคนนี้บอกความยากง่ายในการแสดงว่า “ของผมก็มีทั้งยากกับทั้งง่ายนะครับ เพราะบ้านเล่นบทแก่ต่างวัย ไม่เคยแก่มาก็เล่นไม่ถูกบ้าง แต่ว่าดีที่มีพี่ไวท์ พี่ไวท์ก็ช่วยแนะนำว่าเล่นยังไง” ด้านสาว จูน เผยลักษณะนิสัยของตัวละคร ไทน์
ว่า “ก็เป็นผู้หญิงเรียบร้อยค่ะ แล้วก็เป็นคนขี้หึงค่ะในเรื่อง” นางเอกคนสวยกล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยทำให้การทำงานเป็นไปด้วยความราบรื่น “ก็มีทั้งยากทั้งง่ายค่ะ แต่ว่ามีทั้งผู้ใหญ่ พี่ไวท์ แล้วก็พี่ๆ ที่จะแบบว่าคอยสอนจูนมาเสมอค่ะ ทำให้เรื่องยากอาจจะกลายเป็นเรื่องง่ายค่ะ ก็ต้องขอบคุณทางผู้ใหญ่มากๆ ค่ะ”
ฟาก ไบรท์ หนุ่มหล่ออารมณ์ดีที่ได้มาประเดิมจอเงินเป็นเรื่องแรก กล่าวถึงบทบาทของตนเองว่า “สำหรับในภาพยนตร์เรื่องนี้รับบทเป็น บอย ฮะ บอยก็จะเป็นเพื่อนกับพระเอกนี่แหละครับผม บ้านนะฮะ แล้วก็จะมี ไปป์ อีกคนหนึ่ง วันนี้ติดภารกิจไม่ได้มานะครับผม
ก็คาแรกเตอร์ของบอยก็จะเป็นแบบเหมือนสดใส ร่าเริงนะ จะออกกวนๆ นิดหนึ่ง แต่ในบทมันน่ารัก เราจะเป็นผู้ชายที่ขี้เล่นฮะ แล้วก็แอบรักผู้หญิงคนหนึ่ง แอบชอบจิ๊บในเรื่องนะครับผม แต่จิ๊บก็ดันไปชอบพระเอกนะฮะ (หัวเราะ) ก็คอยอยู่ห่างๆ อะไรอย่างนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่รักเพื่อนแล้วก็จริงจังกับความรักครับ”
หนุ่ม ไบรท์ มองว่านิสัยของตนเองไม่แตกต่างจากในภาพยนตร์สักเท่าไร “ก็ไม่ห่างจากตัวจริงเท่าไร เพราะว่าในบทก็จะเป็นคนร่าเริงอยู่แล้วนะฮะ ชีวิตจริงก็ร่าเริง แล้วก็ในภาพยนตร์ก็จะอยู่ในช่วงวัยเรียนด้วย ผมก็กำลังเรียนอยู่ ก็เลยเหมือนเข้าใจฟีลฮะ
ถ้ายากก็น่าจะยากตรงด้านความรักโรแมนติก เราเพิ่งเคยแสดงเหมือนกัน” ด้านสาว จิ๊บ เอ่ยว่า “จิ๊บนะคะ ก็รับบทเป็น ปีใหม่ ค่ะ ก็คาแรกเตอร์ก็จะมีความมั่นใจในตัวเองนะคะ แล้วก็จะแอบชอบพระเอกด้วยค่ะ” การแอบชอบพระเอกของเรื่องนี้ ทำให้ตัวละคร ปีใหม่ แฝงความร้ายเงียบอยู่บ้าง “จริงๆ แล้วเหมือนแค่แอบชอบพระเอก อยากให้เขารักเราค่ะ ก็เลยทำทุกวิถีทางอะไรอย่างนี้ค่ะ เหมือนร้ายเงียบนิดหนึ่ง แต่จริงๆ เขาก็ไม่ได้ร้ายอะไรขนาดนั้นค่ะ”
ดูหนัง 4k ฟาก ตุ๊กตา เปิดตัวในภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยมาดของสาวห้าว “รับบทเป็น จ๋อม ค่ะ ในเรื่องก็เป็นผู้หญิงห้าวๆ ออกทอมนิดหนึ่ง คือในเรื่องเนี่ยแอบรักนางเอกแต่ว่าเป็นเพื่อนของนางเอกด้วย ก็ในเรื่องจะเป็นคนที่คอยโพรเทกต์นางเอก
ไม่ว่าพระเอกจะเข้ามาหรือว่าจะมีผู้ชายคนไหนเข้ามาจีบ เราก็จะเป็นคนสแกน คนนี้ได้ ไม่ได้ จะคอยเตือนเขาตลอดเวลา ในเรื่องนี้คือแอบรักนางเอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลยค่ะ (หัวเราะ) ผิดเพศๆ” ซึ่ง ตุ๊กตา ยอมรับว่าบทนี้ยาก “ยากค่ะยาก เพราะว่าจริงๆ ตุ๊กตาเล่นละครก็จะเป็นผู้หญิง คาแรกเตอร์ก็เป็นผู้หญิง แบบไม่เล่นร้ายก็เรียบร้อยไปเลย แต่ว่าเรื่องนี้เนี่ยพอมาเป็นผู้หญิงห้าวๆ
ออกทอม เราก็ต้องมีเรฟเฟอเรนซ์ ต้องดูงานอะไรมากขึ้น ก็ต้องไปหาหนัง หรือว่าไปหาอะไรดูที่เกี่ยวกับทอมว่าบุคลิกภาพเขาเป็นยังไง วิธีการพูดของเขา ลักษณะการเดินการแต่งตัวเป็นยังไงบ้าง เราก็ต้องไปศึกษาข้อมูลอยู่เป็นเดือนเหมือนกันค่ะ ก็ค่อยๆ ทดลองไปเรื่อยๆ อาจจะเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง ต้องลองไปดูในภาพยนตร์ดูค่ะ”
ปิดท้ายที่ ไวน์โอห์ม ซึ่งเป็นนักแสดงหน้าใหม่คนเดียวที่เคยผ่านการแสดงภาพยนตร์มาก่อน ในเรื่อง “รด. เขาชนผี ที่เขาชนไก่” โดยครั้งนี้มาพร้อมกับบทเพศที่สามนามว่า บาร์บี้ “สวัสดีครับ ไวน์ครับ บอกก่อนว่าในเรื่องนะครับ ก็เป็น บาร์บี้ ครับ ในเรื่องก็จะเป็นคนที่คอยให้คำปรึกษานางเอกครับ แล้วก็แอบชอบบอยด้วยครับ” ไวน์โอห์ม
เผยว่าในภาพยนตร์เรื่องนี้ตนเองจะต้องเพิ่มระดับความเป็นผู้หญิงให้มากขึ้น “สำหรับเรื่องนี้จะต้องเพิ่มเลเวลของความเป็นผู้หญิงมากขึ้นครับ ก็คือจากผลงานที่ผ่านมาก็จะเป็นตุ๊ดหัวโปก อันนั้นก็จะไม่ค่อยมีแต่งหน้าอะไรมากครับ แต่พอมาเรื่องนี้คือมีขนตาปัดแก้มครับ สวยงามตามท้องเรื่องครับ” ผู้กำกับรับประกันว่าภาพยนตร์เหมาะสมกับคนทุกวัย
“ก็อยากจะให้ช่วยสนับสนุนผู้กำกับใหม่นะครับ แล้วก็หนังของวัยรุ่น ซึ่งผมคิดว่าเป็นหนังที่ดูได้ทุกวัยนะครับ ไม่ว่าวัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุนะครับ ดูยิ้มไป หัวเราะไป ร้องไป มีทุกรสนะครับในภาพยนตร์เรื่องนี้”