รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam

“พริกแกง” เล่าเรื่องราวของสองครอบครัวที่รักษ์อาหารไทย ฝ่ายแรกคือครอบครัวของ ‘คุณแทนทอง’ (อาหนิง นิรุตต์) เชฟอาหารไทยมือหนึ่งเจ้าของภัตตาคารอาหารไทยหลายสาขา รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam ผู้มุ่งมั่นในการอนุรักษ์อาหารไทยแท้และดั้งเดิม โดยมีภรรยา ‘คุณธรรญา’ (ต่าย เพ็ญพักตร์) และลูกสาว ‘ฝน’ (ฝน นลินทิพย์) อยู่เคียงข้าง

 

นอกจากนี้ยังมี ‘สมบัติ’ (สตาร์บั๊ก พงศ์พิชญ์) ผู้จัดการของร้านอาหารคอยช่วยเหลืองาน และเทรนด์เชฟหน้าใหม่ขึ้นมาสานต่อไม่ให้อาหารไทยสูญหายไปกับกาลเวลา อีกฝ่ายคือครอบครวของ ‘อาจารย์พิมพ์’ (แม่ป๋อง พิมพ์แข) อาจารย์สอนทำอาหารไทย ผู้รักอาหารไทยไม่ต่างจากคุณแทนทอง และมีลูกชาย คือ ‘ตุลา’ (โจ๊ก อัครินทร์) หนุ่มติสต์ผู้ชอบทำอาหารเช่นกัน แต่ทำอาชีพเป็นอินทีเรียออกแบบตกแต่งภายใน และบังเอิญได้รับงานออกแบบร้านครัวแทนทองสาขาใหม่ ทำให้ทั้งสองครอบครัวได้มาพบกัน
ไม่บ่อยนักที่หนังไทยจะมีเรื่องราวของอาหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ช่วงแรกที่ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับ ‘พริกแกง’ เมื่อปลายปีก่อน ค่อนข้างสนใจพอสมควร ทั้งนักแสดงนำฝีมือดี หน้าตาของอาหารน่ารับประทาน และเรื่องราวที่ดูแตกต่างจากหนังไทยยุคนี้ แต่คิดว่าคงเป็นหนังฟอร์มเล็กฉายจำกัดโรง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เข้าฉายวงกว้างเมื่อถึงวันฉายจริง คงเป็นอานิสงค์ของตัวอย่างหนัง ที่หลังจากปล่อยออกมาแล้วฮือฮาพอสมควร และความคิดเห็นแตกออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ถึงขนาดเลื่อนฉายเร็วขึ้น 1 อาทิตย์ ชนกับหนังที่เข้าฉายต้อนรับวันแม่อีกเพียบ
แต่อนิจจัง กระแสของหนังหลังเข้าฉายไม่เปรี้ยงเท่าที่ควร ซึ่งเราก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมถึงไม่ได้รับกระแสปากต่อปากแบบ ‘โหมโรง’ หนังไทยที่มีแนวคิดใกล้เคียงกันหลังจากได้ชมเองนี่แหละ… ก่อนอื่นต้องยอมรับตามตรงว่า ‘ผิดหวังมาก’ เพราะนอกจากความสวยของภาพ และความน่ากินของอาหารแล้ว อย่างอื่นดูผิดที่ผิดทางไปหมด บทหนังแบนราบไร้มิติ ส่งให้การดำเนินเรื่องแบบราบเรียบ ไร้จุดพีค และจุดไคลแมกซ์ ไม่น่าติดตาม และน่าเบื่อมาก การแสดงของแต่ละคนแค่พอผ่าน
รีวิวหนังไทย แย่ที่สุดคือบทบาทของสตาร์บั๊กที่มีลักษณะนิสัยฮา ๆ ซึ่งน่าจะเอามาให้ขำขันกันนั้น กลายเป็นสิ่งน่ารำคาญมากกว่า อีกทั้งคำพูดสวยหรูที่ยัดใส่ปากนักแสดงไม่ได้กระตุ้นให้มีอารมณ์ร่วมหรือรู้สึกฮึกเหิมตามแม้แต่น้อย กลับกลายเป็นรู้สึกอึดอัด ตะขิดตะขวงอยู่ในใจ และความคิดอยู่คนละฝั่งกับนักแสดงหลักตั้งแต่ฉากแรก
รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam
เราผิดไหมที่ยืนกรานขออยู่ข้างเดียวกับพี่เชฟแว่น ผู้ซึ่งเติมแต่งรสชาติอาหารไทยให้มีความแปลกใหม่ มากกว่ายืนอยู่ข้างคุณแทนทอง ซึ่งด่าปาว ๆ ว่านี่มันผิด “อาหารไทยไม่ควรมีการปรับเปลี่ยนเหมือนการเมืองไทย หรือการผสมพันธุ์เหมือนสัตว์” …ซึ่งฟังแล้วขนลุกมาก และเชฟก็ถูกไล่ออกไปเพราะถือว่าทำผิดวินัย แต่ก็พยายามเผื่อใจไว้บ้างว่าช่วงท้ายอาจจะมีบทสรุปที่น่าพอใจ คุณแทนทองอาจจะเปลี่ยนไปในตอนหลัง ซึ่ง…ไม่มี!!! ยังไงก็ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง!!!
สำหรับทางฝั่งของครอบครัวอาจารย์พิมพ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก เราอยู่เคียงข้างสนับพิมพ์ นักศึกษาเทคโนโลยีอาหารที่เก่ง แต่…ย้อมผม ซึ่งผิดวินัยในฐานะผู้ปรุงอาหารและในสายตาอาจารย์ นี่เป็นการมองโลกของคนหัวโบราณที่ยึดติดกับลักษณะภายนอกมาก โดยประสบการณ์ส่วนตัว นักศึกษาเป็นวัยที่โตพอจะตัดสินใจอะไรเองได้ การย้อมผม/สัก/เจาะไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าคนเหล่านี้ทำผิดสักหน่อย และยิ่งไม่มีผลอะไรเลยหากคนคนนั้นยังใฝ่หาความรู้ และตั้งใจเรียน เราเข้าใจสนับพิมพ์ที่ไม่ยอมย้อมผมกลับเป็นสีเดิม และทำท่าทีคัดค้านอยู่ในใจ แต่สุดท้ายเราก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเมื่อเธอย้อมผมกลับมาเป็นสีดำ เพราะอาจารย์ลาออก (ฮ่าๆๆ) อย่างไรก็ตาม ในพาร์ทนี้เราชอบการแนะนำเรื่องการจัดสำรับอาหารว่าสิ่งนี้ควรทานกับสิ่งไหนถึงจะเหมาะ ซึ่งส่วนตัวถือเป็นความรู้ แต่ไม่ถึงกับว่าต้องใช้เป็นข้อห้ามในชีวิตจริงหรอก
สุดท้ายนี้ ถ้าเราเป็นเชฟ ‘ครัวแทนทอง’ คือที่สุดท้ายที่เราจะเข้าไปมีส่วนร่วม เพราะเป็นองค์กรที่ยึดติด ล้าหลัง ไม่ยอมรับสิ่งใหม่ ซึ่งหากย้อนกลับไปแล้วในอาหารที่ขึ้นชื่อว่า ‘อาหารไทย’ เหล่านี้มีรากเหง้ามาจากไทยแท้ ๆ ซักกี่ชนิดกัน เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนได้รับการดัดแปลงแต่งเติมมาแล้วทั้งนั้น ความจริงการอนุรักษ์นั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย เพราะอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ตายแล้ว และรอวันสูญหายอย่างแท้จริง
พริกแกง | Senses from Siam (ประเสริฐสุข เหมทานนท์, สิทธิชัย ไผ่งาม, เมธี ปัญญาวิชา
มีคนวานไว้ว่าถ้าไปดู พริกแกง ดูหนัง ให้นับคำว่าอาหารไทยในหนังมาหน่อย ก็เอาคร่าวๆ ไปก่อนว่านั่งติ๊กนับคำว่าอาหารไทย/ขนมไทย/คนไทย/ไทยๆๆ ทั้งไดอะล็อกและเท็กซ์ได้รวมๆ แล้วอยู่ราว ๕๐ ครั้ง ได้.. บวกลบไม่น่าจะเกิน ๕
รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam
ส่วนตัวก็ไม่ได้เลี่ยนเอียนอะไรกับคำพวกนี้ เพราะตามบริบทและตัวละครก็เข้าใจได้ว่าทำไมถึงคิดแบบนี้พูดแบบนี้ พูดกับใครและเพื่ออะไร นอกจากเวลาที่ตัวละครตัวไหนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของราวๆ ว่า ‘อาหารไทยของฉันต้องดีเป๊ะ’ ‘ถ้าพูดถึงอาหารไทยแล้วเราคือหนึ่งเดียว’ ก็คิดว่าหนังไม่ได้ตั้งใจจะดูแคลนใครหรอก คงแค่จะบอกว่ากูคือเดอะเบสต์คือคนทำอาหารไทยที่มีคุณภาพที่สุดแค่นั้นแหละ
แต่มันมีน้ำเสียงและท่าทีที่หากพ่อค้าแม่ค้าขายข้าวข้างทางได้ยินพวกมึงต้องสำเหนียกพิจารณาว่าส้มตำรถเข็นที่กูตำตามใจปากลูกค้า หรือผัดไทถนนข้าวสารที่กูปล่อยให้ฝรั่งกินกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบมันยังเป็นอาหารไทยแท้หรือเปล่านะ กูจะสบายใจบอกกับนักท่องเที่ยวที่มากินสตรีทฟู้ดได้อย่างสบายใจได้อีกต่อไปหรือไม่ว่าอาหารข้างทางที่พวกเขากินคืออาหารไทย พอโดนตรงนี้เนี่ยแหละ..
ดูหนังออนไลน์ 4k สีหน้าแบบเหม็นอ้วกถึงจะผุดขึ้นมาแสดงความรู้สึกแบบอัตโนมัติ แล้วอ้วกออกมาเป็นกลิ่นลูกมะมาดผิวแห้งกลมขรุขระสีน้ำตาลด้วยนะ ควรต้องกลิ่นแรงๆ ด้วย น้อยไปมันไม่ดีพอ
องค์ประกอบหนังรวมๆ มีความน่าสนใจให้อยากรู้อยากเห็นอยู่บ้างอย่างประวัติศาสตร์อาหารผ่านกาพย์กลอนกษัตริย์ราชวงศ์ ศิลาจารึก หรือการมีอยู่ของอาหารไทย(ทั้งชื่อไทยและไม่ไทย)หลากหลายตั้งแต่พื้นๆ ที่หากินได้ตามตลาดนัด อย่างเช่น ข้าวต้ม ไข่ด่าว ไข่เจียว ผัดไท ผัดซีอิ๊ว ผัดเปรี้ยวหวาน ทองหยิบ ทองม้วน ลูกชุบ ปอเปี๊ยะ

รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam

 ไปจนถึงอาหารและขนมโบราณหรือไม่คุ้นหูคุ้นตาอย่าง น้ำพริกลูกมะมาด ขนมมัศกอด(ที่เหมือนๆ คัพเค้ก) เกสรลำเจียก(ที่มองไกลๆ คล้ายๆ โรตีสายไหม) ประเพณี ๔ ถ้วย ที่มี ไข่กบ(เม็ดแมงลัก) นกปล่อย(ลอดช่อง) บัวลอย(ข้าวตอก) อ้ายตื้อ(ข้าวเหนียว) น้ำกะทิ ฯลฯ ดูแล้วก็เก็บไว้เป็นความรู้ทั่วไปจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาหาอ่านเอาตามเน็ต เออว่ะ..มันก็หาอ่านตามเน็ตได้นี่เนอะ..ดีกว่าหน่อยคือมันดูน่ากินและน่าจดจำง่ายกว่ารูปในเน็ต ดูหนังออนไลน์
หนังค่อนไปทางน่าเบื่อ บาลานซ์ตัวละครได้ประหลาดต่อการรับรู้มาก มีความพยายามทั้งดราม่าทั้งรอมคอมแต่ไม่ประสบความสำเร็จสักทาง แล้วก็ไม่มีอะไรให้ชมว่าดีนอกจากฟู้ดช็อตน่ากินๆ ที่ทำให้ดูไปได้เรื่อยๆ ได้อยู่ แต่ดูให้บันเทิงมันก็บันเทิงได้บ้างอยู่นะ ก็บันเทิงแบบนั้นแหละ แบบลักลั่นๆ ย้อนแย้งกันไปมามันตลกดี คือจะเอ็นจอยทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าเชฟ ซีอิ๊ว ก๋วยเตี๋ยว หรือซอส สลับกับคำว่าไทยๆๆ รวมถึงชื่อตัวละครความหมายแฝง อย่าง สมบัติ(สตาร์บัค-พงศ์พิชญ์ ผู้สืบทอดอาหารไทย)
 และตัวสมทบต่างๆ โดยเฉพาะตัวประกอบนักเรียนทำอาหารวัยรุ่นทั้งหลายที่ได้ยินแล้วจั๊กจี้ดี อย่างเช่นชื่อว่า กุมาร ธนูทอง? โสภา สมหญิง และสดับพิณ ที่พยายามจะไทยไปไหน แต่ไทยไม่แท้สักชื่อ มีแต่ชื่อ แทนทอง(หนิง-นิรุตติ์ ศิริจรรยา) นี่มั้งไทยแท้..ป่ะนะ? อืมก็คงเป็นความตั้งใจแต่พอเยอะๆ เห็นชัดๆ แล้วมันคลิเชๆ แต่ก็พูดได้ว่ามันกลายเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งไปที่ต้องคอยรอฟังชื่อตัวละครใหม่ๆ พอๆ กับรอดูอาหารเลยนะว่าจะมีชื่อไหนอาหารอะไรโผล่มาบ้าง ซึ่งก็แปลกหูแปลกตาพอๆ กัน ซึ่งน่าติดตามมากกว่าเรื่องราวและเนื้อหนังเองเสียอีก
สดับพิณนี่พีคสุด ใครไปดูก็ต้องพูดถึง นักเรียนทำอาหารคนเก่งที่ครู(พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) ปลื้มในความรู้ความสามารถ แต่ไม่ปลื้มที่สดับพิณทำผมสีทองเทาๆ ซึ่งถูกมองว่าไม่อยู่ในกฎในเกณฑ์ ก็เลยสั่งให้ไปย้อมผมดำมา แถมในชั่วโมงเรียนสุดท้ายสดับพิณยังทำแกงส้มกับผัดเปรี้ยวหวานมาไม่ตรงตามหลักการกินในรสชาติที่ถูกต้องของครูอีก ครูก็บอกว่าอาหารสองอย่างนี้มันมีสามรสเหมือนกัน จับคู่กันแล้วไม่โอเค ถ้าเธอชอบกินแกงส้มเธอก็ควรจะกินคู่กับหมูหวานหรือไข่เจียวสิ เธอเป็นคนเก่งนะ แต่ครูก็อยากให้เธอเคารพในสิทธิของคนอื่นด้วย เอ๊าาาาาาา..สอนเรื่องเคารพสิทธิู้คนอื่นแต่สั่งคนอื่นย้อมผม หัวเขาผมเขาป่ะ เกี่ยวอะไรกับการทำอาหารก็บอกบ้าง ซึ่งลึกๆ เราก็หวังและเชื่อว่าตัวละครหรือคนทำทรีตว่ามันเกี่ยวซึ่งอาจจะสมเหตุสมผลบ้างอย่างเช่นเรื่องการอ่อนตามเพื่อเรียนรู้แต่พอไม่บอกนี่มันบางและแบนไปหมด
รีวิวหนัง พริกแกง Senses from Siam
แล้วจะกินอะไรกับอะไรก็ยุ่งยากจังอ่ะ จริงๆ พอจะเข้าใจเป้าในการติเรื่องจับคู่อาหารของตัวละครหรือคนทำนะ แต่ดันไม่ขยายเพิ่มว่าเพื่ออะไรเพราะอะไร รสชาติที่หลากหลายขึ้นมันดีต่อการขายการดึงดูดผู้บริโภคอะไรก็ว่าไปสิ แต่นี่พอใช้คำว่า  ‘ถ้าเธออยากกิน’ ไม่ใช่ ‘ถ้าเธออยากให้คนอื่นกินหรือให้คนอื่นชอบอาหารที่เธอทำ’ มันก็เลยเหมือนการไปบังคับสิทธิส่วนตัวกันมากกว่า ซึ่งผิดเมสเสจที่อยากสื่อ ซึ่งความลักลั่นอีหร็อบเดียวกันนี้มันกระจายอยู่ในหนังเรื่องนี้ทั้งเรื่อง
สุดท้ายไม่ผิดคาดสดับพิณก็ต้องย้อมผมดำนั่นแหละ เพราะหนังเล่นท่าไม้ตายครูลาออก ด้วยความที่อยากแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์ที่ดีมีความกตัญญูในสายตาครู สดับพิณก็ต้องยอมย้อมผมดำทำซึ้ง และในฉากนั้นหลังจากสดับพิณกราบไหว้ครูเสร็จครูก็สำผัสปอยผมเบาๆ อย่างภาคภูมิใจ และถามอย่างแผ่วเบาว่า สดับพิณเธอย้อมผมร้านไหน? อ้าว..ร้านเดียวกันกับครูเลย (มองไปที่หัวครูที่ย้อมผมปิดผมหงอกดำมันขวับมาเหมือนกัน) ผมดำงามอย่างไทย ครูภูมิใจในตัวเธอจริงๆ ฟินนนนน!!!
ดูหนัง 4k ถ้าใครอยากลองดูก็ให้ถือเสียว่าการเบ้ปากมองบนดึงขมับเป็นกิจกรรมบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าจะได้รู้สึกว่าได้ประโยชน์กับเวลาที่เสียไปอยู่บ้าง  แต่เอาจริงๆ แค่ได้นั่งดูฟู้ดช็อตได้เห็นอาหารไทยแปลกตาหายากบนจอหนังมันก็รู้สึกดีในอีกมุมอยู่นะ แต่นั่นก็ต้องต้านทานมวลเนื้อหนังพังเพทั้งหลายให้ได้