รีวิวหนัง เทริด

หนัง Serd หรือชื่อไทยว่า เทริด เทริด ภาพยนตร์แห่งศักดิ์ศรีและทัศนคติแห่งศิลปะของแผ่นดินใต้ ว่าด้วยเรื่องราวกว่าจะเป็นโนราห์ ศิลปะการแสดงอันเลื่องชื่อของดินแดนด้ามขวานทองในยุคสมัยใหม่ รีวิวหนัง เทริด การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น การเปลี่ยนผ่านและมุมมองของคนรุ่นใหม่ ถ่ายทอดผ่านการกำกับการแสดงของเอกชัย ศรีวิชัย

รีวิวหนัง เทริด
รีวิวหนังไทย ทุกปีจะมีหนังไทยประเภทที่ทำขึ้นเพื่อโปรโมตศิลปวัฒนธรรม การท่องเที่ยว ท้องถิ่น จังหวัด องค์กร หรือบุคคล ออกมาไม่น้อยนะเมื่อเทียบกับจำนวนหนังไทยในแต่ละปีที่มีอยู่ประมาณครึ่งร้อยเรื่อง อย่างปีนี้ยังไม่ถึงครึ้งปีก็มีแล้วทั้ง เทยทอมเกย์ เฮป่วนเมือง (เอกอนันต์ ดวงดาว) เป็นหนังไทยเปิดปีเรื่องแรก เกี่ยวกับภารกิจปล้นเพชรปล้นพลอยของแก๊งโจรกะเทยที่แวดล้อมด้วยฉากหลังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดหนองคาย มนต์รักขุมคำ (สุรสีห์ ผาธรรม)
หนังรักตลกใสซื่อแบบอีสาน โปรโมต ภูฆ้องคำ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ของอุบลราชธานี วานรคู่ฟัด (นนทกร ทวีสุข) ซึ่งเอาเข้าจริงหมุดหมายปลายทางของคนทำก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะต้องการโปรโมตวัฒนธรรมอะไรหรอก เพียงแต่ประเด็นอนุรักษ์มันมีให้เห็นชัดไม่แพ้หนังกลุ่มนี้ เป็นหนังแอคชั่นดูเพลินที่ตั้งใจหยิบเอามวยไทยโบราณมาเล่าผ่านตัวละครพระเอกนางเอกที่สวมหัวเป็นหนุมานและเฮ่งเจียผสมผสานสองวัฒนธรรมการต่อสู้ของไทยและจีนเอาไว้ได้สนุกน่าดูชม ฮักในกระติ๊บข้าว (เข็มทอง โมราษฎร์) หนังกึ่งสารคดีที่หยิบเอากระติบข้าวเหนียวมาเล่าอย่างน่ารักน่าสนใจ อ้อมกอดเขมราฐ (ฤทธ ปกกฤตยหริบุญ) หนังรักของคน 3 คู่
 โปรโมทการท่องเที่ยวของเขมราฐ อุบลราชธานี ที่สอดแทรกมุมลบของโรงพยาบาลและอาชีพหมออย่างขึงขัง เชื่อมโยงชนบทไทย-ลาวริม 2 ฝั่งโขงผ่านความรักความเมตตาของตัวละคร และ เทริด (เอกชัย ศรีวิชัย) เรื่องราวการสืบทอดการรำโนราห์จากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงความลึกลับศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าผ่านความสัมพันธ์พ่อลูก และความรักระหว่างหนุ่มสาวโนราห์ ซึ่งต้องบอกว่านอกจาก วานรคู่ฟัด ที่โดดเด่นด้วยแพสชั่นของคนทำที่ตั้งใจพิถีพิถันกับการออกแบบและกำกับฉากแอคชั่นให้ไหลลื่นดูเพลินแล้ว
เทริด ก็เป็นหนังในกลุ่มนี้ที่คนทำรังสรรค์จากแพสชั่นได้โดดเด่นไม่แพ้กันอีกทั้งยังหลงเหลือความงดงามให้น่าค้นหามากที่สุดภายใต้ความหลงใหลในโนราห์อันเต็มเปี่ยมทำให้ เอกชัย ศรีวิชัย ทำหน้าที่ผู้กำกับได้อย่างน่าดูชม หน้าที่อีกอย่างหนึ่งนอกจากบทบาทเป็นผู้กำกับแล้วเขายังต้องแบกรับตัวละครสำคัญของเรื่องซึ่งเขาก็รับใช้บทบาทครูโนราห์ผู้ฝืนชะตาการดำรงอยู่ของโนราห์จนนำมาสู่โศกนาฏกรรมสุดสลดได้อย่างดีงาม ส่งต่อความรู้สึกศรัทธาไปถึงนักแสดงอีกหลายคนได้อย่างแรงกล้า
รีวิวหนัง เทริด
ดูหนังออนไลน์ 4k โดยเฉพาะกับพระเอก ไพศาล ขุนหนู ที่ร่ายรำได้สง่างามมาก
ถึง เอกชัย ศรีวิชัย จะไม่ได้เป็นผู้กำกับหนังมือฉมัง และภาพจำของเขาคือนักร้องที่ร้องรำทำกินงานแสดงเป็นกับแกล้ม แต่ความเป็นไปได้ในการเล่าเรื่องราวของศิลปะแขนงหนึ่งอย่างโนราห์ที่ถูกถ่ายทอดบรรจุไว้ในท่วงท่าของศิลปะอีกแขนงอย่างภาพยนตร์ไม่ใช่เรื่องเกินความตั้งใจจริงของผู้กำกับที่จะสามารถรังสรรค์ออกมาให้กรุ่นกลิ่นความจริงใจมหาศาลซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองหาจากหนังจำพวกเชิดชูศิลปวัฒนธรรมหรือเทิดทูนบุคคลองค์กรต่างๆ
 เป็นกาวประกอบที่ทำให้คนดูไม่รู้สึกถูกยัดเยียดความดีงามที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้น จนบางทีการยกยอแบบโต้งๆ จนเกินลิมิตที่คนดูกลุ่มเป้าหมายในส่วนที่เป็นคนนอกซึ่งคนทำหนังหวังว่าหนังจะเชื้อเชิญให้รู้สึกปลื้มปิติยินดีไปกับเรื่องราวความดีงามนั้นๆ จะรับมือได้
รีวิวหนัง เทริด
ซึ่ง เทริด ก็เป็นหนังที่แสดงให้เห็นทั้งแง่ความงามของศิลปะจรรโลงโลก และในแง่ของโศกนาฏกรรมดิ่งดำมืดซึ่งนำบทเรียนมาให้คนดูได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับตัวละคร ถึงมันจะเกิดความรู้สึกย้อนแย้งอยู่มากก็ตามกับความต้องการที่อยากจะเผยแผ่โนราห์ตามที่ตัวละครหวัง แต่หนังกลับปิดท้ายหนังด้วยเท็กซ์ที่สื่อว่าการลบหลู่โนราห์นั้นน่ากลัวชนิดที่ทำให้เกิดอาถรรพ์เภทภัยได้ มันคงทำให้คนดูยิ่งขยาดที่จะเข้าไปเรียนรู้เข้าไปแตะต้องสัมผัสโนราห์ใกล้ๆ
และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คนทำต้องการจะสื่อผ่านหนังมันคืออันเดียวกันกับมุมมองความคิดที่เราได้จากหนังหรือไม่ แต่ทำนองตอนท้ายที่คล้ายจะบอกเป็นนัยว่า หากไม่ไหวก็อย่าฝืนเลยที่จะรักษาโนราห์เอาไว้ ปล่อยให้มันเป็นไปตามการคัดสรรของยุคสมัยเสียเถอะ นั้นก็ถือว่าเป็นความกล้าหาญของคนทำที่ซื่อสัตย์ต่อความเป็นไปในโลกแห่งความเป็นจริงอย่างน่าชื่นชม
ดูหนัง 4k แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วหนังไม่ได้ดีเด่นในแง่ฝีไม้ลายมือที่ทำให้หนังทั้งเรื่องสมบูรณ์แบบ
บทพล็อตเชยๆ ชวนเบื่อและประเด็นสำคัญที่ยังขัดแข้งขัดขากันเองอยู่หลายจุดยังคงเด่นชัดซึ่งก็เป็นจุดที่ทำให้ความรู้สึกแรกหลังเดินออกจากโรงไม่ค่อยชอบหนัง แต่อีกวันสองวันต่อมายิ่งเมื่อได้นั่งมองลึกลงไปในรายละเอียดยิบย่อยแล้วคุณงามความดีของหนังกลับตบตีกันกับส่วนที่ไม่ชอบของหนังได้อย่างน่าสนใจ จนมันแตกแขนงขบคิดต่อไปได้ในหัวของเราเอง ความเชยกลายเป็นจุดเบาบางที่ทำให้จิตวิญญาณของคนทำที่มีต่อโนราห์ยิ่งเด่นชัดสว่างสวยงามมากขึ้น และดูเหมือนว่าขณะที่นั่งเขียนอยู่นี้ เทริดก็ได้หยั่งรากเกาะกุมพื้นที่สมองไปเรียบร้อยแล้ว เริ่มยากที่จะสลัดเทริดออกจากหัวจริงๆ แล้วสิ
ดูหนัง  “ชีวิตดับ…อย่าให้เทริดหัก” เป็นข้อความที่หลายคนคงจะได้ยินหรือได้เห็นมาแล้วบ้างในโปสเตอร์หรือตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง เทริด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ เอกชัย ศรีวิชัย ซึ่งได้ร่วมมือกับ ภาคภูมิ วงษ์จินดา ผู้กำกับภาพยนตร์แนวหน้าของเมืองไทยที่ได้มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ภาพยนตร์เรื่องนี้
เทริด เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่สะท้อนเห็นถึงความสำคัญของครอบครัวที่นำไปสู่การสืบทอดวัฒนธรรมประเพณีของบรรพบุรุษ โดยที่มาของชื่อภาพยนตร์มาจากคำว่า เทริด คือ เป็นของที่กษัตริย์ถอดจากพระเศียรมาสวมให้เทพสิงหร (พ่อขุนศรัทธา) ผู้ให้กำเนิดการรำมโนราห์เมื่อครั้งอดีต จึงเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มโนราห์ทุกคนต้องเคารพบูชา และเชื่อว่าหากใครลบหลู่ดูหมิ่นจะต้องเกิดความวิบัติจนถึงชีวิต
ภาพยนตร์เรื่อง เทริด จะกล่าวถึง ศรัทธา (เอกชัย ศรีวิชัย) มโนราห์ใหญ่เจ้าของคณะโนราห์เทพศรัทธาแห่งเมืองพัทลุง ต้องการให้ สิงห์ (ไพศาล ขุนหนู) ลูกชายคนเดียวเป็นผู้สืบทอดโนราห์โรงครูต่อไป แต่สิงห์เป็นวัยรุ่นที่ชื่นชอบการร้องเพลง เล่นกีตาร์
ชอบความทันสมัยและความนิยมในสังคม จึงทำให้พ่อลูกเกิดความขัดแย้งกัน โดยสิงห์ได้หนีออกจากบ้านแล้วไปทำตามความฝันของตนเอง จนได้พบกับสายทิพย์ (อัญชลิกา ณ พัทลุง) ที่เป็นนางมโนราห์ ทั้งสองได้เกิดความรักซึ่งกันและกัน ฝ่ายของศรัทธาก็ให้คนมาตามสิงห์กลับไปเนื่องจากศรัทธาตาเริ่มบอด สิงห์จึงสำนึกได้และได้เข้าพิธีผูกผ้าตัดจุกครอบเทริดเป็นโนราห์ใหญ่ แต่ด้วยสิงห์ทำผิดต่อบรรพบุรุษของมโนราห์จึงทำให้สิงห์เสียชีวิตจากการโดนยิงในที่สุด
การนำเสนอมุมมองของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเสนอในมุมมองของตัวละครเอง โดยจะเล่าผ่านตัวละครก็คือครูศรัทธาที่จะเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้แก่นักเรียนฟัง และถ่ายทอดผ่านสายตาที่กำลังรู้สึกนึกคิดถึงสิ่งที่เป็นอดีต นั่นก็คือ เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ทั้งหมด เมื่อถึงตอนจบก็ย้อนกลับมาในปัจจุบัน และได้นำเสนอในด้านความขัดแย้งต่าง ๆ โดยความขัดแย้งเหล่านั้นก็ยังแฝงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม ประเพณีของคนภาคใต้ไว้อย่างลึกซึ้ง
และเป็นการหยิบยกความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนเก่ากับกลุ่มคนใหม่ ในด้านการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีทำให้ผู้ชมเกิดความคิด ความเข้าใจทั้งสองฝ่าย จนท้ายที่สุดความขัดแย้งนั้นก็ได้คลี่คลายลง ถึงแม้จะจบด้วยความโศกเศร้าที่สร้างความตื้นตันใจให้แก่ผู้ชม แต่ภาพยนตร์เรื่อง เทริด ทำให้เห็นว่าถึงแม้เราจะพยายามหลีกหนีตัวตนของเราให้ไกลเพียงใด เราก็ไม่สามารถที่จะหนีพ้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นรากเหง้าของเราทั้งสิ้น สุดท้ายเราก็ต้องกลับมาสู่สิ่งที่เป็นตัวตนของเราเช่นเดิม

รีวิวหนัง เทริด

ดูหนังออนไลน์  เทริด – ดูจบแล้วประทับติดตราใจ น่าเสียดายที่เข้าโรงในไทยน้อยโรงจัง
1) เทริด (เซิด ออกเสียง ซ โซ่) ไม่ใช่หนังสารคดีวัฒนธรรม แต่เป็นส่วนผสมของหนัง “ตลกวัยรุ่น” + ดราม่าเค้นน้ำตา + โชว์วัฒนธรรม ได้อย่างกลมกล่อมพอใช้ แนะนำให้ดู คุ้มค่าคุ้มเวลาครับ
2) คือหนังมีหลายจุดที่ตามใจฉันเอาเรื่องเลย แต่ดูหนังจบแล้วรู้สึก “จดจำ” แบบไม่เค้นเจตนาหักมุมให้เหวอจนสาบส่งกับตอนจบ แต่จดจำเพราะหลายๆฉากมันประทับตราตรึงใจจริงๆ
3) ชอบความตลกของหนัง ที่แม้จะแอบขายมุขเล็กๆ แต่ก็คงสัก 10% เท่านั้น แต่ความตลกส่วนใหญ่ คือตลกในธรรมชาติของมนุษย์ ตลกจากความบ้านๆ ไม่ปรุงแต่งเสแสร้งอะไรมาก (อ้อ บางมุขเห็นเรียกเสียงฮาจากชาวปักษ์ใต้ซะลั่นโรง แต่ผมก็ได้แต่งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ๋ก็เข้าใจ ฮาตามได้ทั้งเรื่อง)
4) จริงๆยังคิดเลย…ถ้าตัดต่อตัวอย่างหนังเป็นหนังตลกไปซะเลย ก็ยังได้นะ (หรือจะทำตัวอย่างหนังเป็นหนังวัยรักรุ่นนักดนตรีเลย ก็ยังใช่)
แต่ต้องนับถือใจของเจ้าของหนัง ที่ยอมเลือกที่จะเชิดชูความเป็นหนังส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นแกนหลักในการโปรโมท แม้จะทำให้เจ้าของโรงหนังเบือนหน้าหนี พร้อมทั้งดูถูกว่าใครเหรอ จะมาดูหนังแบบนี้ คงมีแต่ชาวปักษ์ใต้แดนสะตอเท่านั้นล่ะมั้งที่จะดู ก็เป็นหน้าที่ของกระแสโซเชี่ยลล่ะมั้ง ที่จะปากต่อปาก จนเกิดปรากฎการณ์กลายเป็นหนังขายดี ให้ผิดคาดกับเจ้าของโรงเขาเสียหน่อยล่ะมั้ง
5) เอกชัย ศรีวิชัย คือที่สุดของการแสดงจริงๆ ประทับใจมากๆตั้งแต่ฉากแรกจนถึงฉากสุดท้าย สายตาสื่อถึงอารมณ์สุดๆ (และพี่ท่านยอมทิ้งโบท็อกซ์สิ่งเติมแต่งศัลยกรรมเสริมความสวยที่เราเห็นจนชักจะชินเวลาพี่ท่านปรากฎในรายการวาไรตี้ คือเรื่องนี้ยอมหน้าดำกรำแดดมารับบทบาทได้อย่างสมจริง)
6) พระเอก แม้ฉากแรกที่ปรากฎ อาจจะเห็นน้องเขาทำแค่หน้างงๆ จนแอบสงสัยว่าจะพยุงหนังรอดไหม แต่พอฉากต่อๆไป พัฒนาการของน้องเขาโดดเด่นมากเลยนะครับ โดยเฉพาะฉากนักร้องเพลงซุปตาร์ คือใช่แววตาศิลปินใหญ่เลยแหละ (แซวเล่น แต่ก็เหมาะกับการเป็นศิลปินมากๆเลย) แต่ที่โดดเด่นจนลบภาพอื่นๆทั้งหมดในหนัง คือฉากรำมโนราห์ ประทับใจมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะเรือนร่างที่ลงตัว แต่เป็นท่วงท่าที่สมบูรณ์ตราตรึงใจมากๆ (แม้หนังจะเจตนาเน้นฉากนี้จนเวอร์ แต่เป็นความเวอร์ที่อลังการสมศักดิ์ศรีและลงตัวกว่าที่คิดมาก)
ส่วนนางเอก แสดงดีมากเลยนะครับ แม้ฉากโชว์มโนราห์จะน้อยไปหน่อย (และส่วนตัวรู้สึกว่าน้องเขาจะสวยในชุดไปรเวทมากกว่า โดยเฉพาะเวลารำที่น้องเขายิ้มยิงฟัน ที่ฟันขาวโดดเด้งออกมาเกินท่วงท่ามโนราห์นิดนึง) แต่ในด้านการแสดงก็สื่ออารมณ์ออกมาอย่างไม่บกพร่องเลย
7) จริงๆเนื่องจากหนังค่อนข้างวาไรตี้ผิดคาด จากที่คาดว่าจะได้เห็นรำมโนราห์สวยๆ แต่กลับเจอทั้งฉากตลก รันทด น้ำเน่า วัยรุ่น ชิงรักหักสวาท ไสยศาสตร์ แถมแอ็คชั่นอีกต่างหาก จนแรกๆกลัวว่าหนังจะหลงทางไปไหน แต่ทั้งหมดก็กลับกลายเป็นความประทับใจผิดคาดแฮะ ฉากจำที่ติดตาจึงเยอะมากเลยสำหรับหนังเรื่องนี้
แต่ที่น่าเสียดายจริงๆ คือฉากวัฒนธรรมค่อนข้างจะกระชับไปนิดนึง (ก็ใส่พิธีกรรมมาได้หลากหลายดีนะครับ อย่างรำชาละวัน ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละครับ) แต่บางครั้งใส่มาแบบไม่รู้ว่าทำไมต้องรำ ในโอกาสอะไร อย่างฉากนาบเท้ากับหน้าเด็กน้อยตอนแรกก็นึกว่าเพราะมองไม่เห็น แต่พอคิดอีกที คาดว่าคงเป็นพิธีกรรมอย่างหนี่งของชาวใต้ล่ะมั้ง (แต่ก็ทำได้น่าสนใจมากเลยนะ) ฉากท้ายๆ อยากเห็นนางมโนราห์รำนานกว่านี้จัง
8) ลืมบอกไป จุดที่ต้องถือว่าอยู่ในระดับ “เพอร์เฟค” ของหนังเรื่องนี้ คือจังหวะการเล่าเรื่อง ที่ผู้สร้าง สามารถทำให้สิ่งธรรมดา ที่ใครๆก็คงเดาได้ว่าจะเดินเรื่องแบบไหนต่อ จะยิงมุขอะไรต่อ แต่ก็สามารถ “ทำให้ลุ้นได้” บอกตรงๆบางครั้งก็แอบลุ้น แอบตื่นเต้น และแอบผิดหวังว่าจะเป็นแบบนี้เลยเหรอ ก่อนที่จะเจอฉากถัดไป ที่ก็เป็นไปดั่งคาด แต่ก็ประทับใจกับหนังได้จริงๆ
9) สาระจากหนัง…เพียบเลยนะครับ เพราะหนังทำหน้าที่เหมือนเป็นกระจกสะท้อนภาพแนวคิดของสังคม ตีแผ่ออกมาแบบ…เป็นแบบนี้กันเลยเหรอ เดี๋ยวนี้
10) แม้จะหาโรงดูยากหน่อย (ยากมากในกรุงเทพ มีแค่ 4 โรงในเขตตัวเมืองได้มั้ง ยิ่งภาคอื่นๆในไทยยกเว้นภาคใต้ ยิ่งหาดูไม่ได้เลย) แต่ก็อยากให้ดูสักครั้งนะครับ ถ้าดีวีดีออกมาก็ช่วยอุดหนุนกันหน่อย ทางทีมงานจะได้มีกำลังใจสร้างงานออกมาอย่างต่อเนื่องครับ