รีวิวหนัง ขุนพันธ์

ถ้าพูดถึงหนังเรื่อง ขุนพันธ์ แล้วถามหน่อยเถอะจะมีใครย้างล่ะครับที่ไม่อยากดู เพราะหนังกระตุ้นต่อมกิเลศของตัวเราตั้งแต่ทีเซอร์ตัวแรกที่ปล่อยออกมาเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว รีวิวหนัง ขุนพันธ์ หนังได้รับการโปรโมทและได้รับการคาดหวังจากคอหนังทั่วประเทศอย่างมาก ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ให้ความหวังกับหนังเรื่องนี้เหมือนกันครับ และได้แต่หวังว่ามันจะช่วยลบความบัดซบของหนังไทยในช่วงครึ่งปีแรก(ยกเว้น อวสานโลกสวย) ไปได้

แต่เอาเข้าจริงๆผมผมต้องใช้คำว่า “ผิดหวังแรงๆ” กับหนังเรื่องนี้เลยดีกว่าครับ ไอที่เอาไปโปรโมทตามงานต่างๆมันก็ทำได้แค่สร้างความหวังแบบลมๆแร้งๆให้กับแฟนๆเท่านั้น นอกจากงาน Production กับสุดยอดการแสดงของน้อยและอนันดาที่เรียกได้ว่าดีในระดับที่สามารถคุมหนังทั้งเรื่องได้อยู่หมัดแล้ว จุดดีของหนังแทบจะเป็น 0 เลยทีเดียวครับ หนังไม่เพียงแต่จะพยามลอกสูตรสำเร็จของหนังคาวบอยสไตล์ตะวันตกแบบ The Good The Bad and The Ugly เท่านั้น หนังยังห่วยแบบเข้าขั้น หนังมันไม่มีทิศทาง ไร้จุดหมาย นอกจากนี้มันยังเต็มไปด้วยตรรกะป่วยๆ คำคมโง่ๆ ที่ดูเช๊ยยยย…..เชย ป่วยมาก เหมือน ผกก. เอาแต่คิดว่าใส่ๆมันเข้ามาเหอะ มองในมุมของคนสร้างหนังมันอาจพอรับได้ แต่ผมว่าผมรับไม่ได้มากกก คือพี่คิดคำพูดไรได้พี่ก็สัตแต่ว่าใส่ๆๆๆๆๆๆๆ เข้ามา ไม่รู้ว่านี่ใช้สมองคิดแล้วรึป่าว ทำไมมันถึงได้ดูตลก และเห่ย แถมยังเชยชนิดที่ไอ้มดแดงยังดูดีกว่าอย่างงี้ พี่คิดว่าพี่เป็นเท็นโด โซจิ หรอครับพี่ก้อง มันไม่ได้คมอะไรเล๊ยยยย ใส่มาเพื่ออัลไลๆๆๆ ตัดทิ้งมันไปบ้างก็ได้ ตอบ!!! ถถถถถ
รีวิวหนังไทย อะไรที่ร้ายๆอย่างไม่หมดเพียงเท่านี้ หนังเดินเรื่องได้เอื่อยมากกก เอื่อยแบบอยากลุกออกไปซื้อกาแฟมากินเลยทีเดียว อารมณ์โดยรวมของกนังแทนที่มันจะต้องกดอารมณ์คนดูให้ลุ้นระทึก และพีคแบบถึงที่สุด แต่กลับกลายเป็นละครเวทีที่เต็มไปด้วยอะไรที่มันฌง่ๆ และเต็มไปด้วยคำพูดเห่นๆซะได้ พอถึงจุดที่กำลังจะพีคแต่หนังกลับไม่เล่นให้มันสุด ใช้แต่วิธีเดิมๆไปตลอดทั้งเรื่อง เละเทะ และพังแบบไม่มีชิ้นดี
และฉากสู้กันท้ายเรื่องนี่มันคืออะไร ใครก็ได้บอกผมดี !!! ดูไปดูมานี่คือหนังชวนระลึกชาติหรออ !!! ปัดโธ่เอ๊ยย ทำไมพี่ไม่เล่นเรื่องอารมณ์ให้มันสุดไปเลยล่ะ พี่จะมาชวนคนดูรักชาติทำไม มันไม่ใช่อ่ะ มันเริ่มมั่วเข้สไปใหญ่แล้ว ยิ่งหนังเข้าไกล้จุดไคลแม็กซ์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเละเทะและออกทะเลไปแบบกู่ไม่กลับเท่านั้น จะแอ็คชั่น หรือจะบีบอารมณ์ หรือจะดราม่า หรือจะเสีนดสีสังคม หรือจะชวนเชื่อให้หันมารักชาติ ขอให้เอาให้แน่ซักอย่าง หนังยัดทุกประเด็นที่ ผกก. คิดออกเข้ามาในหนังเรื่องนี้ พอมันมารวมๆกัน แน่นอนน ฮึๆ มันเละ มันเทะ มันตู้ม มันเป๊ะ
พอๆๆๆๆๆๆๆๆ พอแค่นี้เถอะครับหนังเละเทะมาก ให้ผมบ่นทั้งวันยังไม่หมด หนังมันเล่นใหญ่ไป ไม่เข้าใจทำไมถึงขยายงาย CG มากกว่าบท ยิ่งตอนกลางเรื่องเป์นต้นไปนี่เละเทะมาก หนังหาทิศทางที่แน่นอนไม่ได้ ไม่รู้ว่า ผกก. ต้องการสื่ออะไร หนังไปไม่สุดซักทาง ออกทะเลไปไกล้ด้วยเรือไททานิคเลนทีเดียว ถถถถ แต่ในข้อเสียก็ยังมีข้อดีคือ หนังไทยแบบนี้มันหาดูได้ยากครับ ถ้าดูแล้วคุณไม่คิดข้อเสีย คุณคิดแค่ว่าคุณแค่อยากมาดู น้อยกับอนันดาประชันบทบาทกันแบบสุดตีนก็พอแล้ว อย่าไปคาดหวังเพราะยิ่งหวังเยอะเท่าไหร่จะยิ่งผิดหวังเท่านั้น ทำใจโล่งๆแล้วไปดูเถอะครับ ผมสนับสนุนให้พวกคุณเข้าไปดูหนังไทยแบบนี้ ดีกว่าที่จะไปดูหนังห่วยๆแสนบัดสบแบบ หลวงพี่แจ๊ส 4G ซะอีก เอาเป็นว่าผมแนะนำให้ไปดูครับแต่อย่าหวังเยอะมาก นะได้ไม่เป็นแบบผม T^T
ดูหนังออนไลน์ 4k ทันทีที่รู้ว่า “โขม ก้องเกียรติ โขมศิริ” ผู้กำกับฝีมือดีซึ่งเคยฝากผลงานระดับปากต่อปากมาแล้วหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น ลองของ ไชยา เฉือน อันธพาล และสุขสันต์วันกลับบ้าน กำลังสร้างหนังอิงชีวประวัติตำรวจยอดมือปราบสายอาคม “ขุนพันธ์”
ยิ่งเปิดตัวด้วยนักแสดงระดับเทพอย่างอนันดาในบทขุนพันธ์ และน้อย วงพรูแสดงเป็นจอมโจรอัลฮาวี ยะลูแห่งเทือกเขาบูโดด้วยแล้ว ถึงกับต้องมีนัดกับวันหนังฉายไว้ล่วงหน้า ยิ่งใกล้วันเท่าไร Trailer ที่ปล่อยมายิ่งกระชากใจกระตุ้นให้อยากเข้าไปตื่นเต้นและอินกับการแสดงพร้อมเทคนิคหนังสไตล์โขม
“แต่แล้วฝันนั้นก็สลายไปในพริบตา” (ขอยืมท่อนหนึ่งจากเพลงขัดใจ ที่อยู่ดีๆ ก็นึกว่ามันช่างเข้ากับความรู้สึกหลังนั่งดู “ขุนพันธ์” ไปได้สักแป๊บ ) เปิดฉากแรกมาก็เริ่มได้กลิ่นไม่ดีที่ไม่ใช่กลิ่นรองเท้าคนนั่งข้างๆ เพราะหนังเปิดด้วยภาพสไตล์หนังคาวบอยในภาพขุนพันธ์ควบม้าที่มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์ โอ้ววว…ชวนให้นึกถึงหนังแอคชั่นโบราณๆ ไม่เป็นไรๆ เราควรเปิดใจ (อันนี้แอบบอกตัวเอง)
เส้นทางการดูหนังเรื่องนี้กลับยิ่งกระท่อนกระแท่น ดูไปขมวดคิ้วไป เอ…ถ้าคนไม่รู้จักขุนพันธ์จะรู้ไหมว่าขุนพันธ์แกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ฝีมือเก่งกาจแค่ไหน ทำไมถึงถูกเลือกไปปราบจอมโจรสายโหดอย่างอัลฮาวี ยะลู และไม่ใช่ขุนพันธ์คนเดียวที่ขาดน้ำหนักในเรื่องภูมิหลัง เรียกได้ว่าการปูพื้นให้คนดูรู้จักนักแสดงแต่ละตัวในเรื่องนั้นโหลงเหลงมาก จึงทำให้ค่อนข้างผิดหวังกับเครดิตเขียนบทเองของผู้กำกับท่านนี้
สำหรับบทบาทการแสดงของอนันดากับพี่น้อยนั้นไม่แน่ใจว่าผู้กำกับวางไว้ให้อีกคนเล่นน้อย แต่พี่น้อยเล่นมากหรือเปล่า แต่ในฐานะคนดูเห็นแล้วรู้สึกว่ามันเป็นเคมีที่ไม่พอดิบพอดีกัน โจรเล่นใหญ่ เล่นเยอะสไตล์พี่น้อย ส่วนอนันดาที่รับบทขุนพันธ์ก็เล่นนิ่ง เล่นน้อย จึงทำให้หลายๆ ฉากในเรื่องไม่ชวนติดตาม และยังผิดหวังเพราะขาดฉากปะทะกันแบบดุเด็ดเผ็ดมันระหว่างจอมขมังเวทย์ทั้งสอง กลับกลายเป็นว่าความมันสะใจในฉากแอคชั่นไปตกอยู่ที่นักแสดงอย่างเดี่ยว ชูพงษ์ซึ่งรับบทเป็นสมุนโจรใจโฉดฝ่ายอัลฮาวี ยะลูมากกว่า จะว่าไปแล้วสน the star หรือไข่โถในเรื่องแสดงได้มาตรฐานและชวนให้ดูได้มากที่สุด
ต่อไปมาว่ากันที่เรื่องเทคนิคของหนังซึ่งน่าจะเป็นงานถนัดของผู้กำกับท่านนี้ เฮ้อ…กลับกลายเป็นว่า ปาระเบิด กราดยิง ฉากต่อสู้ สารพัดเทคนิคซีจีดูห่างไกลจากมาตรฐานโขมไปรึเปล่า โดยเฉพาะฉากต่อสู้บนหลังคารถไฟชวนขัดตาที่สุด เห็นได้ชัดถึงความไม่เนียน และเมื่อไม่เนียนมันก็กลายเป็นความขัดตา ขัดใจ ไม่อิน บางฉากถึงกับตลกเรียกเสียงหัวเราะซึ่งไม่น่าจะใช่อารมณ์ที่ควรมีในหนังแอคชั่นดราม่า

รีวิวหนัง ขุนพันธ์

เมื่อบทไม่ลงตัว การแสดงไม่กลมกล่อม กับเทคนิคหนังแบบไม่ละเอียดมารวมตัวกัน “ขุนพันธ์” จึงเป็นหนังแอคชั่น ดราม่ากลายพันธุ์เข้าขั้นคอมมาดี้ เขียนมาซะเยิ่นเย้อและออกไปทางลบซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับใครที่อยากดูหนังแบบได้ความบันเทิงล้วนๆ ไม่คิดอะไร หนังเรื่องนี้ก็ยังพอได้อยู่ แต่สำหรับคนดูที่คาดหวังว่าจะได้ดูหนังแอคชั่น ดราม่าเยี่ยมๆ งานนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่
ดูหนังออนไลน์ ขุนพันธ์ หนังไทยแอ็คชั่นฟอร์มใหญ่อิงประวัติศาสตร์ ที่สร้างจากชีวประวัติของ พลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) อดีตนายตำรวจชื่อดังของประเทศมาตั้งแต่ยุคสงครามโลก ที่ตอนนี้หนังเรื่องนี้มีฉายบน Netflix เราจึงขอนำมารีวิวเผื่อคนที่ยังไม่เคยดู จะได้รู้เรื่องราวคร่าวๆ ก่อนจะดู
เรื่องราวนั้นว่าด้วยปี พ.ศ.2481 ร้อยตำรวจโทขุนพันธรักษ์ราชเดช (อนันดา เอเวอริงแฮม) ได้รับมอบหมายจากทางการให้ลงใต้ไปปราบจอมโจร (น้อย วงพรู) และสมุนซ้ายขวาเสือสังและบุหงา โดยขุนพันธ์ได้รับความช่วยเหลือจากสองพี่น้องไข่โถและมาลัย ที่ทำงานอยู่ในสโมสรงาช้างของหลวงโอฬารข้าราชการใหญ่ขายชาติผู้มีอำนาจที่สุดในแดนใต้ โดยหนังเน้นหนักไปทางหนังแอ็คชั่นสุดอลังการและเกินจริง เหมาะแก่การดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ดูไปเรื่อยๆ อาจจะมีสะดุดเล็กๆ น้อยๆ ในความที่ซีจีดูไม่สมจริงเว่อร์วัง แต่ก็ยังดีกว่าซีจีช่องเจ็ดสีเยอะมากกกกกก
การตัดต่อที่ดูไม่สมจริงดูหลอกตา อาจทำให้ผู้ชมระคายตาไปบ้าง ยิ่งฉากต่อสู้บนรถไฟ ดูไปแล้วอาจอุทานออกมาว่า “What??? อะไรกับครับเนี้ย!!!” แต่หนังก็สร้างออกมาให้ได้ชมกันไปเมื่อหลายปีก่อน ก็ต้องทำความเข้าใจในความยังไม่พัฒนาในช่วงนั้น ก็ให้อภัยเขาไปเถอะเนอะ! สำหรับงานฉากงานโพรดักชั่นดูลงทุน เสียงกระสุนดังลั่นยิงกันแทบทั้งเรื่อง ฉากยิงแต่ละฉากยาวเป็นสิบนาที ซึ่งรู้สึกว่านานเกินไป แถมไม่ได้ระทึกใจขนาดนั้น
จุดขายจริงๆ ของหนัง คงมีแต่ในตัวอย่าง เพราะเลือกตัดฉากที่เอามาทำเป็นตัวอย่างหนังที่ดูแล้วระทึกและตื่นใจดี ในส่วนของตัวบทต้องบอกตามตรงว่าค่อนข้างอ่อน หลายฉากดูยืดเยื้อไปมาก รวมถึงตัวละครบางตัวคือไม่จำเป็นต้องมี แต่ก็ยังมี
ดูหนัง 4k นอกจากเรื่องความเชื่อด้านอาคมที่ต้องมีแน่นอนตามหน้าหนัง และประเด็นรักชาติ ศานา พระมหากษัตริย์ที่มี ยังมีการสอดแทรกวัฒนธรรม เช่น รำโนราห์ เพลงชาติ และเกร็ดประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกที่ไทยเข้าไปเอี่ยวกับญี่ปุ่นด้วย อีกทั้งยังมีแอ็คชั่นสไตล์คล้ายหนังเรื่อง “องก์บาก” ผสมมาด้วยนะ
ช่วงปีพ.ศ. 2481 ร้อยตำรวจโทขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือ นายบุตร์ (อนันดา เอเวอริงแฮม) ได้รับมอบหมายจากทางการให้ลงใต้ไปปราบจอมโจร อัลฮาวียะลู (กฤษดา สุโกศล แคลปป์ / น้อย วงพรู) และสมุนซ้ายขวา เสือสัง (เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง จาก องก์บาก) และ บุหงา (กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร จาก สุริโยไท) โดยขุนพันธ์ได้รับความช่วยเหลือจากสองพี่น้อง ไข่โถ (สนธยา ชิตมณี / สน The Star 1) และ มาลัย (อ้อม กานต์พิสชา เกตุมณี จาก แม่เบี้ย) ที่ทำงานอยู่ในสโมสรงาช้างของ หลวงโอฬาร (ภคชนก์ โวอ่อนศรี / แฟร้งค์ พิธีกร The Star) ข้าราชการใหญ่ขายชาติผู้มีอำนาจที่สุดในแดนใต้
เข้าไปดู ขุนพันธ์ อย่างไม่คาดหวังอะไร พบว่ามันไม่แย่อย่างที่คิด ดีกว่าหนังไทยหลาย ๆ เรื่อง แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่าดีเด่นหรือยอดเยี่ยมถึงขั้นจะเป็นผลงานภาพยนตร์ชูหน้าชูตาให้แก่สยามประเทศได้ สิ่งเดียวที่เต็มใจจะเชยชมสำหรับหนังเรื่องนี้คือการแสดงของ อนันดา กับ น้อย วงพรู ที่ต้องยอมรับว่า “ตีบทแตก” และเข้าชิงสุพรรณหงส์ได้สบาย ๆ
ดูหนัง ขุนพันธ์ ไม่ได้เป็นหนังชีวประวัติที่เล่าเรื่องของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ทั่วไป แต่เน้นหนักไปทางหนังบู๊เว่อร์วังอลังการงานสร้างและความแฟนตาซีเกินจริง เหมาะแก่การดูเพื่อความบันเทิง