รีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน

ก่อนจากลาไปเรียนต่อกรุงเทพ ส้ม (บุษราคัม วงษ์คำเหลา)สาวพนมคนงามก็ให้สัญญากับ เสี้ยน (ภาคิน  คำวิลัยศักดิ์) ว่าจะไม่ลืมหนุ่มบ้านนอกอย่างเขา แต่ไม่นาน ส้มก็พาคู่หมั้นกลับบ้านเพื่อมาแต่งงานทำให้ เสี้ยน รีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน แทบคลั่งที่คนรักเปลี่ยนใจจากเขาไปอย่างง่ายดายโดยไม่รู้เลยว่า ภัค (รุ่งรัตน์  เหม็งพานิช)

สาวน้อยเจ้าของร้านทอง แอบรักเขามานานแล้ว ในขณะที่พระมหาชัย (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา)  ต้องคอยประกันตัว บรรจง (คริสโตเฟอร์ โจนาธาน รอย เชฟ) หนุ่มอีสานหน้าฝรั่งขี้เมาที่มักมีเรื่องติดคุกจนเมียเริ่มระอารีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน
มองจากหน้าหนังแล้วคงเดาได้ไม่ยากว่า ส่มภัคเสี่ยน  มุ่งขายคนดูในกลุ่มชาวบ้านโดยเฉพาะภาคอีสานเป็นหลัก ทั้งดาราแม่เหล็กที่คิดไว้แล้วว่าดึงคนมาดูได้แน่ๆอย่าง โตโน่ ภาคินทร์ และ ไข่มุก รุ่งรัตน์ มาเสริมทัพ หม่ำ จ๊กม๊ก ในบทพระมหาชัย พ่วงด้วย แจ๊ส ชวนชื่นในบทหลวงพี่แจ๊ส
รีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน
และถ้ายังไม่พอ หนังยังได้ เพชร  สหรัตน์ ศิลปินขวัญใจชาวอีสานมาเรียกแขกให้กับหนังตลกที่เล่าเรื่องราวง่ายๆอย่างความรัก มุกตลกในวงการพระ และอารมณ์สำนึกรักบ้านเกิด แต่ใช่ว่าหนังที่เล่าเรื่องราวง่ายๆจะจัดการให้ทุกองค์ประกอบออกมาลงตัวและเป็นหนังที่ดีได้เสมอไป และโดยที่เราไม่ประเมินค่าหนังแต่เพียงภาพลักษณ์ภายนอก การกำกับหนังเรื่องแรกของ เอ็ม บุษราคัม วงษ์คำเหลา ก็ไม่ต่างจากการทำอาหารจานแรกให้อร่อย
ยิ่งชื่อหนังเพี้ยนมาจากชื่ออาหารอีสาน อย่าง ส้มผักเสี้ยน (ที่เราอาจเรียกเก๊ๆว่า กิมจิอีสาน) ที่ยิ่งต้องลงแรงทั้งบีบทั้งคั้น ในทุกองค์ประกอบของหนังให้ออกมาลงตัวที่สุด  แม้ว่าจุดขายอยู่ที่ดาราแต่เรื่องราวและจังหวะในการนำเสนอของมันต่างหากที่จะทำให้หนังออกมาแซ่บนัวร์ที่สุด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับไม่ต่างจากหนังตลกที่พ่อของเธอทำเท่าใดนัก
สิ่งที่น่าเสียดายอันดับแรกคงหนีไม่พ้น เมื่อคนดูได้เห็น หม่ำ จ๊กม๊ก เราก็แทบไม่เหลือความแปลกใจอะไรกับมุกต่างๆที่หนังพยายามนำเสนอ ตั้งแต่มุกตลกคำหยาบ มุกสองแง่สองง่าม หรือแม้กระทั่งการเชิญนักพากษ์ทีมพันธมิตร อย่าง อาเกรียง- เกรียงศักดิ์ เหรียญทองและ  อาติ่ง- สุภาพ ไชยวิสุทธิกุล มาเล่นมุกพากษ์สด ที่ต้องบอกว่า มุกหลายๆมุก ทั้งเป็นการรีไซเคิลของเก่าและ ฝืดเฝือเพราะผู้กำกับไม่สามารถนำเสนอให้มันเหมาะกับสื่อภาพยนตร์ได้จริงๆ
จนสุดท้ายกว่า 70% ของหนังเลยเหมือนมุกที่เราเคยผ่านตาทั้งใน แหยม ยโสธร, บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม หรือแม้แต่รายการชิงร้อยชิงล้านที่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่เขาจะเลิกเล่นมุกเมียน้อยตามจังหวัดต่างๆเสียที และที่เลวร้ายที่สุดหาก ผู้กำกับสาว เอ็ม คิดว่า “มุกหม่ำโชว์” ของคุณพ่อคือตัวช่วยชูรสหนัง ก็เข้าขั้นแม่ครัวหนักมือจน ผงชูรสมากลบรสหวานของพลอตหลักว่าด้วยความรักของสามตัวละครหลักจนแทบไม่เหลือความสำคัญ เพราะต้องเฉลี่ยเวลามานำเสนอมุกตลกทั้งหลายแทน  ซ้ำร้ายการเชิญเหล่าดารา ก็อปปี้โชว์ มาอยู่ในหนังก็ยิ่งเพิ่มความน่ารำคาญมากกว่าความฮา โดยเฉพาะมุกคนหน้าเหมือน มิสเตอร์บีน ที่ทำให้อึดอัดทุกครั้งที่เขาปรากฏตัว
รีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน
รีวิวหนังไทย อย่างที่ได้เกริ่นไว้ว่าหนังมุ่งใช้ดารามาเป็นจุดขาย โดยเฉพาะการใช้บริการเซเลบอีสานทั้งหลาย ตั้งแต่ โตโน่ ภาคินทร์ หรือ โตโน่ เดอะสตาร์ ดาราอีสานหน้าหล่อที่เพิ่งมีผลงานละคร เดอะคิวปิดไปไม่นาน และ ไข่มุก รุ่งรัตน์ จากเวทีเดอะวอยซ์ ที่ผ่านงานหนัง ลูกทุ่งซิกเนเจอร์ มาแล้ว  หากกล่าวโดยที่ไม่นับการแสดงที่ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว สิ่งที่หนังพลาดแบบไม่น่าให้อภัยคือการเอานักร้องดังสองคนมาแสดงหนังแต่ไม่มีฉากร้องเพลงของทั้งคู่เลยสักฉากเดียว
 ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นโตโน่ทำตัวงี่เง่า อกหัก และระรานชาวบ้าน ส่วนไข่มุก รุ่งรัตน์ ก็ถูกยัดเยียดภาพลักษณ์สาวบ้านนาตัวดำแต่งตัวเชยให้ทั้งเรื่องทั้งที่หน้าตาเธอก็ไม่ได้ขี้เหร่จนถึงกับดูไม่ได้ จนเหมือนกล้องใจร้ายถ่ายเธอให้ดูแย่เกินไปหน่อย ซ้ำร้ายพอหนังไม่ได้บอกเล่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากไปกว่า ฉากแฟลชแบ็คตอนเด็ก และฉากแอ๊วหนุ่มของไข่มุก เลยกลายเป็นว่าแก่นหลักของหนังว่าด้วยความรักที่อยู่ใกล้ตัวถูกกลืนจนแทบหมดความสำคัญ
ดูหนัง ยังดีที่การปรากฏตัวของ สุนารี ราชสีมา ดีว่าเมืองย่าโม ในบทแม่ของเสี้ยน ช่วยให้หนังดูสนุกขึ้นบ้างทั้งการตบมุกที่เล่นได้ฮาจนเหล่าตลกอาชีพยังอาย ส่วน คริสโตเฟอร์ โจนาธาน รอย เชฟ หรือ คริส เดอะสตาร์ ก็รับบทหนุ่มฝรั่งพูดอีสานได้โดดเด่นและน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่รับส่งมุกกับ หม่ำ จ๊กม๊ก แล้วคนดูพอจะได้หัวเราะบ้าง
นอกจากนี้ ส่มภัคเสี่ยน ยังมีบางมุมที่แสดงให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของหนังไม่น้อย โดยเฉพาะความพยายามจะเอ็นเตอร์เทนคนดูด้วยเพลงอีสาน ซึ่งเธอก็ใช้ เพชร สหรัฐ ได้อย่างคุ้มค่า ทั้งให้แต่งเพลงและมาเล่นฉากแฟนตาซีมิวสิกวีดีโอ แม้จะดูแปลกแยกและประดักประเดิด แต่ต้องยอมรับว่าทำให้หนังมีสีสันขึ้นมา ซึ่งจุดนี้เองที่แสดงให้เห็นลายเซ็นจางๆของผู้กำกับสาว เอ็ม ที่พยายามนำเสนอวัฒนธรรมอีสานให้ดูพ็อพ
โดยเฉพาะการนำเพลงอีสานยุคใหม่ที่ก้ำกึ่งระหว่างเพลงลูกทุ่งและพ็อพร็อค มานำเสนอคล้าย มิวสิกวีดีโอแนวเซอร์เรียลของ ผู้กำกับอย่าง มิเชล กอนดรี้ แต่น่าเสียดายที่มันมีแค่ฉากเดียว นอกนั้นหนังกลับนำเสนอความเป็นอีสานแบบผิวเผิน ทั้งเครื่องดนตรี ภาษาพูด หรือแม้แต่ฉากทำ ส้มผักเสี้ยน ที่หนังก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการนำมาอุปมาอุปมัยกับความรักของตัวละครหลักหรือวิถีชีวิตแต่อย่างใด ซ้ำร้ายเมื่อบทหนังยังคงนำเสนอเรื่องราวเดิมๆ
ว่าด้วยความรักของหนุ่มสาวบ้านนาและผลิตซ้ำแนวคิดสำนึกรักบ้านเกิดแบบผิวเผิน พ่วงด้วยปมปัญหาวิถีชีวิตชาวบ้านที่หนีไม่พ้น ตั้งวงเมาเหล้า เป็นหนี้ติดพนัน ขยันเล่นหวย ก็ยิ่งทำให้ ส่มภัคเสี่ยน  แปรสภาพจากอาหารอีสารรสแซ่บกลายเป็นผักดองบูดๆที่ถ่ายใส่จานใหม่ไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิวหนัง ส่ม ภัค เสี่ยน

ดูหนังออนไลน์ 4k สรุปแล้วถ้าเป็นอาหาร  ส่มภัคเสี่ยน ก็คืออาหารหน้าตาจัดจ้านครบเครื่อง แต่กลับใส่ผงชูรสหนักมือจนความเค็มปร่าจากมุกที่ชวนอึดอัดพาให้หนังสร้างความรำคาญแก่คนดูเป็นระยะ รวมถึงงานภาพของหนังที่ยังไม่ได้มาตรฐานหนังฉายโรงนัก เลยทำให้หนังที่น่าจะเป็น อาหารระดับมิชลินสตาร์ จบแค่ อาหารข้างทางเค็มนำที่ไม่ได้น่าจดจำเท่าใดนัก
อารมณ์เหมือนดูแหยม ยโสธร ในเวอร์ชั่นยุคปัจจุบัน ไม่ได้ย้อนอดีตแบบต้นฉบับของหม่ำ เพ็ชรทาย แต่จุดอ่อนอย่างนึงในหนังแหยมยโสรภาคหลังๆ ของหม่ำ เพ็ชรทาย (เรื่องนี้ก็ยังตามมาคล้ายกันอีก …เพียงแต่เอ็ม บุษราคัมกำกับ) …คือเมื่อหนังเดินมาสู่กลางเรื่อง เนื้อหาหนังมันเริ่มจะไม่ไปไหน จะยืดยื้อ หมดเวลากับการเสียใจของตัวละครที่ดูไม่ไปไหนมาไหนสักที มันจะมีภาพตัวละครนั่งซึมเศร้ากับปัญหาความรัก หรือแม้เเต่พยายามใส่ดราม่าเข้ามาให้ดูมีโหมดจริงจัง บีบชีวิต ก่อนจะสรุปสู่ไคลแม็กซ์ด้วยซีนมิวสิคคัล (แบบแหยม ยโสธร)
…เรื่องนี้ก็เช่นกัน เนื้อเรื่องอะไรต่างๆ มันก็มีช่องโหว่อยู่เเล้วแหละ เพียงเเต่ว่าเรื่องนี้ซับพล็อตฉากแทรกย่อย ค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่เน้นมุกตลกเป็นฉากๆ เรื่องหลักใหญ่ๆ อย่างพาร์ทของเสี่ยน ส้ม ภัค เส้นเรื่องก็ดูไม่มีไรมากอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ถ้าเล่าแบบเจาะจงเฉพาะๆ หนังก็คงสั้นลงกว่านี้ …แต่ในเรื่อง หนังแทรกฉากอื่นๆ เข้ามาราวกับจะทำให้หนังเดินต่อไปได้ในอารมณ์ที่ฮาสุดขีด ไม่น่าเบื่อเกินไปกับความดราม่าที่ดูง่ายและทำให้หนังยาวขึ้น ทั้งที่ดูสอดคล้องกับเนื้อเรื่องและที่แทรกเข้ามาเพราะเป็นมุกตลกชง ตบ ภายในคราวเดียว ซึ่งมันก็ได้ผลดีมาก (โดยเฉพาะกับกลุ่มคนดูเป้าหมายหลัก) ราวกับว่าได้ดูหนังเเบบหม่ำ แต่ใส่รสชาตินัวๆ ใหม่ๆ ให้อีกนิด…
ดูหนัง 4k แม้จะดูลั่กล้น เล่นง่ายไปบ้าง เนื้อหาสาระก็คงไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากความ จุดด้อยของหนังที่มีอยู่ …เเต่เสียงหัวเราะของคนดูกลุ่มเป้าหมายหลักที่ลั่นสนั่นในโรงนับ 40 กว่าชีวิตตลอดเรื่องของหนัง ก็คงเป็นเครื่องยืนยันในระดับหนึ่งได้ว่า เอ็ม บุษราคัม …ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งกับหนังเรื่องแรกของเธอแล้ว เพราะเป้าหมายหลักของหนังเรื่องนี้อยู่ที่กลุ่มคนดูทางภาคอีสานและกระแสหนังรักแบบไทบ้าน ก็ยังคงทำงานได้ดีเต็มประสิทธิภาพ
 แน่นไปจนถึงแถวหน้าจอเลย บรรยากาศภายในโรงก็ดูคึกครื้น เปิดหนังมาฉากแรกคนก็ช่วยกันขำใหญ่เลย และสักพักก็เพิ่งได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ พี่หม่ำ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ไม่ได้กำกับ แต่ไตเติ้ลเครดิตเป็นชื่อของ เอ็ม-บุษราคัม ลูกสาวของพี่หม่ำที่นั่งแท่นทั้งกำกับ และเล่นเป็นหนึ่งในตัวละครหลักเสียเอง คนดูส่วนใหญ่ก็คงไม่ติดใจอะไร ส่วนตัวเราก็ได้แต่ภาวนาขอให้หนังไม่แย่มากไปกว่านี้ ทั้งคุณภาพโปรดักชั่น เรื่องราว และโดยเฉพาะความตลกซึ่งเป็นส่วนเดียวที่กล้าคาดหวังกับหนังเรื่องนี้ จนกระทั่งดูไปได้สักพักก็พบว่าพล็อตที่เป็นส่วนโรแมนติกดราม่าไม่มีอะไรเลย เชยมาก ๆ ต่อให้ย้อนกลับไป 10 กว่าปีก่อนก็ยังเชย
ส่วนความตลกก็สร้างซิตซีนเปล่าหยอดไปเรื่อย ๆ อี๋บ้าง (มุกอี๋ ๆ นี่คนฮากันดีนัก) แป้กบ้าง ตลกบ้าง (คาแร็กเตอร์ ท่าเดิน การแต่งตัวของตัวละครเฉลิมชัย แย่งซีนเรียกเสียงฮาได้ตามประสา แต่ไม่มีค่ากับเส้นเรื่องใด ๆ) แต่ก็เฉิ่มเชยเสียส่วนใหญ่และความต่อเนื่องก็ไม่ค่อยจะเชื่อมโยงกันแข็งแรง สำหรับมุกบางมุกก็ไม่อยากจะคิดหรือรู้สึกแทนนะ แต่ก็ยังสงสัยมาตลอดว่าตระกูลผีน่ารักที่ใช้สังขารตัวเองมาเป็นมุกให้คนดูตลกนี่ เจ้าตัวเค้าไม่รู้สึกอะไรกันเลยเหรอ
ส่วนที่ชอบอยู่บ้างก็มี คริส-คริสโตเฟอร์ กับ วาว-ภคภรณ์ ที่เล่นเป็น สายใจ ในเรื่องนี้แฮะ ดูเหมือนจะดีได้กว่านี้ แต่บทไม่ได้ส่งให้แสดงความสามารถอะไรเท่าไหร่ คนที่เล่นเป็นพ่อสายใจตอนที่ปะทะอารมณ์กับคริสนี่ก็ระเบิดดราม่าดีเลย ขนาดที่ทำให้คนข้าง ๆ หน้านิ่วคิ้วขมวด น้ำตาคลอเบ้ากอดแขนแฟนไว้แน่นได้เลย แต่ความโรแมนติกของ โตโน่ กับ ไข่มุก
ดูหนังออนไลน์ ก็เคมีไม่เข้ากันเท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวแล้วก็ขอโทษบทและการกำกับที่หละหลวมซะมากกว่าตัวนักแสดงเอง ส่วน สุนารี ราชสีมา ก็เกือบจะดีแล้ว แต่ติดแกตรงภาษาอีสานที่คนละสำเนียงกับคนอื่น ๆ ในหนังก็เลยสะดุดไปเยอะเลย
รวม ๆ หนังมันมีกลิ่นอุตสาหกรรมในครัวเรือนสูงกว่าหนังพี่หม่ำเรื่องก่อน ๆ ซะอีก นอกจากพ่ออย่างพี่หม่ำและน้องชายแล้ว ก็ยังมี กอล์ฟ-กรวัฒน์ สามีของเอ็มที่เคยผ่านงานแสดงมาบ้างแล้ว มาเล่นหนังที่ตัวเองกำกับ ก็ดูช่วยกันทำมาหากินน่ารักดี ฉากที่โตโน่ป่วนงานแต่งมาดโตโน่มันส่งกับบทกับเพลงก็ตลกดี ชอบเพลงที่มันเศร้าแต่แดกดันแบบชาวบ้าน ๆ ปนทะลึ่ง ๆ ตรง ๆ เข้ากับมู้ดโตโน่ดี แต่ตอนจบนี่ก็นะลูกสาวพี่หม่ำแกเคยดู ‘Love Syndromes รักโง่ๆ’ มั้ยนะ แล้วโตโน่ก็ไม่ทักอะไรเลยเหรอ ว่ามันเหมือนฉากไคลแม็กซ์ที่ตัวเองเคยเล่นไว้ในรักโง่ๆ