รีวิวหนัง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ
มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ คือผลงานภาพยนตร์ลำดับที่ 9 ของพระเอกหนุ่มมาดเซอร์ คาแร็คเตอร์ ชัดเจน “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” กับหุ่นที่ฟิตขึ้น เฟิร์มขึ้น และเป๊ะขึ้นของเขา รีวิวหนัง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ เพราะในเรื่องนี้เขารับบทเป็น “นักเทนนิสมืออาชีพ มือวางอันดับต้น ๆ ของโลก” คล้าย ๆ “บอล ภราดร ศรีชาพันธุ์” ผู้ซึ่งเคยไต่ไปถึงอันดับที่ 11 ของโลกเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน ก่อนที่ปัจจุบันจะร่วงไปอยู่ที่อันดับหลายร้อย
ดอน สีชัง (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) นักเทนนิสชื่อดังมือวางอันดับโลก หล่อ รวย เพอร์เฟ็กต์ แต่อารมณ์ร้อน ถูกแฟนสาว แอนนา (มารี เบิร์นเนอร์) ซึ่งเป็นดาราสาวซูเปอร์สตาร์ ปฏิเสธการขอแต่งงานกลางร้านอาหาร แล้วเขาก็ยิ่งเฮิร์ทหนักมากจนไม่เป็นอันเล่นเทนนิสเมื่อ แอนนา ไปคบกับ จิมมี่ นักร้องนำวงเดอะร็อกเก็ต (เผือก พงศธร) เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชิงหัวใจของอดีตแฟนสาวคืน โดยมี ดิว (หลิน มชณต) เด็กสาวข้าวบ้านในวัยเด็กคอยช่วยเหลือ
ดูหนัง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ เป็นภาพยนตร์ฮาแบบเจ็บ ๆ เหมาะกับคนกวนตีน เพราะนักแสดงนำอย่าง ซันนี่ กับ เผือก กวนตีนชนิดขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมใคร มุกก็มีทั้งฮาบ้างแป้กบ้างตามประสา แต่ฝีมือการแสดงอันกวนตีนอย่างเป็นธรรมชาติของนักแสดงดังกล่าวช่วยไว้เต็มกำลัง ทั้งนี้ยังไม่นับความน่ารักของสาวหมวยหน้าเก๋ หลิน (แฟนสาวของ โทนี่ รากแก่น) ที่สามารถ kill ผู้ชายได้ทั้งโรงนั่นอีก แต่ที่เรียกเสียงฮาชนิดไม่ไว้หน้านักแสดงนำเลย ก็คงเป็นเหล่านักแสดงสมทบนี่แหละ ปังทุกคน
ถ้าเทียบตามมาตรฐานหนังไทยทั่วไป ต้องชื่นชมว่า มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ เป็นหนังไทยที่โปรดักชั่นดีและมีคุณภาพพอที่จะเสียเงินไปดูในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านไม่น้อยไปกว่าหนังฮอลลีวู้ดบางเรื่องที่กำลังเข้าฉายอยู่ในช่วงนี้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ “ยอมใจ” ให้กับความพยายามในการหักมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสไตล์บ้าน ๆ ของผู้กำกับสุดแนว นิว อิทธิศักดิ์
รีวิวหนังไทย ข้อติติงคือ หนังยาวไปหน่อยทั้งที่สตอรี่มันก็ไม่ได้มีอะไรมากขนาดนั้น การเล่าเรื่องยังเนือย ๆ แอบน่าเบื่อเป็นช่วง ๆ จะสนุกก็แค่ช่วงเขาปล่อยมุก ซีนที่ ซันนี่ ร้องเพลง (ด้วยเสียงจรกาออกลูก) หรือซีนที่ ซันนี่ กับ เผือก กัดกัน ทำให้ภาพรวมออกมา เรารู้สึก “เฉย ๆ” กับหนังเรื่องนี้ ก็ขำหึหึเป็นช่วง ๆ บ้างก็ขำก๊ากนิด ๆ หน่อย ๆ แต่เชื่อว่าถ้าเขาตัดต่อและการเล่าเรื่องได้ดีกว่านี้ นี่อาจจะเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ปังประเดิมต้นปีได้ไม่ยาก
Home beartai BUZZ ภาพยนตร์
มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ เป็นผลงานล่าสุดของ ค่ายทรานส์ฟอร์เมชั่นฟิล์ม ที่เป็นการร่วมทุนจากหลายบริษัท โดยมีกลุ่มทรูและเอ็มพิกเจอร์เป็นหัวเรือใหญ่ ผลงานที่ผ่านมาก็มีทั้ง ตุ๊กแกรักแป้งมาก, ซิงเกิ้ลเลดี้เพราะเคยมีแฟน, ฉลุย แตะขอบฟ้า และล่าสุดอย่าง 20ใหม่ ยูเทิร์นวัย หัวใจรีเทิร์น คือโดยส่วนตัวเท่าที่ดูผลงานจากค่ายนี้มา นับเป็นอีกค่ายที่ผลิตหนังไทยคุณภาพอยู่ในระดับดี อาจจะยังไม่ลงตัวเท่า GDH จึงยังไม่เปรี้ยงหรือโดนตลาดสุดๆ นักแต่ทว่าก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจมากๆค่ายหนึ่งของไทยครับ
โดยในปีนี้ก็ได้ส่งหนังอย่าง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ ออกมาเป็นแนวหน้าตั้งแต่ต้นปี หนังได้ผู้กำกับหน้าค่อนข้างใหม่อย่าง นิว – อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา ที่เคยมีผลงานผ่านตาไปแบบเงียบๆ เป็น 1 ใน 3 ตอนของหนังมัดชุดเรื่อง The Rooms ห้อง หลอก หลอน ในตอน Honey Moon Suite ซึ่งนำแสดงโดย พิ้งกี้ – สาวิกา ไชยเดช มารอบนี้ได้ทีมนักแสดงที่ดีเยี่ยม ดูหนังออนไลน์ 4k อย่าง ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, หลิน – มชณต สุวรรณมาศ, มารี เบรินเนอร์, เผือก – พงศธร จงวิลาส และดาราสมทบที่พร้อมแย่งซีนเมื่อจำเป็นอีกคับคั่งไม่ว่าจะ สมชาย ศักดิกุล, พงศ์เทพ อนุรัตน์ และอื่นๆอีกมาก มาช่วยส่งบทที่รวยอารมณ์ขันสุดๆ จนเกิดเป็นหนังมิสเตอร์เฮิร์ทเรื่องนี้นี่เอง นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่การแคสติ้งเลือกนักแสดงมาถูกที่ถูกทาง ไม่ต้องเอาเบอร์ใหญ่เบอร์ดัง ก็ปังได้เหมือนกันครับ
ซันนี่ – มารี – นิว (ผู้กำกับ) – หลิน – เผือก
เรื่องย่อนี่แทบจะไม่ต้องเล่าอะไรมากครับ เพราะตัวอย่างหนังที่ปล่อยมาน่าจะคือเส้นเรื่องหลักทั้งหมดของหนังแล้ว ซึ่งบทสรุปตามสูตรของหนังแนวนี้ก็น่าจะเดากันไม่ยากครับ มองข้อดีก็คือทีมงานไม่เล่นท่ายากเล่าง่ายๆ แต่เน้นรายละเอียดจังหวะเอาให้เป๊ะ ซึ่งดีงามครับ เพราะหน้าหนังชูธงขายบันเทิงมาแต่ไกล คนที่เข้าไปดูคงไม่มีใครคาดหวังว่าหนังจะมีบทดีเลิศชิงสุพรรณหงส์หรือก่อดราม่าน้ำตาท่วมจออะไรแบบนั้น ถ้าหนังมันทำให้เราสนุกและหัวเราะไปกันได้มันจบ หนังมีโจทย์ที่ต้องเอาชนะแค่นี้ครับ โจทย์ข้อเดียวถือว่าง่าย แต่ก็โคตรยากเพราะขึ้นชื่อว่าหนังตลกว่ากันว่าทำให้ดีโคตรยากครับ
ซึ่งก่อนดูยอมรับครับว่าชอบหน้าหนังพอประมาณ ทั้งเนื้อเรื่องที่เข้าใจง่าย การแสดงแนวตลกหน้าตายที่ซันนี่ถือเป็นสุดยอดในบทแนวนี้แล้ว ยิ่งได้ดาราสมทบที่ชวนฮาอย่างเผือกแห่งแก๊งพี่มากพระโขนงมาช่วยเป็นคู่แค้นสุดกวนด้วยแล้ว ก็แอบคาดหวังอยู่ว่าหนังน่าจะทำออกมาได้สนุก แต่พอดูเวลาของหนังที่ยาวถึงสองชั่วโมงกว่าไม่รวมโฆษณา ก็มีหวั่นใจอยู่ไม่เบาครับ เพราะดูตัวอย่างหนังมันไม่น่ามีอะไรต้องเล่าลากไปได้ตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ๆ คือถ้าอัดมุกแป้กมาเป็นกระบุงก็คงมีง่วงหงาวหาวนอนชัวร์ๆครับ
รีวิวหนัง มิสเตอร์เฮิร์ท มือวางอันดับเจ็บ
แต่หนังทำได้ดีเกินคาดครับ มุกตลกทำงานได้ดี ซึ่งบทก็วางให้มีการส่งมุกได้เล่นกันตลอดเรื่อง อาจจะไม่ถึงกับผสานกับเนื้อเรื่องเป็นเนื้อเดียวกันอย่างพวกซิทคอมชั้นดีนัก มีหลุดๆให้นึกว่าจงใจยัดมุกลงมาชัดๆบ้าง แต่เอาจริงหลายๆมุกนี่จัดว่าฮาได้การอยู่ครับ อันนี้ก็พยายามไม่คิดเองแต่วัดจากเสียงหัวเราะคนร่วมโรง นับเป็นหนังที่ได้ยินเสียงหัวเราะตลอดจริงๆ วิเคราะห์ตรงนี้ว่าถึงหลายมุกจะไม่ได้ใหม่ อาจเคยผ่านตาผ่านหูบ้างอย่างมุกผู้ใหญ่อวยพรบ่าวสาว แต่หนังก็ยังขยี้ได้ตรงจังหวะ ที่สำคัญเหมือนรู้ครับว่าคนจะเดาทางออก หนังมีจังหวะมุกที่พลิกมาเล่นให้ฮาแบบคนดูไม่ทันคาดคิดได้เรื่อยๆเลย ตรงนี้ยกความดีให้ทีมงานไปเลยครับ คงเตรียมงานหนักมาตั้งแต่คิดบทแล้วจริงๆ
ดูหนังออนไลน์ เป็นงานบันเทิงล้วนๆ ช่วงเศร้ายังฮาในความรันทดของตัวละครเลย หนังมีเซอร์ไพรส์ ทั้งมีตัวละครสมทบทั้งที่ดังและโนเนมแต่ฮามากยิ่งกว่าตัวอย่างที่ไม่ค่อยโชว์ของ และมีช่วงท้ายหนังที่ถึงกับต้องอุทาน เชี่ยยย ในทางที่ดีนะครับไปพร้อมกับพระเอกเลยทีเดียว (ฮา) เอาเป็นว่าเป็นหนังตลกเบาสมองไม่มีพิษมีภัยอะไร เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูสนุกดี แต่ถ้ารุ่นใหญ่มากๆอาจสนุกไม่ถ้วนทั่ว เพราะมุกหลายอย่างค่อนข้างวัยรุ่น และล้อเลียนวัฒนธรรมป๊อปคัลเจอร์อย่าง ฮิปสเตอร์ วู้ดดี้ ภารดร ตูน บริทนี่ย์ สเปียร์ ฯลฯ แต่เอาจริงถึงไม่รู้จักพวกนี้มันก็ยังสนุกดีครับ
ก่อนจะดูไม่ได้คาดหวังอะไรเลย คิดว่า พอตลกๆขำๆ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบนักก็ได้
แต่ปรากฎว่า 2 ชั่วโมงในโรง เป็นช่วงเวลาที่ตั้งคำถามว่า
” ทำไมมันห่วยไปหมด และอ่อนด๋อยแบบนั้นล่ะ”
บทไม่ได้เรื่อง นักแสดงแค่พอผ่านเกณฑ์ มุกไม่ตลก ทุกอย่างมันกระจอกไปหมด
ผิดหวังมาก ไล่เรียงไปเลยแล้วกันว่ามันแย่ตรงไหนบ้าง
1 มุกกระจอกสุดๆ
มุกในเรื่องนี้ หาความตลกแทบไม่ได้ ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆในความพยายามง่อยๆ
ตัวอย่างเช่น กะทะ Korea Queen ใส่มาโง่ๆอย่างนั้นแหละถามว่าตลกหรอ ไม่เลย
มุกแอนนา ชวนชื่น ตลกหรอ ? หรือมุกที่ประธานงานแต่งไปพูดเว้นวรรคผิดบนเวที ก็ฝืดสุดๆ
หรือมุกแฟนของฮัล์คตื่นมากิน ก็ไม่มีความขำ
ถ้าหนังเรื่องนี้คิดจะวางตัวเองเป็นหนังตลก ก็คงสอบตกสบายๆ เพราะมันไม่ตลกเลย
2 โรแมนติกแบบยัดเยียด จะอ้วก
หนังดูทำท่าว่าจะเป็นคอมเมดี้ แต่ก็เปลี่ยนโหมดเป็นซึ้ง โรแมนติก แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
อยู่ๆ ดิว ก็ป่วยหนัก เข้ารับการผ่าตัด จากนั้นก็หนีไป แล้วทั้งคู่ก็บังเอิญมาเจอกันที่นิวยอร์ก
แล้วพระเอกก็พยายามร้องเพลงหลงทาง คือมันเป็นการยัดเยียดความรู้สึกว่า จงอินไปกับกู โรแมนติกไปกับกู
ดิว ตอนเด็กตื่นขึ้นมาตอนดอนได้แชมป์เยาวชนะพอดี จากนั้นผ่าตัดแล้วตื่นขึ้นมาตอนดอนมาหาพอดี คืออะไรมันจะยัดเยียดปานนั้น
ซึ่งมันไม่ทำให้คนดูอินตามไปด้วยเลย ลองนึกภาพ ความโรแมนติกแบบ Walk you home ในแอมไฟน์ จะไม่เห็นอะไรแบบนั้น
3 บทพยายามซับซ้อน แต่ไร้สาระ
เอาง่ายที่สุดเรื่องดิว ดิวตายแล้ว เอ้ย ยังไม่ตาย พ่อบอกจริงๆดิวตายแล้ว แล้วพ่อก็บอกอีกว่าจริงๆโกหกดิวยังไม่ตาย
คือ กับเรื่องตายไม่ตาย พลิกกลับไปกลับมา 4 รอบ เพื่ออะไร มันส่งผลกับเนื้อเรื่องขนาดนั้นหรือเปล่า
ทำให้เรื่องมันยุ่งยากโดยใช่เหตุ แล้ว ความสามารถมีพลังจิตของดิว ใส่มาทำไม ดูหนัง 4k
ใส่มาเพื่อขยับช้อน 3 ครั้ง และใช้พลังทำให้ประธานกระโดดลงสองเท้า แค่นั้นหรอ
อุตส่าห์ให้มีพลังเหนือมนุษย์แต่เอามาใช้แค่เนี้ยะ ?
4 ความสมจริงต่ำมาก
ตอนมาเฟียรัสเซียถือปืนวิ่งไล่ ในระยะห่าง 5 เมตร เอาชีวิตจริง คุณโดนยิงตายตั้งแต่ในถนนแล้ว มาเฟียโง่ๆที่ไหน จะปล่อยให้วิ่งไปได้
แล้วอีกอย่าง จากถนน มาที่จอดเรือ ต้องวิ่งกี่กิโลเมตรหรอ อ้อมภูเขามาเป็นลูก นี่วิ่งไกลขนาดนั้นเลยหรอ ไม่โดนยิงตายไปก่อนหรอ
จู่ๆโผล่มาตรงนี้ได้ไง เหมือนอยากเอาอะไรยัดใส่ก็ยัดมาง่ายๆอย่างงั้น
หรืออย่างร้านโดนัท ตอนช่วง 3 สัปดาห์ก่อน ดิวผ่าตัด มันจะมีภาพคัทซีน ไปกินโดนัทกันด้วย
แต่คือตอนนั้น ดอนกับดิวอยู่กรุงเทพไม่ใช่หรอ แล้วขับรถไปพัทยาเพื่อไปกินโดนัทร้านนี้โดยเฉพาะเลยหรอ
5 หนังไปไม่สุดสักทาง
หนังมันจับฉ่าย เอาอันนี้อันนั้นมาผสมกัน แต่ไม่ได้เรื่องเลย
อยากเล่นเรื่องความสัมพันธ์ของคู่รักที่จบไปแล้ว ก็ทำได้ไม่ถึง
เล่นเรื่องความพยายามในการกลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง ก็ครึ่งๆกลางๆ
จะให้ตลกไปเลย ก็ไม่ตลก จะซึ้งก็ไม่ซึ้ง สรุปคือไม่ได้เรื่องสักทาง
6 คอสตูมนี่ดีสุดแล้วหรอ
ดอน ใส่เสื้อยืด แจ๊กเก็ต จากเมืองไทยยังไง ตลกไหม ไปนิวยอร์กอีก 9 เดือนต่อมา ก็ใส่เสื้อยืด แจ๊กเก็ตอย่างงั้นเลย
แต่งหน้าก็เละเทะไม่เนี้ยบไม่ละเอียด
7 นักแสดงแค่พอผ่านเกณฑ์
ซันนี่ เล่นบทดอน ก็พอใช้ได้ แต่ตัวบทมันทำให้ออร่าของดอนดร็อปไปเลย
แน่นอน ทาบไม่ติดกับบทตอนเล่นเป็นยุ่น ในฟรีแลนซ์
แอนนา ก็เล่นพอใช้ได้ สายตาตอนเห็นดอนกับดิวอยู่ด้วยกัน ทำได้ดี แต่ก็นะ เขาไม่ได้โชว์อะไรมากในเรื่องนี้
ดิว ถ้าไม่คิดอะไรมากก็น่ารักดี สดใส แต่พอดูละเอียดๆแล้ว ก็แค่พอผ่านเกณฑ์ ส่วน จิมมี่ ก็โอเค บทตลกตามเรื่องตามราว
สรุป ผิดหวัง และไม่คุ้มเงินในการดู
เหมือนคนทำหนังเรื่องนี้ ไม่มีความละเอียดในงานของตัวเองเลย
ดูถูกคนดู คิดว่าเป็นหนังแนวตลก โรแมนติก ยังไงก็ต้องขายได้หรอ
แต่กลับทำได้แค่นี้ มันเสียดายเงินและเสียดายเวลาในโรงหนังเหลือเกิน