รีวิวหนัง ทองดี ฟันขาว

แอดมินเคยแอบคิดในใจว่าภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ “ทองดีฟันขาว” หนังเรื่องที่ 10 ของ ผกก. บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ อาจจะแป้กไร้กระแสอีกแล้ว คราวนี้ผิดคาดค่ะ ! ฉากต่อสู้หรือช่วงส่งบทหยอดมุกตลก พาลได้กลิ่นอายหนังของปรมาจารย์บู๊แอคชั่นระดับโลก “เฉิน หลง” ด้วยซ้ำ แต่ไม่อลังการฟอร์มใหญ่ยักษ์ขั้นนั้น และเป็นหนังที่แนะนำว่า ควรดูในโรง เพราะเค้าใส่กิมมิคเสียงแบบ surround รอบทิศทาง ทั้งเสียงคนเม้าท์กัน รีวิวหนัง ทองดี ฟันขาว เสียงนกเสียงกา เสียงน้ำกระทบพื้น เข่ากระแทกกราม เพิ่มอรรถรสในการชมได้อย่างดี

จ้อย หรือ ทองดี เด็กชายผู้ฝักใฝ่ในมวยแต่ดันไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว ทั้ง ๆ ที่พ่อของตัวเองเป็นนักมวย มีคู่ปรับคือ เชิด ลูกชายเจ้าเมือง มีแก๊งเด็กหัวจุกเป็นลูกกระจ๊อกอยู่หลายคน ชอบอวดเบ่งตั้งแต่เล็กจนโต เชิด ชอบยกพวกไปรุม ทองดี ตามประสาเด็กถูกสปอยล์(น่าตบกะโหลกมาก ๆ) แต่นี่แหละอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ทองดี เก่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ เชิด ตามราวีหานาย จ้อย หรือ ทองดี ที่มีเอกลัษณ์ฟันขาวเพราะไม่เคี้ยวหมากไปทั่วทุกถิ่นที่ ทองดี ไปเยือน ส่วน ทองดี ที่เคยพ่ายแพ้ให้กับบุรุษนิรนามก็ขยันเดินทางศึกษาเปลี่ยนครูมวยไปเรื่อย ๆ ฝึกค่ายนี้ครบถ้วนกระบวนท่าแล้วก็ย้ายไปที่อื่นต่อ
ทองดี ได้เพื่อนตายติดตามมาคนนึงคือ บุญเกิด หลังจากนั้นไปเจอการแสดงงิ้วจึงอยากจะโลดโผนกระโดดตีลังกากับเค้าได้มั่ง ก็ไปขอให้เจ้าของเค้าสอนอีกแต่เค้าไม่ยอมสอน โชคดีที่ หมวยเล็ก ลูกสาวเจ้าของโรงงิ้วช่วยให้ได้เรียนกับพ่อ หลังจากนั้น หมวยเล็ก ติดใจจึงขอติดตามมาด้วยกัน ระหว่างเดินทางก็ได้ไปช่วยเกวียนของหญิงสาวปริศนาไว้ จึงได้แหวนเป็นของตอบแทน ทราบชื่อทีหลังว่า รำยง
รีวิวหนัง ทองดี ฟันขาว
รีวิวหนังไทย หลังจากนั้นก็มีเหตุให้ บุญเกิด เจอกับเหตุการณ์เกือบถึงชีวิต วาสนายังมีได้ เรือง เข้ามาช่วย ทองดี จึงลั่นวาจาว่าจะขอทดแทนคุณครั้งนี้ แต่สุดท้ายกลับมีเหตุให้ต้องสู้กับ เรือง และคราวนี้ ทองดี เลือกจะตอบแทนด้วยชีวิตของตน จากนั้นชีวิตของ ทองดี ก็เปลี่ยนไป กลายมาเป็น พระยาพิชัย ขึ้นหลังม้าไปร่วมกอบกู้ประเทศชาติกับ พระยาตาก จนดาบหัก เป็นที่มาของ “พระยาพิชัยดาบหัก”
ผกก. บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ และ ทองดีฟันขาว หรือ บัวขาว บัญชาเมฆ
ทองดีฟันขาว ทำไมต้องบัวขาว ?
บัวขาว บัญชาเมฆ มีการันตีความเก่งกาจด้วยสถิติ ดูหนังออนไลน์ 4k ชก 316 ครั้ง ชนะ 262 ครั้ง (ชนะน็อกเอาต์ 68 ครั้ง) ซึ่งเมื่อเราเห็นหน้า “บัวขาว” ใจก็รู้อยู่แล้วแหละค่ะว่าคนนี้เค้าทางมวยโคตรเก่ง เลยส่งผลประโยชน์ให้หนังสามารถเล่าเรื่องกระชับไม่ต้องเสียเวลาโชว์พัฒนาการของตัวละคร แค่เห็นหน้า “บัวขาว บัญชาเมฆ” ใจก็เชื่อไปแล้วว่าใครมีเรื่องด้วยนี่น่าจะสลบคาหมัดคาแข้งแน่ ๆ แถมคราวนี้ยังมีเรื่องของแม่ไม้มวยไทย ท่ารำดาบ และกายกรรมเข้ามาเพิ่มสีสันอีกด้วย
ส่วนนักแสดงที่มาเล่นเป็น “จ้อย และ เชิด” ตอนเด็ก ก็เหมือน “บัวขาว และ นันทวุฒิ” ที่มารับบท “จ้อย หรือ ทองดี และ เชิด” มาก ๆ แบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในความประณีตของแคสหนังไทย นอกจากนี้คนอื่น ๆ ที่มารับบทในเรื่องนี้ก็โดดเด่นและเหมาะสมมาก ดูไม่ขัดหูขัดตาเลยแม้แต่น้อย ต้องยอมรับว่าคัดเลือกนักแสดงมาดีจริง ๆ ถ้าไม่ได้นั่งดูในโรงคงนึกภาพเหล่านี้ไม่ออก
ถ้าถามเรื่องแอคติ้งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฉากแอคชั่น… แอดมินคิดว่าถ้าแอคติ้งพี่บัวขาวแกขั้นเทพก็คงมีอาชีพหลักเป็นนักแสดงไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ใคร ๆ ที่ไปนั่งดูต่างก็ยกให้เป็น Action-Comedy เนื่องจากแอคติ้งกับจังหวะสนทนาอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่เค้านี่แหละค่ะ ส่วนบางคนที่มีคำถามว่าจะมันส์สู้ที่ “บัวขาว บัญชาเมฆ” ขึ้นชกบนเวทีได้หรือเปล่า ? นี่มันคือการแสดงเค้าก็มีลิมิตของเค้าภาพก็ไปได้ประมาณหนึ่ง ไม่งั้นนักแสดงร่วมคงต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้ม หรือนอนรอเราสวดแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้แทน
รีวิวหนัง ทองดี ฟันขาว
สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องนี้ บู๊แอคชั่นเต็มรูปแบบ ไม่เสียดายเวลาเลยที่เข้าไปดูหนังรอบดึกสองชั่วโมง ดูหนังออนไลน์  มีบางฉากธนูเสียบจากด้านหลังทะลุมาข้างหน้า จับล็อคแล้วเชือดคอเลือดพุ่งสวนออกมา เอามีดปักหลอดลมด้วยจังหวะที่ต้องร้อง เห้ย! ศอกเฉาะหัวจนนักแสดงที่เข้าฉากด้วยเห็นดาวกันไป ชกกันจนหน้าสั่นฟันโยก เล่นจริงเจ็บจริงไม่พึ่งแสตนด์อิน
“ทองดีฟันขาว” ยังโชว์ฉากความเจ็บปวดแบบสโลว์โมชั่น ฝนตกน้ำกระเด็น ทุกอย่างภาพใสชัดเจนไปหมด แต่ไม่ถึงกับความน่ากลัวแบบ Thriller ปลอดภัยต่อเด็ก(โต) สตรีมีครรภ์(ใจแข็ง) คนชรามากอาจต้องพกยาดมสักหน่อย ชมขนาดนี้ก็อย่าเหมาว่าทุกอย่างจะ Perfect ไม่มีอะไรถูกใจทุกคน บางจังหวะก็รู้สึกว่ามีความแป้กเหมือนกัน ตัดภาพแปลก ๆ ดื้อ ๆ ทื่อ ๆ เสียอย่างนั้น

รีวิวหนัง ทองดี ฟันขาว

“ทองดีฟันขาว” ได้ ปื๊ด ธนิตย์ จิตนุกูล ผู้เคยสร้างผลงานชิ้นเอกอย่าง “บางระจัน(2543)” หนังไทยเรื่องโปรดของผู้เขียน ที่เชื่อว่าคนไทย 99% ต้องเคยดูแน่ ๆ มาเป็นโปรดิวเซอร์ จนถึงตอนนี้ก็ยังจำได้ดีว่าครั้งนั้น ฉากไฟเผา ฉากขี่ควายควงขวานไปกอบกู้ชาติของ อ้ายทองเหม็น (บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์) คนพเนจรผมเผ้ารุงรังที่ไม่มีใครรู้หัวนอนปลายตีน ชอบกระดกเหล้าเมาพับอยู่ใต้เกวียน
หมู่บ้านบางระจันที่ถูกจัดฉากขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบจนรู้สึกได้ย้อนไปสมัยก่อน และคำพูดท่าทางของทัพนักแสดงนำที่ทำให้เราอินมาก ๆ จากตอนนั้นจนตอนนี้เราได้เห็นการร่วมมือกันอีกครั้งของโปรดิวเซอร์ ธนิตย์ จิตนุกูล(ปื๊ด) และ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ผู้กำกับภาพยนตร์ “ทองดีฟันขาว” ให้กับสหมงคลฯ โอ้ย สะใจอีรำยงนัก !
บทวิจารณ์ : ไม่อยากจะเชื่อว่าหนังไทยจะมาไกลถึงขึ้นนี้ เพราะภาพยนตร์เรื่องทองดี ฟันขาว ทำออกมาได้ดีจนเกินความคาดหมาย และได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดี ถึงแม้จะเป็นการเปิดตัววันแรกในช่วงเช้า กลับมาคนมาต่อคิวดูหนังเรื่องนี้จนเต็มโรง ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะบัวขาวมีแฟนคลับ ที่ชื่นชอบในศิลปะการออกหมัดฟันศอกของเขาอยู่เป็นทุนเดิม มาเริ่มกันที่มุมกล้อง
ถึงแม้จะไม่ได้มือดีระดับฮอลลีวู้ดมาร่วมงาน แต่การเลือกมุมที่จะจับภาพในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว ด้วยการเปิดตัวอย่างแปลกตา แต่สามารถสื่อสารเรื่องราวของหนังออกมาได้เป็นอย่างดี และการแพนกล้องมุมกว้างตอนประลองมวยที่เมืองตาก ก็ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ถึงแม้ว่าเลนส์ที่ใช้จะไม่ได้แพงระยับ และภาพมีเบลอบ้างเล็กน้อย แต่นั่นก็พอจะทำให้ยอมหลับตาข้างหนึ่งแล้วให้อภัยได้ เพราะในภาพรวมทำออกมาแล้วมันทำให้รู้สึกค่อนข้างประทับใจ
ดูหนัง  จากนั้นมาต่อกันที่ตัวนักแสดงหลักของเราอย่างบัวขาว ที่มีมัดกล้ามเนื้อที่สวยงาม ท่วงท่าการปล่อยหมัด และเชิงมวยไม่เป็นรองใคร สมกับที่เคยเป็นแชมป์ THAI FIGHT มาก่อน จนอดไม่ได้ที่จะเทียบกับจา พนม ที่ตอนนี้เขาโกอินเตอร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าจะให้เทียบความสามารถของคนทั้งสอง คงจะบอกว่าไม่มีใครที่ดูด้อยกว่าใครเลย เพียงแต่จา พนมจะดูคล่องแคล่ว ว่องไว แต่บัวขาว เน้นการออกหมัดที่แม่นยำและหนักหน่วง จนอยากลุ้นให้สุดยอดนักบู๊ทั้งสองมาเผชิญหน้ากันดู มันคงจะเป็นการต่อสู้ที่มันเร้าใจสุดเหวี่ยงอย่างแน่นอน แต่อย่างนั้นบัวขาวเองก็ยังต้องพัฒนาในเรื่องการแสดงอยู่พอสมควร เพราะเวลามีบทพูดทีไร ก็เล่นแข็งเหมือนเด็กท่องจำบท ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก ต่างจากตอนต่อสู้ ที่แสดงได้พริ้มไหวแบบหาตัวจับยาก
ส่วนพลอตของเรื่องนี้วางง่ายๆ ดูหนัง 4k แต่ก็ไม่ดูน่าเบื่อมากมายนัก เพราะนายทองดีต้องเดินทาง เปลี่ยนสำนักอาจารย์ไปทั่ว แถมยังโดนราวีอยู่ไม่เว้น นี่ถ้าไม่มีเชิงมวยสุดแกร่งของบัวขาวมาช่วยก็คงจะต้องนั่งหาว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีพลอตบางช่วงที่ค่อนข้างน่าสนใจ อย่างเช่นตอนที่พระยาตากลองใจผู้กล้าที่ชนะการแข่งขันโดยการปลอมตัวเป็นโจรก็ทำได้ดี เล่นหลอกคนดูได้อย่างแนบเนียน มาหายใจโล่งคอได้ ก็ตอนเฉลยท้ายเรื่องนี่แหละ และฉากนี้เป็นฉากที่ค่อนข้างประทับใจเอามากๆ
สรุป : ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นความมันแบบจัดเต็ม ถ้าคุณเป็นคอหนังแอคชั่น ต้องไม่พลาดเรื่องทองดี ฟันขาว ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่หนังที่ลงทุนอะไรมากมายนัก แต่คุณภาพคับจอ และสนุกมากกว่าหนังฟอร์มใหญ่จากต่างประเทศอีกหลายเรื่องแบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว การลงจอเงินในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวบัวขาวในฐานะดารานักบู๊ดาวรุ่งคนใหม่ ที่อาจจะไปได้ไกลไม่แพ้กับจา พนมเลยทีเดียว