รีวิวหนัง ขุนบันลือ
รีวิวหนังไทย หลัง ๆ ต้องบอกว่ากลายเป็นกิมมิคประจำตัวของตลกแก๊งสามช่าไปแล้วกับเรื่องซุกเด็ก มีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่ต่างจังหวัด นอกจาก เท่ง โหน่ง แล้ว หม่ำเองก็มีประเด็นเรื่อง ‘คนที่เชียงราย’ ที่แก๊งสามช่าชอบเอามาอำกันใน ชิงร้อยชิงล้าน จนกลายมาเป็นไอเดียหนังคอเมดี้ครอบครัวในรูปแบบของพีเรียดย้อนยุค โดย ‘ขุนบันลือ’ นี้ รีวิวหนัง ขุนบันลือ หม่ำแกเหมาคนในครอบครัวมาเล่นหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นภรรยาในชีวิตจริง มด (เอ็นดู วงษ์คำเหลา) หรือว่า น้องมิกซ์ (เพทาย วงษ์คำเหลา) ลูกชายคนเล็กที่หลายคนคงเริ่มผ่านตาผลงานแร็พเปอร์อีสานมาพักหนึ่งแล้ว นอกจากคนในบ้านแล้ว ยังมีดาราตลกเข้ามาเสริมทัพความฮาได้น่าสนใจเลย ไม่ว่าจะเป็น โรเบิร์ต สายควัน, สุนารี ราชสีมา, นก เชิญยิ้ม และ ปลาคราฟ เชิญยิ้ม เรียกว่าได้ดูขุนบันลือ เหมือนได้ดูรายการชิงร้อยฯ ผสมกับก่อนบ่ายคลายเครียด มายำรวมกันบนโรง
สำหรับเรื่องราวของ ขุนบันลือ นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดใน พ.ศ. 2447 ยุคสมัยที่บ้านเมืองกำลังถกเถียงเรื่องการปลดแอกสัญญาทาส ขุนบันลือ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ได้รับมอบหมายให้ไปราชการที่ เมืองเชียงราย แต่ขุนบันลือเองกลับกังวลใจ เพราะถูก มด ทาสหญิงที่ขุนบันลือแอบมีความสัมพันธ์ด้วยจับได้ว่าท่านขุนแอบซุกใครบางคนอย่างลับ ๆ ไว้ที่เมืองเชียงรายมาก่อน ขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวของเพื่อนรักของท่านขุน ที่พาลูกสาวและลูกชายมาฝากให้ช่วยดูแลเนื่องจากต้องไปราชการที่ต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองก็กลับแอบปิ๊งบรรดาทาสในเรือนของท่านขุน ความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้นของคู่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จะหาข้อสรุปอย่างไร ท่ามกลางความรักที่ยุ่งเหยิงแบบนี้
ด้วยการตัวทีเซอร์หนัง มีจุดน่าสนใจตรงที่มาเซตฉากเป็นแบบย้อนยุค แอบให้ความรู้สึกควันหลงจาก บุปเพสันนิวาส หน่อย ๆ แต่เส้นเรื่องของแต่ละตัวละครไม่ได้มีอะไรที่หนังหยิบมาขยายอะไรแบบจริงจัง หนังไม่ได้โฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของ ขุนบันลือ กับหญิงสาวคนไกลที่เป็นปริศนามากอย่างที่คิด แต่จะวนเวียนอยู่กับเรื่องราวในชีวิตประจำวันมากกว่า แล้วก็ขยันปล่อยมุก 5 บาท 10 บาท บวกกับความตลกหน้าตายในแบบหม่ำสไตล์มาสร้างจุดขายเหมือนหนังของแกเรื่องอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าด้วยความที่มีนักแสดงรับเชิญหลากหลายมาสร้างสีสัน นี่คือจุดที่ช่วยพยุงหนังให้ดูเพลินได้เรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก ทุกอย่างดูสมูทกว่าที่คิด ที่หนังดูจะมีบรรยากาศที่ดี ไม่พยายามตลกเกินไป
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ตัวหนังมันไม่ได้มีเส้นเรื่องที่จะพัฒนาได้เป็นชิ้นเป็นอัน มันมีแต่ว่าชายหญิงแต่ละคู่เห็นหน้ามองตากันแว้บแรกแล้วปิ๊ง แล้วไปลงเอยกัน หรือไม่ก็มีปมที่เกี่ยวพันกันมาก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้เห็นกันเดินไปเดินมาในบ้านไม่คิดอะไร แต่พออยู่ ๆ ไปก็เกิดอารมณ์เปลี่ยว อารมณ์เหงา อารมณ์คัน (ฮา) ความผูกพันของตัวละครที่เป็นทาสในเรือนกับตัวขุนนางนั้นเลยไม่ค่อยจะมีมากอย่างที่ควรจะเป็น อีกทั้งหนังก็ไม่ได้จริงจังกับประเด็นเรื่องการเลิกทาสอีกเช่นกัน จริง ๆ ต้องบอกว่าหนังมีพลอตที่สามารถสร้างทางเลือกต่าง ๆ เข้ามาใส่ในเรื่องให้แข็งแรงขึ้นได้ และอาจครบรสมากกว่าหนังตลกที่มาในอารมณ์ตลกคาเฟ่สมัยก่อน หลายมุก หลายสถานการณ์มองดูก็รู้ว่ามาแบบด้นสด ไหลไปเรื่อย เหมือนดูตลกคาเฟ่คณะ ป๋าเทพ เล่น เพียงแต่ตัวมุกไม่ค่อยฉีก รวม ๆ เลยค่อนข้างจาง จะมีหักคะแนนหน่อยตรงที่จังหวะจะโคนไม่ค่อยดี จะไปงัด dirty joke มาใช้ซะส่วนใหญ่ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่อยู่คู่หนังหม่ำมาตลอด พอ ๆ กับหนังพชร์ แต่เข้าใจได้ว่ามันยังเวิร์กและเข้าถึงกลุ่มคนดูอีกกลุ่มนั่นแหละ
แม้ว่ามุกตลกรวม ๆ จะดูแกน ๆ จาง ๆ แต่ในช่วงท้าย หนังก็หมวดปมเข้าด้วยกันได้ดีในเรื่องครอบครัว อันที่จริงดู ๆ ไป นี่เหมือนกับจะเป็นหนังที่หม่ำเคลียร์ตัวเองประเด็น ‘คนเชียงราย’ ให้ชัด ๆ กับเมียแกเองมากกว่า (ฮา) ซึ่งก็เป็นความโรแมนติกแบบกระด้าง ๆ ตามสไตล์คนขี้เขินแบบแกเอง ดูหนังออนไลน์ ขณะที่น้องมิกซ์ ก็ได้ออกมาโชว์สกิลแร็พอยู่หลายซีน เพียงแต่ยังไม่ถึงกับฉายแววเมื่อมาอยู่บนจอเงิน อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม ขุนบันลือ สร้างความบันเทิงได้ในระดับที่ดูได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกติดขัดหรือรำคาญอะไรมากนัก รวมทั้งต้องชมว่าจุดหนึ่งที่ชอบคือเรื่องของการเก็บรายละเอียดในฉาก-เสื้อผ้าหน้าผม ทำได้ดีกว่าที่คิดเลยทีเดียว
เข้าฉายส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในโรงภาพยนตร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ขุนบันลือ ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ หม่ำ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หลังจากห่างหายไปนานกว่า 4 ปี นับจาก ทาสรักอสูร (2014) งานนี้ก็เป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะสามารถทำรายได้เทียบเท่าผลงานของลูกสาว เอ็ม บุษราคัม จาก ส่มภัคเสี่ยน (2017) ในแนวตลกที่กวาดรายได้ทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาทได้หรือไม่
ขุนบันลือ ว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัย รศ.๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) เมื่อ ขุนบันลือ ได้รับมอบหมายให้ไปราชการที่เมืองเชียงราย แต่ขุนบันลือเองกลับกังวลใจ เพราะถูก มด ทาสหญิงที่ขุนบันลือแอบมีความสัมพันธ์ด้วยจับได้ว่าท่านขุนเคยมีซัมติงกับซัมวันที่เมืองเชียงรายมาก่อน รวมถึงความชุลมุนวุ่นรัก เมื่อเพื่อนรักของท่านขุนพาลูกสาวลูกชายมาฝากให้ช่วยดูแลระหว่างที่ไปราชการต่างประเทศ และทั้งคู่กลับมีเรื่องชอบพอกับบรรดาทาสในเรือนท่านขุนซะอีก เรื่องราวความรักระหว่างชนชั้นจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เรียกว่าการกลับมากำกับและพ่วงตำแหน่งนักแสดงนำของ หม่ำ เพ็ชรทาย ครั้งนี้เรื่องราวของหนังก็ยังคงเป็นความตลกโปกฮาที่เป็นจุดขายของเจ้าตัวเหมือนเดิม คราวนี้ได้หยิบเอาเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับการนอกใจภรรยาไปมีเมียน้อยเชียงรายที่แก๊งตลกสามช่าอำกันจนหลายคิดว่าเป็นเรื่องจริงมาปรับเป็นบทภาพยนตร์หวังให้แฟนๆ ได้ฮากัน พร้อมด้วยการพาบรรดาคนในครอบครัวทั้งภรรยา ลูกชาย และน้องชายมาร่วมแสดง ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วก็ไม่ได้สร้างความสนุกเฮฮากันท้องคัดท้องแข็งได้มากอย่างที่คาดหวังไว้
ด้วยมุกตลกที่ปรากฏอยู่ในหนังนั้นไม่ได้มีความแปลกใหม่เลย ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นมุกเหล่านี้ในโชว์ตามรายการต่างๆ หรือภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของ หม่ำ เพ็ชรทาย จังหวะในการตบส่งมุกรวมก็ดูธรรมดาสร้างเสียงฮาได้เพียงน้อยนิดพอได้ขำในลำคอ ในส่วนของพล็อตเรื่องที่ดูเหมือนจะน้ำเน่าอารมณ์คล้ายละครย้อนยุคสมัยก่อน แม้จะมีการแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเป็นช่วงๆ ก็ไม่ได้ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น ดูๆ ไปก็แอบเบื่อเล็กน้อย และเชื่อว่าหลายคนน่าจะเดากันออกและมันก็ไม่สร้างเสน่ห์อย่างที่ควรจะเป็นเลย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตั้งความหวังเพื่อที่จะไปสนุกเฮฮากับ ขุนบันลือ นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากพอสมควร เหตุผลก็ดังที่กล่าวมาข้างต้นว่าหนังค่อนข้างจะซ้ำซาก แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากหวังดูเอาแค่เพลินๆ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะบางครั้งบางเรื่องราวก็อาจจะทำให้คนเราหัวเราะได้ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับภาพยนตร์เรื่องนี้
หนังตลกตามฟอร์มของลุงหม่ำ เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา …จริงๆ หนังน่าสนใจในการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของทาสในสมัยก่อน คำหยาบคายในเรื่องที่พ่นด่า สบถสร้างเสียงหัวเราะใส่กันในเรื่อง ก็คิดซะว่ามันกลมกลืนกับยุคสมัยเก่าที่คนโบราณพูดคำภาษาพ่อขุนรามล่ะกัน
รีวิวหนัง ขุนบันลือ
หนังเรื่องนี้ส่วนหนึ่งเลยที่เกิดขึ้นมา จากมุกแซวตัวหม่ำเองในรายการตลกที่มีแก๊งค์ 3 ช่าที่ล้อว่ามีเมียน้อยที่เชียงราย พอล้อเข้ามากๆ มันจุดติดเลยกลายมาเป็นพล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้
เพราะฉะนั้น หนังเรื่องนี้เลยมาในทางที่มุกตลกเกือบทั้งเรื่องมันล้อมตัวหม่ำ ดูหนัง กล่าวคือ… มีการแซวหม่ำ หยอกล้อหม่ำถึงเรื่องเมียน้อยที่เชียงรายในเรื่องนับครั้งไม่ถ้วน และการล้อหยอกแซวต่างๆ นานาเกี่ยวกับหม่ำชนิดที่เกร่อทั้งเรื่อง ก็ถือว่าสร้างเสียงขบขันได้พอประมาณ ส่วนมุกสถานการณ์หรือมุกอื่นๆ ก็ตามฟอร์มพี่หม่ำ มีทั้งความตลกจากท่าทางและความหลุดโลกต่างๆ ที่เล่นเอาคนดูหัวเราะหัวทิ่มหัวตำ (หรือเปล่านะ)
เนื้อเรื่องอย่าหวังซะให้ยาก แค่มีพล็อตหลักแค่นั้น แล้วให้สถานการณ์ตลกทั้งหลายเป็นตัวประคองเรื่องไปจนจบ นักแสดงตลกมีเยอะเช่นเดิม ทั้งตัวหม่ำเองและครอบครัวที่มาเล่นกันทั้งแม่ ลูก …แต่ถ้าถามว่าชอบใครมากสุดในเรื่อง เห็นทีเป็นโรเบิร์ต สายควัน ที่มองเลยว่าชั่วโมงนี้เขาเหมาะแก่การเป็นตัวแจมในหนังตลก มากๆ
ถ้าอยากจะดูอะไรที่ขำๆ ฮาๆ และไม่ต้องการเนื้อเรื่อง เรื่องราวอะไรให้มากความ จริงๆ เรื่องนี้ถือว่าพอได้ฮาได้เสียกันอยู่ แฟนคลับหม่ำก็มาอุดหนุนหนังเฮียเขาอีกได้ล่ะกัน อ้อ เพลงประกอบเพราะมาก นั้นคือส่วนที่ผมชอบมากๆ ครับ
เป็นอีกครั้งที่พี่หม่ำกลับมาเล่นเอง กำกับเอง กับหนังสไตล์ตลกเบาสมอง ซึ่งส่วนตัวแล้วมองว่ามันคือการผูกเรื่องของมุกตลกคาเฟ่ จะยิง 5 บาท 10 บาท ก็เอาหมด แนวๆเดียวกับละครชิงร้อยชิงล้านนั่นแหละ แค่มีรายละเอียดที่มากขึ้น มีการเชื่อมโยงเรื่องหลวมๆ ซึ่งมันก็จะไม่ใช่หนังที่มีบทตายตัวมากนัก ดูหนังออนไลน์ 4k หลายๆครั้งเลยทำให้บทพัง เพราะการกระโดดของฉาก (คือถ่ายซีนมุกไว้เป็นชอตๆแล้วตัดมาต่อกันเพื่อให้เก็บได้ทุกมุก และดูเป็นเรื่องเป็นราว)
หนังเรื่องนี้เองก็ไม่ได้หนีพ้นไปจากหนังในกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่พี่หม่ำ และคณะนักแสดงในหนังเรื่องนี้ล้วนตลก …หนังมันเลยตลก ซึ่งในส่วนของมุก มีหลายมุกที่ทำได้ดี ยิงเข้าเป้า บางมุกก็อาจจะแป้กไปบ้าง แต่รวมๆแล้วก็เป็นหนังที่ดูได้เพลินนะ เพียงแต่เราอาจจะต้องรู้จักพี่หม่ำดีประมาณนึง เพราะมุกที่เล่นในเรื่องนี้ก็จะวนๆแถวเชียงราย แถวๆครอบครัวพี่หม่ำ
คือถามว่ามันตลกมั้ย ผมว่ามันตลกนะ หลายๆชอตที่ยิงมานี่ฮาจริง แต่ถ้าคนไม่รู้ว่าเชียงรายคืออะไร พี่หม่ำมีประเด็นอะไรกับที่บ้าน ดูหนัง 4k ก็อาจจะงงๆ ไม่เกทมุกก็เป็นได้ครับ แต่ถ้าเกทกับเรื่องที่เค้าแซวๆพี่หม่ำกันบ่อยๆ ที่เหลือก็คือเข้าไปเสพความฮาล้วนๆ
โดยรวมมองว่านี่เป็นหนังตลกส่งท้ายปีที่เรียกเสียงหัวเราะได้ดี สำหรับคนที่ชอบตลกสไตล์พี่หม่ำครับ หลายมุกหลายตัวละครปูมาดี เพื่อมาขยี้มุกซ้ำทีหลังก็มี