รีวิวหนัง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 PART I
สโตร์ผัก ในฝันของ ป่อง เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โดยมีผู้ช่วยนักธุรกิจอย่าง จาลอด ช่วยงานอย่างขยันขันแข็ง เพราะอยากสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคงสมหน้าตา ครูแก้ว ฝ่าย พระเซียง ที่เพิ่งสงบจิตใจได้ไม่นาน กลับต้องมาใจสลายอีกครั้ง เมื่อ มืด มาบอกว่า ใบข้าว เสียชีวิตแล้ว ในขณะที่ เฮิร์บ อยากรู้เพศลูกตัวเองมาก จึงพา เจ๊สวย ไปถามหลวงพ่อที่วัดจนถึงไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าไม่ได้ลูกชาย กีโน ที่อยู่กินกับ แชมป์ เริ่มเพ้อฝันถึงอนาคตครอบครัวจนหลงลืมพี่สาวท้องแก่ที่คอยเป็นห่วง ส่วน โรเบิร์ต หลังจากถูก รีวิวหนัง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 PART I เดอะแก๊ง เอาไปปล่อยวัดแล้วก็ไม่มีใครรู้ชะตากรรมโรเบิร์ต จะสร้างความปั่นป่วนให้วัดหรือไม่ สโตร์ผักเฮียป่อง จะไปได้ไกลสักแค่ไหน จาลอด จะสร้างความมั่นคงเพื่อ ครูแก้ว ได้ไหม แล้ว พระเซียง จะตัดใจจาก ใบข้าว ได้อย่างไร ร่วมลุ้นหาคำตอบให้กับคำถามที่ยังคาใจ ว่า ทำไมใบข้าวถึงตาย? และเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาได้ใน ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2
หนังเป็นที่รู้จักอย่างแน่นแฟ้นกับแฟนคลับหนังคนไทบ้าน หนังม้ามืดที่ทำเงินเป็นบ้าเป็นหลังในภูมิภาคอีสานอันเป็นจุดยุทธศาสตร์ของหนัง ความสนุกและซื่อของหนังก็โด่งดังจนกลายเป็นป่าล้อมเมือง คนเมืองก็รู้จัก คนรักหนังไทยก็ติดตามดู ยิ่งเมื่อมีข่าวว่าภาค 2.2 นี้ไม่ผ่านเซ็นเซอร์ก็กลายเป็นชื่อที่ได้ยินกันไปทั่วทุกหัวระแหง ทั้งเว็บข่าว ทั้งเพจหนัง ซึ่งก็การันตีว่ามีคนติดตามและใส่ใจอยากดูอยู่ในทุกที่จริง ๆ โดยส่วนตัวขอยืนยันในความสนุกของหนังแม้จะฟังภาษาอีสานไม่เข้าใจทุกคำก็ตาม เพราะบทและการแสดง รวมถึงทีมงานที่สรรค์สร้างใส่ความจริงใจให้กับหนังจนเราสัมผัสได้เต็ม ๆ เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ดูราคาเต็มก็ไม่เสียดายเลย ดูหนังออนไลน์ 4k
รีวิวหนัง ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 PART I
หนังกลับมาเล่าย้อนแบบเนียน ๆ ถึง ปัญหาของตัวละครแต่ละกลุ่มเผชิญอยู่ ไม่ว่าจะ มืด น้องชายวัยรุ่นของจาลอดที่รักสาวแต่สาวไม่สนใจ จาลอดที่ลงแรงกับป่องหวังตามฝันเป็นนักธุรกิจใหญ่ได้รับการยอมรับจากทางบ้านของแฟนสาวและด้านป่องก็อยากลบคำสบประมาทของพ่อตัวเองที่ว่าทำอะไรไม่สำเร็จ และตัวหลักในภาค 2 ที่พระเซียงหนีรักมาบวชต้องเข้าไปช่วยเพื่อน ๆ แต่ละคน ทั้งยังต้องปลงใจตัวเองให้ลืมแฟนเก่าอย่างใบข้าวที่ท้องและแต่งงานกับคนอื่นไป จนท้ายภาค 2.1 ที่พระเซียงต้องรับรู้ว่าใบข้าวตาย ก็ทิ้งเป็นปมใหญ่ที่ช็อกคนดูและอยากทราบความเป็นไปมากที่สุดด้วย

รีวิวหนังไทย อย่างที่บอกว่าหนังเล่าย้อนเนียนมากจนไม่แน่ใจว่า 20 นาทีแรกมีสัดส่วนของภาคเก่าขนาดไหน และปมใบข้าวตายก็ถูกย้อนความไปก่อนหน้านานอยู่ จนเราต้องเฝ้ารอว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบข้าว และพระเซียงจะรับมืออย่างไร ซึ่งกว่าจะไปบรรจบกับตอนจบภาคแรกก็เกินครึ่งเรื่องหลังไปแล้ว แต่ระหว่างทางก่อนนั้นหนังก็ยังสนุกด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ที่เรายังไม่เห็นในภาค 2.1 และยังมีการพัฒนาเรื่องราวความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละครอย่างเห็นได้ชัดขึ้น มีมุกขำ ๆ ให้ดูให้ฟังกันตลอดจนไม่รู้สึกหงุดหงิดที่หนังย้อนความไปเสียไกลขนาดนี้ ทั้งที่ตั้งใจมารอดูเต็มที่ว่าหลังใบข้าวตายพระเซียงจะทำอย่างไร
หนังยังโดดเด่นในการถ่ายทำที่ได้อารมณ์ความเป็นบ้านนอกขนานแท้ แต่ก็เป็นบ้านนอกแบบมีความสุข ความเรียบง่าย แสงอุ่น ๆ การถ่ายมุมกล้องที่สวยงามและก็ดูจริงไปพร้อมกัน ทั้งบทและนักแสดงตัวหลักตัวประกอบก็ยังคงคุณงามความดีจากเดิมมาอย่างไม่มีตก ทุกอย่างง่ายดายมากที่ผู้ชมจะตกเข้าไปสู่ห้วงของตัวละครราวดกับเราเป็นเพื่อนสนิทของพวกเขาอีกคน ความรู้สึกใด ๆ ที่พวกเขารู้สึก เราก็รับรู้ได้ราวกับเป็นเรื่องของเรา ทั้งนี้เพราะบทหนังนั้นล้วนแต่นำสถานการณ์ที่ครั้งหนึ่งเราอาจต้องเคยผ่านมาในชีวิตจริงทั้งสิ้น ทั้งความรัก ความผิดหวัง การสูญเสีย นี่จึงเป็นข้อเด่นอีกประการ นอกจากการนำเสนอความเป็นท้องถิ่นอีสานแบบโซเรียล (เรียลขนาดว่าพิธีการทำศพแบบบ้านนอกทำเอากระอั่กกระอ่วนไม่เบา) ที่ทำให้ไทบ้านเป็นหนังที่ทุกคนเป็นเจ้าของจับจองห้วงอารมณ์ได้

สิ่งที่รู้สึกว่าหนังควรต้องใส่ใจกว่านี้มีอยู่บ้างตรง ซับภาษาไทยภาคกลางที่แปลจากคำพูดชาวอีสาน ยังแปลได้ไม่สะเด็ด อาจเพราะกลัวหยาบโลนไปถ้าแปลตรงตัว แต่ก็คิดว่าน่าจะหาคำที่มันได้อารมณ์เสียงอีสานมากกว่านี้ เพราะหนังก็มีความเป็นวัยรุ่นอยู่แล้ว อย่างคำว่า สี หนังก็แปลว่ามีเพศสัมพันธ์ ซึ่งทำให้บริบทที่ตัวละครสบถประชดประชันดูประหลาดไม่ได้อารมณ์ จะใช้คำวัยรุ่นที่ไม่ชัดเจนอย่าง ฟีท(เจอริ่ง) หรือ เย ก็อาจจะได้อารมณ์กว่า
นอกจากนี้ซับยังสร้างการรับรู้การสะกดคำผิด ๆ อยู่หลายคำ ที่สะดุดใจเป็นพิเศษคือ โอกาส ที่หนังเขียนผิดแบบวัยรุ่นที่มักเขียนผิดกันประจำว่า โอกาศ ซึ่งอาจทำให้เด็กที่ดูเข้าใจไปว่าที่เขียน ศ สะกดถูก เป็นต้น
หมอปลาวาฬ ก็ได้ฟิฟิล์มจากภาค 1 มาแสดงอีกครั้งหลังจากภาค 2.1 เปลี่ยนคนไปเป็นน้องรี่แสดงแทน
และตอนท้ายที่บอกว่าไม่หนำใจ เพราะเอาจริง ๆ เรื่องคืบหน้าจากภาค 2.1 ไปน้อยมาก แต่รายละเอียดที่เพิ่มมาก็พอพยุงหนังให้ดูสนุกจนให้อภัยได้ และที่สำคัญหนังจบลงด้วยความอยากรู้อยากดูเข้าไปอีก แม้หลายปมจะคลี่คลายหรือเราพออนุมานได้ว่าจะลงเอยอย่างไร แต่ปมที่หนังทิ้งระเบิดลงหนัก ๆ ในตอนจบแบบพลิกบรรยากาศให้เสียวสันหลังขึ้นทันทีทันใด ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นจนอยากรอดู ก้าวต่อไปของทีมงานมาก ๆ ว่าจะนำผู้ชมไปสู่หนัง สัปเหร่อ ที่จะมาแนวใหม่นี้ได้สนุกขนาดไหน และถ้าสำเร็จก็บอกเลยว่าหนังจะเป็นหนังผีตลกที่น่าสนใจ และอาจช่วยสร้างบรรทัดฐานของหนังผีตลกฉบับไทยให้ดูดีขึ้นอย่างมาก ๆ ครับ
หนังพัฒนาโตขึ้นจากภาคเก่ามากกก จนเกือบตั้งตัวไม่ทัน มันไม่ใช่หนังวัยรุ่นไม่ประสาโลกอีกแล้ว แต่เป็นหนังคนที่เผชิญความทุกข์หนัก ๆ ด้วยรอยยิ้มด้วยเสียงหัวเราะแทน ใครอกหักหรือสูญเสียสิ่งที่รักควรดูมาก ๆ
ไทบ้านเดอะซีรีส์ คือหนังอีสานอินดี้ (ในแง่เงินทุน แต่เนื้อหาตลาดตลกมาก) เมื่อต้อนปีก่อน หนังคือเซอร์ไพร้สฮิตแบบป่าล้อมเมือง เริ่มจากตีหัวเมืองฝั่งอีสานก่อกระแสปากต่อปากจนในที่สุด โรงหนังต้องเอาเข้ามาฉายให้คนกรุงได้ดูกันจนได้ และหลังจากหลายคนที่พลาดดูในโรงไป เมื่อหนังลงแผ่นก็กลายเป็นกระแสความสนใจ และเสียงบ่นเสียดายที่ไม่ได้ไปดูในโรงตั้งแต่แรกของหลาย ๆ คนด้วยเช่นกัน ครั้งนี้ทีมงานชุดเดิมได้กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวที่ต่อจากภาคที่แล้วเลยใน ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 ซึ่งจะออกฉายแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2 Part I และกลางปีนี้ในชื่อ ไทบ้านเดอะซีรีส์ 2.2

ย้อนความจากภาคที่แล้วเล็กน้อย เพราะหนังแทบไม่เกริ่นเนื้อหาเดิมให้เลย จาลอด พระเอกคนซื่อที่ฝึกวิชาเจ้าชู้จากเพื่อนอย่าง เซี่ยง แบดบอยประจำหมู่บ้าน เพื่อหวังจะมีแฟนกับเขาสักคน จนมีสาวมาติดมากหน้าหลายตา เช่น แนน ลูกสาวเศรษฐี และ หมอปลาวาฬ อนามัยสาวประจำตำบล แต่แล้วที่สุดเขาก็เลือกตกลงปลงใจกับครูฝึกสอนอย่าง ครูแก้ว ในภาค 2 นี้ จาลอดก็เริ่มแอบใช้ชีวิตตู่ร่วมกับครูแก้วโดยที่พ่อฝั่งสาวเจ้ายังไม่รู้เรื่อง และหนังเริ่มแบ่งพื้นที่ไปให้ตัวละครอื่น ๆ ได้อย่างสนุกและแปลกใหม่ขึ้น
ทั้ง เซี่ยง ที่ภาคนี้เขาแทบจะเป็นตัวเอกแทนเลย จากแบดบอยประจำหมู่บ้าน เขาพบความอกหักจากใบข้าวแฟนสาวที่แอบไปแต่งงานกับชายอื่น จนเขารับไม่ได้ต้องหนีไปบวชเพื่อรักษาหัวใจ หลวงพี่เซี่ยงยังต้องเป็นที่ปรึกษาให้เพื่อนมากฝันอย่าง ป่อง ที่ล้มเลิกความคิดทำร้านเซเว่นและหนีออกจากบ้านมาพึ่งกำลังตนเองพิสูจน์ว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ แต่ก็นั่นล่ะธุรกิจสโตร์ผักที่เขาตั้งใจไว้ก็ดูฝันเฟื่องเหลือเกิน ในขณะที่ จาลอด ดูหนัง
ภาคนี้อาจไม่มีบทบาทสำคัญแต่เราก็จะได้เห็นชีวิตหลังจากคบกับ ครูแก้ว แล้ว เขาต้องหางานรายได้พอมาจุนเจือครอบครัว อีกทั้ง มืด น้องชายก็เริ่มริจีบสาวและเรียกร้องเงินจากพี่ชายมากขึ้นด้วย ส่วนอีกฝั่งหนึ่งหนังก้พาเราไปแวะเวียนเยี่ยมชีวิตของ เฮิร์ป ฝรั่งหนุ่มที่มาติดพัน เจ๊สวย จนมีลูกด้วยกันและไม่ยอมกลับประเทศ ส่วนน้องสาวของเจ๊สวยก็เริ่มมีหนุ่มมาติดพันให้เจ๊สวยเหนื่อยใจ ไหนจะ โรเบิร์ด ที่เจอวิบากกรรมในชีวิตตั้งแต่ต้นเรื่องจนกลายเป็นคนบ้าที่ทั้งป่วนทั้งน่าสงสารจับใจ ดูหนังออนไลน์
ความตลกอาจลดลงนิดหน่อย เพราะหนังดูให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากขึ้น ซึ่งทำได้ดีเลยล่ะ เพราะมันอิ่มขึ้นดูจับหัวใจเราได้มากกว่าเดิมด้วย จุดแข็งของหนังยังคงเป็นความเด็ดดวงในการกำกับตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างมีสีสันและน่าเชื่อว่ามีอยุ่จริง ความธรรมชาติแบบชีวิตจริงมาก ๆ ทั้งวิธีการแสดงและบริบทการดำเนินชีวิตก็เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่สร้างหนังอีสานเรื่องนี้โดดเด้งเหนือหนังตลกดาด ๆ ตีหัวเข้าบ้านทั่วไป ต้องยอมใจทั้งผู้กำกับและมือเขียนบท ตลอดจนทีมนักแสดงว่าทำได้ไงขนาดนี้ มันถ่ายทอดอารมณ์ได้พุ่งตรงใส่คนดูมาก ๆ ยิ่งการแสดงของพระเซี่ยง กับโรเบิร์ด นี่คือการแสดงที่เหนือไปอีกชั้นแล้ว คือจะเอาชื่อเข้าชิงดาราสมทบชายยอดเยี่ยมนี่ก็สมศักดิ์ศรีเลยล่ะ
อีกอย่างที่อยากพูดถึงในส่วนโปรดักชั่นคือการเคลื่อนกล้องที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ฉากลองเทคที่โชว์ฝีมือแบบเหนือ ๆ ก็ทำให้เราเห็นว่ามันสร้างสรรค์นะ ไม่ได้แค่ถ่าย ๆ ไป ส่วนข้อด้อยงานภาพคงเป็นเรื่องของการจัดแสงที่ใช้ไฟอัดทั้งฉากแบบละครช่อง 7 มากไปจนดูไม่ธรรมชาตินัก
ส่วนเรื่องเพลงที่เป็นไม้ตายประจำของหนังชุดนี้ แม้จะไม่ได้มีมากมายและแทบจะปล่อยหมัดมาเกือบหนังจะจบ แต่ต้องบอกว่าเป็นหมัดน๊อกกันเลยทีเดียวล่ะ เพราะวิธีการใช้เพลงก็ไม่ธรรมดา แถมเนื้อหาเพลงยังพอดีกับจังหวะหนัง คือโดนไปเต็ม ๆ ส่วนที่ยกให้เป็นท่าใหม่ของหนัง แถมเป็นท่าที่ยกระดับหนังไปสู่หนังรางวัลคือ ความเซอร์ไพร้สเรื่องความทุกข์ยาก วิบากกรรมของชีวิตที่แต่ละตัวละครต้องเจอไม่ต่างจากชีวิตคนจริงๆ ที่เราเจอจับต้องได้ มันคือรสชาติที่ตราตรึงใจ บอกเลยว่าแค่ฉากเปิดเรื่องก็ทำเอาเหวอแล้วจริง ๆ ดูหนัง 4k
จุดด้อยหลักคงเป็นความล้นบ้างหลายฉากที่ไม่จำเป็นของหนัง ที่ทำให้หนังลากยาวไปถึงสองชั่วโมง แม้เราจะดูเพลินมาก ๆ ก็เถอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าหนังนานไปนิด อีกอย่างคือคนดูควรมีพื้นจากภาคแรกมาด้วยถึงจะเข้าใจเนื้อหาเพราะอย่างที่บอกว่าหนังไม่ค่อยเกริ่นความเดิมนัก ส่วนความตลกยังมีมุกขำ ๆ และรอยยิ้มเรี่ยราดกระจัดกระจายทั้งเรื่องเช่นเดิม ยิ่งถ้าฟังสำเนียงอีสานสด ๆ ได้รุ้เรื่องจะสนุกกว่าอ่านซับไทยอีก 1.5 เท่าเลยทีเดียว