รีวิวหนัง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน
เดิมทีบทหนังเขียนโดย คิม มินยอง กับ ชเว จินวอน นักเขียนบทชาวเกาหลี ซึ่งทางโปรดิวเซอร์อย่าง โยนู ชเว ก็เลือกมาพัฒนาบทกับทางซีเจ เมเจอร์และเวิร์คพอยต์ โดยให้ทาง วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้กำกับยอดมนุษย์เงินเดือนและรายการดังของเวิร์คพอยต์มากำกับ ซึ่งจุดเด่นที่สุดของไอเดียเรื่องคงหนีไม่พ้นทัศนคติแบบแอนตี้โรแมนติกของตัวละคร แทน รีวิวหนัง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน ที่คำนวนทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ความรัก ซึ่งหากทำได้ถึงเชื่อว่านี่น่าจะเป็นหนังโรแมนติกพลอตก้าวหน้าสไตล์เกาหลีเทียบเคียง My Sassy Girl (2001) ได้เลย แต่น่าเสียดายว่าพอเดินทางมาเป็นหนังไทย ตัวหนังกลับกลายร่างเป็นเพียงหนังโรแมนติกเล่าเรื่องธรรมดาผสมกราฟิกให้พอตื่นตาสไตล์หนังอย่าง รีวิวหนังไทย Stranger Than Fiction (2006) เท่านั้นเอง โดยหนังดันไม่ลงลึกหรือเล่นกับรายละเอียดประกันมากพอว่ารูปแบบการชำระเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่บริษัทจะให้เป็นแบบไหนถ้าเลิกกันก่อน2ปี รู้แค่ว่ารักให้ถึง 2 ปีประกันจะคืนผลตอบแทนให้ 30% และพอรายละเอียดไม่มากพอความน่าเชื่อถือก็ลดลง ทีนี้การนำมาเชื่อมโยงกับปมปัญหาที่ว่าความรักคนเรามีอายุแค่ 2 ปีจริงเหรอ? เลยไม่ทำงานกับคนดูอย่างที่มันควรจะเป็นนัก
รีวิวหนัง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน
โดยบาดแผลสำคัญคงหนีไม่พ้นการที่หนังดันไปเน้นที่ มิชชั่นในการตามเคสประกันมากกว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างแทนกับจี๊ดที่กว่าหนังจะคิดได้ก็ปาไปครึ่งเรื่องแล้ว แถมเคสแต่ละเคสก็ยังเป็นเคสเดาง่ายๆ แม้จะพลิกบ้างเช่น แม่สามีกับลูกสะใภ้เน็ตไอดอล คุณหมอเจ้าของร้านกาแฟกับกัปตันที่ฝ่ายหญิงดันมีอดีตกับแทน (แต่ดูแถให้เกี่ยวข้องกันมากเลย) หรือจะเป็นเจ๊เจ้าของร้านเครื่องสำอางกับเทรนเนอร์ฟิตเนส เพื่อพิสูจน์ว่า ทัศนคติของสังคม,ดูหนัง อดีตของคนรัก หรือแม้แต่วัย จะชนะอุปสรรคของความรักได้หรือไม่ แน่นอนละว่าหนังโลกสวยพอจะให้ทุกเรื่องราวจบลงอย่างแฮปปีเอนดิงอยู่แล้วแต่กลับไม่ได้ทำให้คนดูเชื่อหมดใจเหมือนหนังโรแมนติกดีๆสักเรื่อง ซ้ำร้ายเรายังรู้สึกว่าบทหนังมักง่ายที่ไม่ได้เจาะลึกหรือให้มิติกับปัญหาความรักในปัจจุบันนักทั้งที่คอนเซปต์ของเรื่องสามารถเดินไปสู่การวิพากษ์ปมปัญหาความรักในยุคดิจิทัลที่ยังคงมีเรื่องความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยมไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วนในครึ่งหลังที่หนังเริ่มมาเล่าความสัมพันธ์ของ แทน กับ จี๊ด ก็ดันมาแบบงงๆ โดยสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างประทับใจกัน คนดูได้แต่สงสัยว่า เฮ้ย! แกมองกันไม่ออกตั้งแต่แรกเหรอ แถมการวางปมอุปสรรคช่วงท้ายยังเหมือนดูยัดเยียดให้หนังหักมุมสไตล์หนังเกาหลีที่ต้องการให้คนดูสัมผัสรสเศร้าก่อนจะปลอบประโลมภายหลัง แต่ขอโทษเถอะ ด้วยความที่หนังเล่าด้วยจังหวะที่ไม่คงเส้นคงวาทั้งเรื่อง แถมผู้กำกับยังไม่แม่นยำในแนวหนังที่ตัวเองกำลังทำ เลยยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่หนังวางไว้นัก แถมช่วงท้ายที่พยายามเอาคอนเทนต์ RAP IS NOW หรือ แรปอิสนาว ของเวิร์คพอยต์เองมาเป็นจุดพลิกผันของเรื่องยังทำให้เห็นความไม่พร้อมของนักแสดงในการเพิ่มทักษะที่หวังให้เป็นเสน่ห์ตัวละครจนพระเอกดูเอ๋อไปเลย
พูดถึงนักแสดง ปั้นจั่น ปรมะ ไม่ได้แสดงแย่อะไร แต่เหมือนบทไม่ค่อยส่งเขาแต่แรก ดันให้มาโชว์เท่ตอนท้ายองก์ 2 ซึ่งถือว่าช้าเกินไป แถมบุคลิกร้ายๆของเขาในตอนแรกยังไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าที่ควร ส่วน เอสเธอร์ ต้องบอกว่ารูปทรัพย์ช่วยเธอไว้ได้เยอะ เมื่อบทดันไม่ค่อยให้โอกาสเธอได้เล่นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันแต่แรก แต่ครึ่งหลังนี่หลายซีนทำเอาหนุ่มๆละลายได้เหมือนกัน ตรงข้ามกับนักแสดงสมทบอย่าง อุล ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา ที่เวิร์คพอยต์ปั้นมาอย่างดี และเขาก็ขโมยซีนชาวบ้านซะเยอะ แถมให้มุกฮาๆกับเรื่องเยอะเลย นอกนั้นการปรากฎตัวของ เป้กกี้ ศรีธัญญา หรือ แรปเอก ก็ทำให้หนังมีสีสันไม่แห้งแล้งเกินไปได้ดี แต่ยังเทียบไม่ได้กับ ป้าแจง วราพรรณ หงุ่ยตระกูล อดีตนักแสดงสังกัดแดสเอนเตอร์เทนเมนต์ที่มาในมาดคุณหญิงแม่ไม่ปลื้มลูกสะใภ้เน็ตไอดอลได้มีสีสันและให้การแสดงสุดคมคาย
เรามักจะได้ยินประโยคที่ว่า “เพราะชีวิต คือความไม่แน่นอน” อยู่บ่อยครั้ง เราอาจจะพบว่าคนรู้จักรอบตัวเรา ป่วย ไม่สบาย หรือแม้กระทั่งเสียชีวิตไปโดยที่ ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว ความไม่นอนดังกล่าวทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทประกัน ที่ออกกรมธรรม์ต่างๆ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของชีวิตเหล่านั้น เพียงเพราะผู้ซื้อประกันจะได้รับเงินชดเชย หรือกระทั่งการดูแลในยามที่เราประสบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
กรมธรรม์รักสองปีทวีทรัพย์ ในหนังเรื่อง “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)” เริ่มมาจากตัวละครอย่างแทน (ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโณทัย) นักคณิตศาสตร์ประจำบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่คิดว่า “ความรักนั้นมีวันหมดอายุ” ไม่ต่างอะไรจากอาหาร ประกอบกับการที่เขาถูกแฟนสาวของตัวเองบอกเลิก ไอเดียที่ว่า ถ้าหากผู้ถือกรมธรรม์ที่คบหาดูใจหรือแต่งงานกันในระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 2 ปี พวกเขาจะได้รับเงินต้นคืนเต็มจำนวนและดอกเบี้ยอีก 30% ความเชื่อมั่นในเชิง “สถิติ” จากการสำรวจอัตราการหย่าร้างของคนไทย ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่า กรมธรรม์นี้จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
แม้ว่าบอร์ดบริหารอาจจะยังคงกังขากับกรมธรรม์นี้ แต่แทนก็ได้ตั้งสมมติฐานเป็นกราฟที่แสดงจุดตัดแกน X และแกน Y ระหว่างคนที่รักกันและคนที่เลิกกัน ในระยะเวลาหนึ่ง และความบังเอิญ (ตามแบบฉบับหนังโรแมนติกคอมเมดี้) เมื่อจี๊ด (เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา) หญิงสาวที่ย้ายงานมาจากบริษัทหาคู่ได้กลายมาเป็นลูกทีมของแทนเพื่อรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับกรมธรรม์ แน่นอนว่าทั้งสองคนกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันในตอนแรก
ความน่าสนใจของ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)” อยู่ตรงประเด็นที่ว่า ระหว่างทางของเรื่องที่หนังทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างแทนและจี๊ด ในมุมมองของความรักที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาได้เจอกับเคสต่างๆ ของลูกค้าประกันรักสองปีทวีทรัพย์ ที่มีทั้งรัก ทั้งผิดหวัง สับสนในความสัมพันธ์ ทั้งสองก็เริ่มกลับมาสำรวจแง่มุมความรักของตัวเอง และตกผลึกทีละเล็กทีละน้อย เริ่มทำความเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
ตัวหนังเองค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำให้เราเชื่อไปกับโลกของตัวละครในเรื่อง ที่ไม่ว่าจะดู “เสมือนจริง” แค่ไหนก็ตาม แต่ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน” ก็ยังอยู่ในหมวดหมู่หนังรักแฟนตาซี ที่มีหลากหลายรสชาติของความรัก แต่ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ทำให้คนดูฉุกคิดได้เหมือนกันว่า ในทุกการตัดสินใจกับความสัมพันธ์ระหว่างคนเรานั้น จำเป็นแค่ไหนกันที่จะหยิบเอาข้อมูล “สถิติ” ของคนอื่น มาตัดสินความสัมพันธ์ของเราเอง ในเมื่อความรักนั้นเป็นเรื่องของคนแค่สองคน หาใช่คนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลก
1.บริษัทจัดหาคู่ VS ประกันที่หากินการเลิกราของคู่รัก
จี๊ดบอกว่าแทนหากินกับความรักของคนอื่น แต่จริงๆแล้วตัวของจี๊ดเองก็หากินกับความรักของคนอื่นเหมือนกัน ในมุมของแทนที่หนังนำเสนอ ถ้าคนเลิกกันจะบริษัทจะได้กำไร แต่ของจี๊ด ถ้าคนรักกัน ก็จะได้เงินจากการจัดหาคู่ แม้จะเป็นสองอาชีพที่ต่างกันสุดขั้ว แต่ก็ดันเหมือนกันตรงที่ได้เงินจากความสัมพันธ์ของคู่รักอื่นๆ
ความขัดแย้งกันของแทนและจี๊ดหนักข้อขึ้นเมื่อ จี๊ดพลาดในการตรวจสอบประวัติของคู่รักรายหนึ่ง และจับพลัดจับผลู ถูกส่งมาทำงานเป็นลูกน้องของแทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่บอกว่าแทนกินส่วนต่าง หากินกับความรักนั้น ก็เป็นเงินเดือนของพนักงานทุกคน และตัวจี๊ดเองนั่นแหละ
ยังไงก็ตามจี๊ดก็ยังคงเป็นจี๊ด ที่พยายามบอกให้คู่รักทุกคู่ไม่เลิกรากัน แม้ว่าจะดูขัดแย้งกับผลกำไรของบริษัท และสวนทางกับแทนซึ่งเป็นหัวหน้า แต่ฉากที่จี๊ดบอกให้ป้าโบท็อกซ์ยกเลิกกรมธรรม์ เพราะป้าน่าจะถูกหลอกจริงๆ ก็ทำให้เห็นว่าจี๊ดเองก็ไม่ได้โลกสวยขนาดที่จะให้ทุกคู่อยู่รักกันยืนยง ถ้าความสัมพันธ์นั้นมีแนวโน้มจะไม่ดี ดูหนังออนไลน์ 4k
ในความคิดเห็นของผมการกระทำของจี๊ดที่ดูสวนทางกับแทน กลับทำให้แบบประกันนี้น่าซื้อมากขึ้น เพราะเธอเป็นเหมือนกาวใจ ที่คอยประสานให้ทุกคนคิดดีๆก่อนตัดสินใจเลิกกัน และสมกับการเป็นประกันความรักจริงๆ (เป็นบริการยั้งสติก่อนเลิกรัก) ผมคิดว่าสำหรับลูกค้า มันดูน่าสนใจกว่าตอนที่แทนลุยเดี่ยวให้ลูกค้ารีบๆเซ็นเพื่อผลกำไรบริษัทเพียงอย่างเดียว
และในฐานะที่ผมอยู่ในวงการประกัน จริงๆแล้ว ตำแหน่งหน้าที่แบบจี๊ดที่ไม่อยากให้ลูกค้ายกเลิกกรมธรรม์นั้น มีอยู่ในทุกส่วนงานในบริษัทประกัน ดูหนังออนไลน์ เพราะการที่ลูกค้ายกเลิกก่อนเวลานั้น โดยปกติลูกค้าจะเสียเปรียบมากกว่าลูกค้าอยู่ต่อให้ครบกำหนด ไม่ต่างกับในหนังที่ลูกค้าจะอดได้ผลตอบแทน 30% (รายละเอียดตรงนี้ ถ้าให้ลงรายละเอียดคือเล่ากันยาว) เว้นแต่ว่าลูกค้าจะมีเหตุผลทางการเงินอื่นๆ สำหรับในหนังเรื่องนี้ การขอยกเลิกประกัน ก็ดูจะเป็นเหตุผลเรื่องของความรัก ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้ในหนังราวกับล้อมาจากประกันของจริงเลยทีเดียว
2.หลากความรักของตัวละครสมทบ
ว่าที่แม่สามีเจ้าระเบียบกับว่าที่สะใภ้เนตไอดอล – ความรักที่ไม่มีการปกป้องและให้เกียรติคู่ตัวเอง สุดท้ายก็ไปอยู่ไม่รอดอยู่ดี แม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้เอาเรื่องเอาราวก็ตาม แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ทนอยู่กับฝ่ายชายแล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งฝ่ายหญิงเองก็โกหกฝ่ายชาย ผมมองว่าเคสนี้ผิดทั้งคู่ เลยอาจเป็นเหตุให้ช่วงท้ายยังกลับมาลงเอยด้วยกันได้อยู่
นักร้องหนุ่มกับแฟนสาวที่เกิดอุบัติเหตุ – คู่นี้แม้จะไม่ได้อินมาก เพราะปูความสัมพันธ์น้อย แต่ด้วยรายละเอียดแล้ว ผมรู้สึกว่ามันเป็นภาพสะท้อนของการเลิกกันโดยไม่คิดให้ดีก่อน บางครั้งความรักของคนสองคน มันย้อนกลับมาทำร้ายกัน ทั้งๆที่ยังรักกันอยู่ ตอนที่ฝ่ายชายรับโทรศัพท์ที่เห็นชื่อฝ่ายหญิง ยังใช้นำเสียงไม่พอใจ แต่พอรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุ ฝ่ายชายกลับเป็นคนที่ตัดใจจากเธอไม่ได้ และนึกย้อนกลับไปว่าไม่เคยทำเรื่องอะไรดีๆให้กับเธอเลย
หมอหญิงเจ้าของร้านกาแฟ กับนักบินหนุ่มอนาคตแรง (เพราะเส้น?) – หนังปูมาเหมือนความรักคู่นี้เกิดขึ้นและผู้ชายใช้เส้นสายผ่านหมอหญิงเพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และเคยมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่เมื่อดูถึงตอนจบแล้ว เรากลับพบว่าทั้งหมดอาจเป็นเพียงละครเพื่อให้หมอหญิงได้กลับไปพบกับแทนอีกครั้ง ดูหนัง 4k
หนุ่มขี้ระแวงกับสาวนอกใจ – คู่นี้แอบหักมุมเพราะคิดว่าหนุ่มคนนี้ขี้ระแวงไปเอง แต่ที่ไหนได้ ดันมีการนอกใจเกิดขึ้นจริง และทำให้จี๊ดพบความจริงว่าแฟนของตัวเอง แม้จะพูดคำหวานมากมาย แต่ก็มีพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน
เจ๊โบท็อกซ์ กับหนุ่มล่ำกล้ามปู – คู่นี้ผมแอบมองย้อนกลับไปที่จี๊ดมากกว่า เพราะนี่คือจุดที่หนังแสดงให้เห็นว่าจี๊ดแคร์ความปลอดภัย ความรู้สึกของเจ๊มากกว่าการเอาชนะแทน เมื่อความรักที่เจ๊มี ดูจะเป็นการหลอกลวง จี๊ดเลยแนะนำให้เลิกมากกว่าให้รักกันต่อ แต่เมื่อดูหนังจนจบ เราก็พบว่าจริงๆแล้วทั้งสองก็ยังดูกลับมารักกันดีได้อีกครั้ง บางทีการถูกหลอกหรือไม่ถูกหลอก มันอาจจะอยู่ที่ว่า ณ ขณะนั้นเจ๊แกมีความสุข และหนุ่มล่ำก็มีความสุขรึเปล่า ถ้าพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ก็อาจจะรักกันจริงๆก็เป็นได้
ลุงกับป้าร้านอาหาร – ในบรรดาตัวประกอบ ผมคิดว่าผมชอบคู่นี้มากที่สุด และในตอนท้ายคุณลุงก็พร้อมจะปล่อยอีกฝั่งไปกับลูกหลาน โดยไม่เอ่ยคำรั้งไว้สักคำในตอนจบ คือเป็นการยอมเลิกกันเพราะรักกัน ไม่อยากให้ป้าลำบากใจที่จะต้องเลือก และเข้าใจว่าป้าก็ต้องอยากไปอยู่กับลูกหลาน แอบคิดว่าพลอตของคู่นี้ในช่วงท้าย คล้ายเรื่อง ความจำสั้นแต่รักฉันยาวของ GTH แต่ก็มีมุมมองที่ต่างออกไปนิดหน่อย ซึ่งหนังใส่คู่นี้มาก็ทำให้เห็นว่าแทนเองก็ไม่ได้อยากให้คู่ลุงป้าเลิกกัน ทั้งๆที่เป็นคู่ที่มีผลกับการประเมินแบบประกันของแทนอันเป็นมุมที่กลับข้างกันกับจี๊ดที่เล่าไปในส่วนของเจ๊โบท็อกซ์