รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน

หลัง ผิผ่วน (ป๊อปปี้-ชนม์นิภา วิเศษสุด) พยาบาลดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ช้ำรักจากแฟนหนุ่ม ก็มี 2 หนุ่มหล่อมาตามจีบทั้ง จิหล่อ (หมอริท – เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช)เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่ขยันเอาข้าวผัดไข่ดาวมาตามจีบให้เธออิ่มท้อง และ สีโห (เต๋า – เศรษฐพงศ์ เพียงพอ) หนุ่มผู้บริหารโรงงานปลากระป๋องสุดโรแมนติก แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ผิผ่วน กลับยังลืมรักครั้งเก่าไม่ได้ แล้วใครจะมาดามหัวใจผิผ่วน งานนี้เนื้อคู่ รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน อาจกลายเป็นเนื้อคี่ งานนี้ใครจะได้ใจสาวเจ้ากันนะ

รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน

รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน

รีวิวหนังไทย ว่ากันถึงหนังในจักรวาลบั้งไฟฟิล์มยูนิเวิร์ส ของ หม่ำ จ๊กม๊ก ในยุคที่มาทำหนังป้อนให้กับเอ็ม พิคเจอร์ส จะพบความเปลี่ยนแปลงสำคัญๆที่ต่างจากหนังยุคเริ่มแรกที่อยู่กับ สหมงคลฟิล์ม จากเดิมที่หนังพี่หม่ำมักจะมีเส้นเรื่อง มีตัวละคร ที่เดินตามเส้นเรื่อง โดยมีมุกมาเป็นส่วนเสริมการเล่าเรื่อง แต่พอมายุคหลัง เมื่อเปลี่ยนนายทุนแนวคิดของพี่หม่ำและทีมบั้งไฟก็เริ่มมาในทิศทางตรงกันข้าม เริ่มตั้งแต่ ส่มภัคเสี่ยน

ที่เห็นได้ชัดเลยว่า บทหนังถูกสร้างมาเพื่อรองรับ มุกตลก ที่ถูกยิงกันแทบไม่มีเว้นทั้งเรื่อง และการนำนักร้องที่เป็นลูกอีสานดังๆทั้ง โตโน่ เดอะสตาร์ หรือ ไข่มุก เดอะวอยซ์ รวมถึง สุนารี ราชสีมา และ เพชร สหรัตน์ มานำแสดงเพื่อเซอร์วิสเหล่าคนดูชาวอีสานจนกวาดรายได้ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศกันม่วนซื่น และหลังจากปลายปีที่ปล่อย ขุนบันลือ

ที่พี่หม่ำมั่นใจถึงขนาดเอาเรื่องที่ตัวเองถูกแซวในรายการชิงร้อยชิงล้านมาผูกเรื่องทำหนังขายแล้ว ก็ได้เวลาผลักดันทีมงานในบั้งไฟฟิล์มให้ได้มีหนังของตัวเองกันบ้างใน สี้นสามต่อน แต่พี่หม่ำก็ยังแอบใส่ตัวเองเข้ามาเป็นตัวขโมยซีนอยู่ทั้งเรื่องอยู่ดีนะ 555

รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน

สำหรับบทหนังของ สี้น3ต่อน ก็แทบเดินตามแนว โรแมนติก คอมเมดี้ เหมือน ส่มภัคเสี่ยน แต่ลงตัวกว่าด้วยการขายเรื่องราวศึกพิชิตใจสาวของสองหนุ่ม จิหล่อ และ สีโห ที่พยายามตามจีบ ผิผ่วน พยาบาลในศูนย์ฟื้นฟูคนไข้โรคอัลไซเมอร์ (เหมือนเป็นการเซ็ตแบคกราวด์ล้อตัวละครที่กลับลืมคนรักเก่าไม่ลงได้ดีเหมือนกัน)

โดยแต่ละคนก็พยายามงัดไม้เด็ดต่างสไตล์ โดย จิหล่อ เน้นความสม่ำเสมอ ทำทุกอย่างให้สาวประทับใจแม้ตัวเองจะมีเพียงร้านอาหารตามสั่งและมอเตอร์ไซค์ส่งของ ส่วน สีโห ผู้เพียบพร้อมมีทั้งรถหรู และหน้าที่การงานดีระดับผู้บริหารก็หมั่นเทียวไล้เทียวขื่อ

รับสาวเจ้าไปทานอาหารหรูๆ เอาใจกันสุดๆ ซึ่งการที่หนังให้ตัวเลือกผิผ่วน เป็นผู้ชายเพียบพร้อมสองคนก็ย่อมนำมาสู่คำถามสำคัญว่า ทำไมเธอไม่เลือกใครสักคน และเธอกำลังรอใครอยู่อันเป็นเหมือน ปริศนา สำคัญให้คนดูร่วมกันตามหาคำตอบ (เพราะตอนต้นเรื่องเราจะไม่ได้เห็นหน้าแฟนเก่าที่เดินจาก ผิผ่วนไปเพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ในจุดหักมุม) ซึ่งนั่นทำให้ชื่อเรื่อง

สี้น 3 ต่อนสื่อความหมายถึงคำว่า เนื้อคี่ เพราะ สี้น ก็คือ เนื้อวัว ถ้ามี 3 ชิ้น (ต่อน) ก็ไม่ใช่ เนื้อคู่ เป็นการเล่นคำภาษาอีสานให้ดูมีลูกเล่นสร้างความฉงนสนเท่ห์ดีเหมือนกัน และการนำลูกอีสานตั้งแต่ เต๋า เศรษฐพงศ์ และ หมอริท เรืองฤทธิ์ ที่มีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว และดัน ป๊อบปี้ ชนม์นิภา ดาวมหาลัย ม.ขอนแก่น ก็ยังเป็นการนำของดีอีสานมาสร้างมูลค่าอย่างชาญฉลาดไม่น้อย

รีวิวหนัง สิ้น 3 ต่อน
และอย่างที่เตือนไว้ข้างต้น ว่าหนังไม่ได้เน้นเล่าเรื่อง ดังนั้นหากใครคาดหวังจะได้ดูหนังที่เดินเรื่องแบบมีตรรกะ มีคำคมกระแทกใจ หรือให้แง่คิดด้านความรักลึกซึ้งขอให้ข้ามหนังเรื่องนี้ได้เลย เพราะหนังเน้นมุกเป็นหลัก ปู-ชง-ตบ มาตัดต่อกันแบบสถานการณ์ต่อสถานการณ์มองทาจ (Montage – ตัดต่อหลายๆเหตุการณ์มารวมกัน) เหมือนเรื่องตลกสั้นๆในหนังสือรวมมุก แต่กระนั้นสิ่งที่น่าสังเกตสำหรับมุกในสี้น3ต่อน คือหนังเน้นเล่นมุกอยู่ 3 ประเภท คือ 1. มุกเซอร์ไพรส์ ตอนปูมุกคือให้เข้าใจไปอย่างแต่กลับหักมุมเฉลยในช็อตต่อมาเช่น มุกคนตาบอด ที่แท้จริงเป็นเพียงชายใส่แว่นกันแดด ดูหนัง

หรือมุกเมียโดนรถชนแต่แท้จริงคือ … (อุบไว้ไปดูเองจ้า)หรือแม้กระทั่งให้ยายเป็นอัลไซเมอร์มาพูดด่าพระที่เป็นลูกชายเป็นต้น 2. มุกคาแรกเตอร์ผิดคาด อันนี้เน้นไปที่ ผิผ่วน กับมุกคนสวยกินจุ ที่หนังดูจะเน้นมาก หรือ มุกที่ให้ตัวละครของ รุ่งลาวัณย์ โทนะหงษา หรืออดีตนักแสดงหนูหิ่น เล่นเป็นพยาบาลไม่สวยแต่กลับมีลูกน้องของจิหล่อมาตามจีบ

ซึ่งมุกแบบนี้น่าจะถูกใจสาวๆมากทีเดียว และ สุดท้ายมุกเอาใจแฟนคลับพี่หม่ำและ ดูหนังออนไลน์ 4k ศิลปินรับเชิญ อันนี้ไม่ต้องแคร์ตรรกะเรื่อง พี่หม่ำโผล่มาในฐานะตัวขโมยซีน ที่ไม่ต้องมีชื่อ ไม่ต้องบอกว่ามีผลต่อเรื่องราวอย่างไร บ้างก็คนเดียว บ้างก็หนีบพี่มด เมียรักมาโชว์ตัวในแบคกราวด์ (ซึ่งก็ทั้งฮาและแป๊กแต่ก็แอบคิดว่าพี่หม่ำไม่ไว้ใจไม่มั่นใจในเรื่องที่ทีมกำลังเล่าหรืออย่างไรเหมือนกันนะ)

รวมไปถึง การเชิญเพชร สหรัตน์ มารับบทพระ ซี่งพี่หม่ำก็จัดเต็มล้อเรื่องข่าวที่เขาเลิกกับ ตั๊กแตน ชลดา ด่าสาดเสียเทเสีย ซึ่งหากใครไม่ทราบข้อมูลมาก่อนก็อาจจะไม่ขำนะ ซึ่งโดยภาพรวมหนังก็มุกฮาและแป๊กปะปนกันไปครับ ไม่น่าเบื่อแต่ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าหนังฮาระเบิดระเบ้ออะไรมากมาย

จุดดึงดูดสำคัญของหนัง หนีไม่พ้น หมอริท และ เต๋า ที่ในเรื่องดูหล่อ น่ารัก ยิ่งพูดอีสานด้วยยิ่งมีเสน่ห์มาก เรียกได้ว่าหนังน่าจะได้เงินจากแฟนคลับแน่ๆ ส่วน ป๊อบปี้ ก็ยังน่าเสียดายนอกจากความสวยแล้ว เสน่ห์ทางการแสดงเธอยังไม่เปล่งประกายนัก ผิดกับ เอ็กซ์ วัชรพงษ์ ที่นอกจากโชว์เสียงร้องเพราะๆ ยังเปล่งประกายเสน่ห์แบบหนุ่มบ้านนอก จิ๊กโก๋นิดๆ และเล่นมุกต่างๆได้อย่างพริ้วไหวทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่พี่หม่ำดูจะพยายามแจ้งเกิดให้เขาให้ได้ในหลายฉากของสี้น3ต่อน

ดูหนังออนไลน์ ดูเหมือนว่าหลังๆ มานี้ฝีมือการสร้างหนังคอมเมดี้ของ หม่ำ เพ็ชรทาย จะตกลงมามากทีเดียวเมื่อเทียบกับผลงานก่อนหน้านี้ เช่น บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม (2004), แหยม ยโสธร (2005), ทาสรักอสูร (2014) ไม่นับ ส่มภัคเสี่ยน (2017) ที่เจ้าตัวไปช่วยคุมงานสร้างให้ลูกสาว เอ็ม บุษราคัม กำกับ

และเรื่องที่ทำให้รู้สึกว่าแผ่วจนขำไม่ออกคือ ขุนบันลือ ที่เพิ่งเข้าฉายปลายปีที่แล้ว พอมาถึงเรื่อง สี้น 3 ต่อน ก็ยังคงให้ความรู้สึกก้ำกึ่งอยู่ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่พอได้เห็นรายชื่อนักแสดงนำอย่าง เต๋า เศรษฐพงศ์ ที่เคยผ่านการแสดงบนจอเงินมาบ้าง, ริท เรือง และนางเอกน้องใหม่ ป๊อปปี้ ชนม์นิภา ที่ทั้งคู่เพิ่งมาชิมลางงานภาพยนตร์ครั้งแรกก็พอจะใจชื้นขึ้นมาบ้าง

 

สี้น 3 ต่อน ว่าด้วยเรื่องราวของสองหนุ่มเพื่อนรัก จิหล่อ (ริท) และ สีโห (เต๋า) ที่บังเอิญไปจีบผู้หญิงคนเดียวกันคือ ผิผ่วน (ป๊อปปี้) ที่เพิ่งอกหักช้ำรักมาจากหนุ่มนิรนาม เมื่อความแตกสองหนุ่มจึงต้องพยายามงัดทุกกลยุทธ์ทุกวิถีทางมาพิชิตใจสาวเจ้าให้ได้

จากที่เห็นจากตัวอย่างก็ดูเหมือนว่าจะมีความคล้ายคลึงกับหนังโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องอื่นๆ ทั้งพล็อตเรื่องที่ก็ไม่ได้มีความแตกต่าง เพียงแต่เรื่องนี้มีความเป็นอีสานล้วนๆ นับตั้งแต่ผู้สร้าง นักแสดง จนไปถึงภาษาที่ใช้ และต้องชื่นชมเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้ภาษาที่เรียกได้ว่าผ่านแทบไม่มีที่ติ อาจเพราะด้วยความที่นักแสดงเป็นคนอีสาน แถมเกือบทั้งกองถ่ายก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนอีสาน หากปล่อยให้การพูดออกมาแบบเพี้ยนๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

 

ออนไลน์ 4k เมื่อมีเรื่องดีๆ แล้วเรื่องที่ด้อยก็ต้องมีอยู่แล้ว จากที่เห็นทุกคนต่างทราบกันดีว่าแค่มีหน้าของ หม่ำ เพ็ชรทาย ออกมาสักฉากก็ถือว่าหนังขายได้แล้ว แถมดีไม่ดีต้องรับประกันความฮาไปอีก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะใช้ได้กับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะหลายคนอาจจะช้ำมาจากเรื่องก่อนหน้านี้ที่เพิ่งฉายไป ว่ามันไม่ได้สร้างความสนุกให้อย่างที่คาดหวัง เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ที่รู้สึกได้ว่าดูแล้วสนุกกว่า ขุนบันลือ มานิดหน่อย

แน่นอนว่าในส่วนของนักแสดงมีผลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการมาแสดงบนจอเงินของ เต๋า เศรษฐพงศ์ และ ริท เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วยการพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะทราบมาก่อนแล้วว่าทั้งคู่เป็นคนอีสานแต่ไม่ค่อยได้เห็นการใช้ภาษาอีสานของทั้งคู่ผ่านสื่อมากนัก พอได้เห็นใน สี้น 3 ต่อน แล้วทำให้สนุกขึ้นมาก แม้ว่าแต่ละมุกนั้นจะไม่ค่อยโดนใจนัก แต่ก็พอได้ขำอยู่

 

ส่วนนางเอกหน้าใหม่อย่าง ป๊อปปี้ ชนม์นิภา ก็ถือว่าสอบผ่านทีเดียว ทั้งการใช้ภาษา รวมไปถึงเรื่องการแสดง แม้ว่าอาจจะถูกออร่าของสองพระเอกกลบไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าดี และสิ่งที่ทำให้หนังไม่ตอบโจทย์ความฮาที่แฟนๆ ควรจะอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นที่จังหวะตัดต่อ

เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าหลายช่วงหลายตอนปล่อยให้มันว่างเปล่าไปเสียเฉยๆ แอบเสียดายฝีมือของนักแสดงมากทีเดียว หลายฉากเข้าใจว่าหนังพยายามสื่อให้เห็นความเป็นขอนแก่นมากๆ อย่างเช่นมุมกล้อง การใช้โดรนภาพมุมสูงต่างๆ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเชื่อมเข้ากับหนังอีสานก่อนหน้านี้อย่าง ส่มภัคเสี่ยน ที่มีเทคนิคการสร้างภาพคล้ายๆ กัน จะว่าไปแทบทุกฉากทุกตอนเราก็ได้เห็นแล้วว่าตัวละครดำเนินเรื่องอยู่ในจังหวัดนี้ โลเคชั่นต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแลนมาร์กที่เห็นแล้วน่าจะรู้เลยว่าที่ไหน

หากมองอีกมุมหนึ่งจะบอกว่า สี้น 3 ต่อน เป็นหนังประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่นก็ไม่ผิดนัก เพียงแต่ใส่เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวเข้ามาเป็นสีสันเลยก็ว่าได้ เพราะเห็นๆ กันอยู่แล้วว่าหนังพาผู้ชมไปดูแหล่งฮิตของที่นี่ เอาเป็นว่าหากไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยสมองว่างๆ กับใจสบายๆ น่าจะทำให้แฟนๆ อินกันได้ไม่ยาก ซึ่งคงเป็นเรื่องส่วนบุคคลไป