รีวิวหนัง กระสือสยาม SISTERS
Sisters ว่าด้วยเรื่องราวของพี่น้องคู่หนึ่ง โมราสาวน้อยวัย 16 ปี เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติกับร่างกายของเธอที่ออกอาการจนน่าสงสัยมากขึ้นทุกที เธอกำลังถูก ราตรี นางพญากระสือที่ต้องการร่างกระสือเพื่อให้น้องของเธอสวยขึ้น ดังนั้น วีณา พี่สาวของโมราก็ต้องออกมาปกป้องน้องสาวของตนเองก่อนที่จะเสียเธอไปตลอดกาล รีวิวหนัง กระสือสยาม SISTERS “วีณ..เค้าเป็นอะไรกันแน่”
มีความรู้สึกว่าหนังมันไม่ค่อยสนุกครับ ดูการเดินเรื่องอืดๆเนือยๆเรื่อยๆไปแบบไม่ค่อยมีจุดหมายอะไรเท่าไหร่แล้วพล็อตก็ดู รีวิวหนังไทย ไม่ค่อยมีไรกลวงๆโบ๋ๆหนังก็เลยไปเน้นแอคชั่นที่มันดู(ไม่ดี) แล้วรู้สึกว่าหนังทำให้คนดูรู้สึกตรงกันข้ามกับสิ่งที่ต้องเป็นเลยฉากตอนไคลแม็กซ์มันควรลุ้นกลายเป็นว่าผมตลกครับ เพราะมันออกแนวเบอร์ใหญ่มากๆ แล้วฉากกระสือสู้กันก็แบบ…เหมือนอะไรบางอย่างกัดกันอะนะ(ไม่พูดนะกลัวกระทู้บิน)แล้วมันตลกครับ ผมขำก๊ากเลย ฮ่าๆๆ
รีวิวหนัง กระสือสยาม SISTERS
แต่หนังก็พยายามตีความแบบใหม่ครับแบบกระสือมีนางพญาไรงี้ ซึ่งรู้สึกการตีความกระสือแบบใหม่นี้ไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่เพราะตอนจบยัง งงๆ กันอยู่เลยว่าเขาจัดอันดับจัดขั้นกระสือกันยังไง แล้วเราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับตัวนางพญาที่ หญิง รฐา เล่นเลยรู้สึกเธอแบนราบอย่างสิ้นเชิงหนังไม่ค่อยปูอะไรให้เลยไปเน้นกับคู่หลักมากเกินไปโดยไม่แบ่งเวลาให้เธอเลยทั้งที่เธอก็ค่อนข้างเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้เหมือนกัน
ดราม่าก็ที่แทรกเข้ามาก็รู้สึกว่าไม่โอเคยังไร้ความบิ้ว ความขยี้ ยิ่งท้ายเรื่องตอนไกล้จบนี่แบบ…เห้อออออ หมดคำจะบรรยาย เอาง่ายๆไม่ชอบอย่างแรง
กระสือเรื่องที่ 2 ของปี ซึ่งในเมื่อมันเป็นแบบนี้ก็ยากเหลือเกินที่การเขียนรีวิวจะไม่หยิบเรี่องก่อนหน้าอย่าง “แสงกระสือ” มาเปรียบในบางจุด เพราะไหนๆ ก็มีจุดร่วมคือผีตนเดียวกัน ดังนั้นแล้วกับคำถามดาษดื่นที่มักจะมีคนถามเป็นอันดับต้นๆ ว่า “แล้วกระสือเรื่องไหนดีกว่ากัน?” ผมคงไม่อาจฟันธงได้เต็มปากนักในแง่ความสนุกที่แทบทุกครั้งขึ้นอยู่กับ Taste ส่วนบุคคล หากทว่าในด้านความสมบูรณ์ของภาพยนตร์นั้น “กระสือสยาม” ไม่อาจต่อกรกับกระสือเรื่องก่อนหน้าได้ในแทบจะทุกๆ ด้านเลยทีเดียว
SisterS เปิดเรื่องด้วยฉากย้อนความที่กระชับ ดุดัน และทรงพลัง จนเรารู้สึกเลยว่าเส้นเรื่องช่วงนี้หากเอาไปแตกเป็นภาค Origin หรือภาค Prequel ก็ยังได้แถมน่าสนใจด้วย โดยมีเสียงของวีณา (โจ้) รับหน้าที่เล่าเนื้อเรื่องประกอบ จากนั้นก็เริ่มเปิดตัวตัวละครหลัก พร้อมวางเซ็ตติ้งกฎเกณฑ์และเงื่อนไข รวมถึงลูกเล่นต่างๆ ไว้รายรอบ เรียกว่าช่วง 20 นาทีแรกนี่แหละคือส่วนที่ดีที่สุดของหนังโดยแท้จริง
ดีขนาดไหน? ดีขนาดที่เราแอบคิดไปว่ากระสือสยามอาจเป็นหนังที่แจ่มกว่าที่คิด เพราะวิธีเล่าเรื่องช่วงต้นสากลมาก แถมยังวางเซ็ตติ้งโลกของผีและวิญญาณนับรวมปีศาจได้อย่างน่าสนใจ เร่งเร้าให้ผู้ชมอยากรู้ต่อว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเอาเข้าจริงหนังแบบนี้มันพอจะเดาทางได้ ความสนุกจึงไปอยู่ที่การลุ้นระหว่างทางมากกว่าว่าจะยัดลูกเล่นอะไรมาให้ว้าวบ้าง และหากต้นเรื่องยังวางเบาะแสไว้เยอะแยะขนาดนี้ ช่วงไคลแมกซ์มันต้องเจ๋งแน่ๆ ถ้าหยิบเอาไอ้ที่โปรยไว้มาเล่นให้ได้อย่างถูกจังหวะ
อนิจจา เหมือนท้ายๆ ตัวหนังรู้สึกว่า “ฉันวางนู่นนั่นนี่เยอะไปแล้ว” เพราะงั้นก็เลยกระทำการ “ช่างมัน” โยนความน่าสนใจทุกอย่างทิ้งแล้วน้อมนำคำสอนของตาเอก HRK ขอพุ่งทางตรงไถเรื่องให้จบแบบง่ายๆ งงๆ ตรงๆ ทื่อๆ ชนิดที่ไม่แคร์สื่อ แคร์เงื่อนไข หรือต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น นัยว่า “ก็จะจบอ่ะ แล้วมันผิดตรงไหน!” ดูหนังออนไลน์ 4k
ซึ่งมันน่าเสียดายเพราะเราเห็นศักยภาพลางๆ ว่ามันสามารถไปได้ไกลกว่านี้มาก แต่หนังกลับเลือกที่จะหยุดเสียก่อน แถมดันหยุดในจุดที่เราเห็นปัญหาซึ่งส่วนใหญ่จะมากับบทที่แปลกๆ กับโปรดักชั่นซึ่งว่ากันตรงๆ ก็ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกับ CG ที่ตอนท้ายๆ ช่วงไคลแมกซ์หลุดได้น่าเกลียดมาก มีเฟรมร่วงหรือภาพแบน ภาพยืด ในบางฉากอีก ไม่นับองค์สุดท้ายกับบทสรุปที่ชวนปวดหัวอีก
แต่น่าผิดหวังที่สุดคือการที่เรื่องนี้โฆษณาหน้าหนังว่าจะเป็นหนังบู๊แอคชั่น แต่ซีนเหล่านั้นกลับสุกเอาเผากินจนเกินไป บางฉากไม่มีความดุดันไม่ได้ลุ้น บางฉากที่บิวต์มาดิบดีเกือบทั้งเรื่องก็กลับตัดฉับไม่ให้ดูเสียอย่างนั้น ซึ่งทำเอาผมหัวเสียอย่างมาก หากบทแย่แต่ถ้าซีนต่อสู่น่าสนใจอย่างที่ได้โปรโมตไว้มันก็ยังพอมีคุณค่าเพิ่มขึ้นบ้าง แต่พอเป็นอีหรอบนี้เรียนตามตรงว่าเชียร์ไม่ขึ้นจริงๆ ดูหนัง 4k
กระนั้นถ้าจะหาสิ่งดีๆ ของหนังก็คงเป็นฝีมือการแสดงของน้องมิวนิคที่ไม่ได้แย่เลย ดีกว่าที่คาดไปเยอะ แต่ก็นั่นแหละครับนักแสดงเล่นได้โอเคตามบทบาท แต่ถ้า “บทบาท” ไม่ได้ส่งให้การแสดงดังกล่าวดูทรงคุณค่าขึ้นมามันก็ดูจะแค่นั้น และบทสรุปของศึกกระสือ 2019 ก็ดูจะเป็นอย่างที่หลายๆ คนคาด เมื่อ “แสงกระสือ” เปล่งประกายเจิดจ้า “กระสือสยาม” ที่มาแบบขมุกขมัวไม่ชัดเจนในการนำเสนอสักด้าน ก็ยากจะต้านทานหรือต่อกรด้วยได้จริงๆ
เป็นทั้งโชคร้ายและโชคดี ที่ กระสือสยาม ของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว (ผู้กำกับ องค์บาก และ ต้มยำกุ้ง) มาเข้าฉายไล่ ๆ กับ แสงกระสือ ที่เพิ่งเข้าโรงไปเมื่อเดือนก่อนหน้า โดยในส่วนที่เราว่าโชคดีคือ แสงกระสือ ซึ่งทำไว้ดีมากสำหรับมาตรฐานหนังไทย ช่วยให้คนไทย โดยเฉพาะคนยุคใหม่ เปิดใจกับหนังไทยและความเชื่อเกี่ยวกับกระสือมากขึ้น และในส่วนที่เราว่าโชคไม่ดีก็คือ แสงกระสือ เค้าทำไว้ดีมากเกินมาตรฐานหนังไทย จนทำให้หนังกระสือสยาม ถูกนำไปเปรียบเทียบแบบแทบไม่มีชิ้นดี
เราพยายามอย่างมากที่จะไม่เอาสองเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกัน เราพยายามมองว่าสองเรื่องนี้มันคนละสไตล์ แต่สุดท้ายแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยจริง ๆ ที่จะวิจารณ์ กระสือสยาม โดยที่ไม่มี แสงกระสือ แว้บเข้ามาข้องเกี่ยวในหัวเรา
ถ้าให้เราพยายามพูดแบบเป็นกลางหน่อย เราก็จะบอกว่า กระสือสยาม ซึ่งผลิตโดย BNK48 และจัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เค้าตั้งใจทำให้แมสกว่า ตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่องและการใช้โลเกชั่นให้รังกระสือหมกอยู่ในสยาม กะให้คนดูดูเอาบันเทิงทั่วไป คือมีฉากแอ็คชั่นและเวทมนตร์ไสยศาสตร์ต่อสู้กันระหว่างคนกับกระสือ ในขณะที่ แสงกระสือ เค้าจะเน้นไปทางความรักโรแมนติกและชีวิตจิตใจของกระสือ รวมถึงให้ความสำคัญกับงานศิลป์และความประณีต อีกทั้งมีการตีความใหม่ที่ลึกซึ้งจริงจังกว่า
ดังนั้น มันก็คนละสไตล์กันนั่นแหละ สุดท้ายก็แล้วแต่คน ว่าจะชอบกระสือแบบไหนมากกว่ากัน แต่สำหรับเราแล้ว กระสือสยาม ไม่ค่อยถูกจริตกับความชอบของเราสักเท่าไหร่ จะเรียกว่าไม่ชอบเสียเลยก็ว่าได้ ที่ชอบจริง ๆ เห็นจะมีแค่อย่างเดียว คือภาพสวย อ้อ… แล้วก็นักแสดงหน้าตาดี
กระสือสยาม ตามชื่อภาษาอังกฤษของหนัง (SisterS) ตั้งใจเล่าถึงความสัมพันธ์แบบพี่สาว-น้องสาว ตั้งแต่แม่ของตัวเอกที่เสียสละปกป้องน้องสาวของตน (หรือน้าของตัวเอก) ซึ่งเป็นกระสือ และส่งต่อความสัมพันธ์นั้นมาอีกทอดสู่รุ่นลูก โดยตัวเอก หรือ วีณา (โจโจ้ พลอยยุคล จาก #BKKY) ที่ต้องคอยเสียสละความสุขส่วนตัว ดูแลและปกป้อง โมรา (มิวนิค BNK48 รุ่นสอง) ผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของเธอ (โมราเป็นลูกของน้าที่เป็นกระสือ) โดยพ่อของโมรา (ต๊อก ศุภกร) เป็นคนถ่ายทอดสอนวิชาคาถาอาคมให้วีณา ในขณะที่โมราถูกเลี้ยงแบบไข่ในหิน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร พ่อบอกแต่ว่าเธอป่วย และต้องแยกกันอยู่กับพวกเขา ดูหนัง
พอโมราย่าง 16 ปี กลิ่นสาปกระสือก็คงแรงขึ้น และเริ่มออกอาการอยากเลือดหรือของสดของคาวมากขึ้น ทำให้ในที่สุด นางพญากระสือ ราตรี (หญิง รฐา) ที่ตามหาครอบครัวของเธอมาสิบ ๆ ปีได้มาพบเธอในที่สุด ราตรีจึงไล่ล่าโมราเพื่อแก้แค้นและชิงร่างของโมรามาเป็นร่างของ ดวงดาว น้องสาวของเธอ (แม็กกี้ อาภา)
สำหรับบทหนัง กระสือสยาม ถือว่ามีช่องโหว่และความไม่สมเหตุสมผลมากมายเหลือเกิน ถ้าให้ลิสต์ทุกจุด ก็ไม่รู้ว่าจะลิสต์หมดเมื่อไหร่ หรือถ้าลิสต์มาแล้ว คนอื่นอาจจะหาว่าเราเยอะหรืออีช่างจับผิดหนังเอาได้ แต่เราขอพูด ณ ตอนนี้ ตรงนี้เลยว่า ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปจับผิดหนังแต่ใดใด จริง ๆ แล้ว ตั้งใจก่อนเข้าโรงแล้วด้วยซ้ำว่าจะฝากสมองไว้ที่คนฉีกตั๋วหน้าโรง แล้วเข้าไปดูแบบไม่คิดอะไรมาก แต่สุดท้าย ถ้าบทมันแย่ ดูหนังจากดาวอังคาร ก็เห็นว่าบทมันแย่ (ส่วนที่ว่าบทไม่เมคเซนส์ ขออนุญาตไม่ลิสต์ละกัน เสียเวลามามากพอแล้ว แต่ใครจะลองไปดูเองก็ได้ แล้วจะเข้าใจว่าเราไม่ได้พูดเกินไป) ดูหนังออนไลน์
สำหรับน้องมิวนิคกับน้องโจโจ้ โดยส่วนตัวเราคิดว่ายังไม่ไหวจริง ๆ แต่เห็นอยู่แหละว่าน้องตั้งใจเล่นดีที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งที่เราว่าไม่โอเค อาจเป็นเพราะบทของน้องมันโง่เง่า งี่เง่า และไม่น่าเอาใจช่วยกันเลย แม้แต่บทของนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง ต๊อก ศุภกร กับญาญ่าญิ๋ง ก็ไม่โอเค ตัวละครเหมือนจะเก่ง แต่สุดท้ายก็ง่อยและทำอะไรที่คนดูอย่างเราเข้าไม่ถึง เช่น จังหวะที่นางพญากระสือสามารถฆ่าวีณาได้เพราะวีณาสลบไป นางก็ไม่ฆ่า ฆ่าแต่ผู้เห็นเหตุการณ์ ทั้งที่ปากก็บอกว่ารอเวลาแก้แค้นและทรมานอีครอบครัวนี้มาทั้งชีวิต แล้วก็ปล่อยให้วีณาตามมาเอาคืนนางในช่วงองก์สุดท้ายซะอย่างนั้น
และถ้าบอกว่าหนังเน้นเรื่องพี่น้อง นี่ก็ไม่อินจ้า~ คู่วีณา-โมรานี่น่าลำไยมาก เขียนมาได้ว่ามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง จะบ้าหรอ ไม่คิดจะปรับตัวเข้ากับสังคมหรือมีเพื่อนมีฝูงบ้างหรอ แหม อันนี้ต้องโทษบทขุ่นพ่อก่อนด้วย ที่สอนลูกสอนหลานแปลก ๆ สอนวิชาให้หลาน บังคับหลานทำนู่นทำนี่เพื่อน้อง (ซึ่งหมายถึงลูกสาวในไส้ตัวเองที่เป็นกระสือ) ไม่ให้หลานได้ทำอะไรที่หลานอยากทำ หลานไม่ได้ใช้ชีวิตเลย ต้องมาคอยตามน้อง น้องก็งี่เง่า เพราะพ่อมันเลี้ยงแบบผิด ๆ ไม่สอนลูกให้อยู่กับความเป็นจริง ไม่บอกความจริงและเหตุผลใดใด เอาแต่ปิดบังความจริงลูก ฯลฯ สุดท้าย เมื่อตัวละครเอกมันไม่น่าเอาใจช่วย ก็จบ.
แล้วฉากแอ็คชั่นและฉากไคลแมกซ์ในรังกระสือทำได้ไม่สมราคาผู้กำกับที่แจ้งเกิดจากหนังบู๊เอาซะเลย แต่ก็นะ… มันไม่ได้ตั้งแต่ให้วีณาซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงม.ปลายตัวบาง ๆ มีความรู้อาคมแค่หางอึ่ง (นางเรียนจากพ่อของโมรา ซึ่งตอนนั้นก็เรียนจากแม่ของวีณามาแค่ไม่กี่เดือนเช่นกัน) ไปสู้กับกระสือเป็นสิบ ๆ ตัว แถมหนึ่งในนั้นเป็นนางพญากระสือที่มีพลังเวทย์ (จากไหนก็ไม่รู้) อีกต่างหาก แล้วฉากกระสือสู้กับกระสือ ซีจีพอรับได้ แต่ประเด็นคือมันตลกมากกว่าตื่นตาตื่นใจ ดูแล้วถอนหายใจ เหนื่อยแทนกระสือสาวที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้