รีวิวหนัง รักนะซุปซุป

เป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อยที่หนังไทยกำลังพยายามพาตัวเองไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ควบคู่กับหนังประจำตลาดทั้งหนังตลกและหนังผี รีวิวหนัง รักนะซุปซุป ซึ่งปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาก็มีหนังไทยจากผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง เกรียงไกร มณวิจิตร ที่หยิบเอาเรื่องราวของอาหารสูตรมุสลิมมาเป็นกิมมิกในการเล่าเรื่องราวดรามาของนางเอกที่พยายามจะหาสูตรซุปที่หายไปและความรักของเธอกับเจ้าของกิจการร้านอาหารมุสลิมที่ต้องการทวงคืนศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล  รีวิวหนังไทย

รีวิวหนัง รักนะซุปซุป

เริ่มเรื่องราวด้วยการกล่าวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของซุปวัวหลังวังของพ่อครัวหลวง ก่อนจะมาเล่าถึงชีวิตของ มินนี (ซัซนี วิระฉัตร) สาวน้อยผู้ฝันอยากเป็นเชฟโดยมีพ่อครัวหลวงปู่ทวดของเธอเป็นไอดอล แต่ด้วยฝีมือการทำอาหารที่เข้าขั้นป่วยจิตเธอจึงได้ไปเรียนกับ เชฟ (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ผู้บูชาฝีมือปู่ของเธอและพามินนีเข้าทำงานในร้านของ ฮันซัส (หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล)

แต่แค่วันแรกก็เกิดเรื่องใหญ่โตเมื่ออาหารที่นำเสิร์ฟท่านฑูตดันมีขาแมลงสาบและเธอเผลอโรยเกลือเดดซีใส่ขาแกะจนร้านอาหารถูกยึดดาวมุสลิมสตาร์ไป งานนี้เชฟและมินนี จึงต้องออกตามหาสูตรซุปวัวหลังวังของพ่อครัวหลวงที่หายสาบสูญเพื่อหวังทำคะแนนให้ได้มุสลิมสตาร์กลับคืนมา และในขณะเดียวกันเธอกับฮันซัสก็เริ่มมีความรู้สึกดีต่อกัน ส่วนเชฟก็ต้องถามหัวใจตัวเองว่าเขารู้สึกยังไงกับเฟญ่า (สุทธิดา เกษมศันต์ ณ. อยุธยา) ผู้ช่วยเชฟที่แอบมีใจให้เขามานานแล้ว

ก่อนอื่นคือต้องบอกว่า รักนะ ซุปซุป อาจจะยังไม่ใช่หนังที่ดีและลงตัวนักนะครับ แต่รีวิวถูกเขียนขึ้นด้วยหวังจะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของหนังไทยในปี 2020 ว่ามีคนทำหนังที่พยายามแหวกตลาดและหยิบจับวัฒนธรรมนอกกระแสมานำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวคือมองว่าเป็นเรื่องที่ดีและน่าสนับสนุนอย่างยิ่ง

สำหรับวัฒนธรรมมุสลิมที่หนังนำมาเสนอก็นับว่ามีเรื่องน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะในส่วนของปรัชญาชีวิตของชาวมุสลิมที่มักเป็นเรื่องดำมืดพ้นจากการรับรู้ของคนนอกศาสนาอย่างผม การจะรับรู้คำแปลก ๆ อย่างวันอีด (หรือชื่อเต็ม อีดิลอัฎฮา ภาษามลายูปัตตานีเรียก ฮารีรายอฮัจยี มุสลิมภาคกลางเรียก วันอีดใหญ่ ) ก็ด้วยความเข้าใจเผิน ๆ ว่าเป็นวันหลังการนับถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิมเท่านั้น แต่ในหนังก็ได้นำหัวใจของวันสำคัญทางศาสนามาบอกเล่าให้เราทำความเข้าใจในเบื้องต้นได้เป็นอย่างดี

อีกจุดเด่นที่น่าชื่นชมคืองานภาพของหนังที่เกรียงไกล มณวิจิตร นอกจากจะกำกับเขียนบทตัดต่อและแทบจะเหมาทำหลายอย่างในหนังเรื่องเดียวกันแล้ว เขายังกำกับภาพด้วยตัวเองและผลงานที่ออกมาก็ทำให้เห็นว่าเกรียงไกรมีฝีมือไม่น้อยเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นภาพอาหารหรือ Food Shot ที่ถ่ายทำได้สวยทำให้อาหารน่ากินมาก การวางคอมโพสิชันของภาพก็ทำได้น่าชื่นชมเรียกได้ว่าเป็นคนทำหนังเป็นและน่าจะมีประสบการณ์ด้านโปรดักชันไม่น้อยเลย

ทีนี้จุดที่หนังมาพลาดจริง ๆ น่าจะเป็นที่การเลือกเอาคอนเทนต์ด้านวัฒนธรรมมุสลิมมาใส่ในหนังโรแมนติกที่ทำให้เห็นเลยว่าเกรียงไกรเองก็ไม่ได้แม่นในการปรุงหนังเรื่องนี้ให้ออกมาถูกใจคอหนังรักในวงกว้างแถมยังทำให้เรื่องราวในส่วนของการต่อสู้เพื่อให้สามารถกลายเป็นเชฟอย่างที่ฝันสลายไปกับพลอตโรแมนติกที่ยังหนีไม่พ้นพลอตพ่อแง่แม่งอนที่คนดูไม่ได้อินด้วยทั้งในส่วนของ ฮันซัสที่อยู่ดี ๆ ก็มาชอบมินนีแบบไม่มีเหตุผลและเฟญ่าที่อยู่ ๆ ก็งอนเชฟเพราะมินนีเข้ามา

ซึ่งเชื่อว่าถ้าเกรียงไกรเชื่อในเรื่องเล่าของตัวเองและยืนพื้นให้มันเป็นดราม่า หนังก็มีสตอรีที่แข็งแรงอยู่แล้วสองส่วนได้แก่ประเด็นการต้องมารับความกดดันของฮันซัสกับการบริหารร้านอาหารมุสลิมระดับพรีเมียมของครอบครัวหลังการจากไปของคุณพ่อ หรือการต่อสู้เพื่อให้ตัวเองได้เป็นเชฟของมินนีกับการฝ่าอคติผู้คนไปให้ได้ แต่หนังก็กลับไปเสียเวลากับมุกโอเวอร์แอ็กติงของพี่จิ้ม ชวนชื่นที่เล่นใหญ่แบบกะกลบคนอื่นทุกซีน หรือมุกเปิ่ีน ๆ โก๊ะ ๆ ของมินนีที่คนดูไม่ได้ขำด้วยเท่าใดนัก

การแสดงของหนังในภาพรวมดูจะพึ่งพิงการแสดงแบบละคร ๆ ของเข้ม หัสวีร์ ที่ยังหลุดไม่พ้นบีตในการพูดเหมือนละครช่อง 7 ที่เขาแสดงแต่โชคร้ายว่าหนังก็ดันแคสติงนางเอกมาแบบผิดเบอร์มากเพราะการเอานักแสดงหน้าใหม่อย่าง สมาย ซัซนี ที่บอกตามตรงว่านอกจากความเป็นสาวมุสลิมแล้ว เธอก็แทบไม่มีเสน่ห์อะไรให้เราอยากมองหรืออยากติดตามเลย ยิ่งพอต้องมาเห็นเข้มตามจีบสมายคนดูยิ่งไม่เชื่อไปกันใหญ่ว่าเจ้าของโรงแรมมาหลงรักอะไรในตัวมินนี เพราะบทเองก็ดูจับยัดจนคนดูยากจะอินตามจริง ๆ

ดังนั้นหนังเลยต้องพึ่งพานักแสดงมืออาชีพที่เล่นหนังดีอยู่แล้วอย่างเต้ ปิติศักดิ์ และนุ๊ก สุทธิดา มาทำให้หนังดูสนุกอยู่บ้างตัวเต้ ปิติศักดิ์ พยายามเต็มที่ที่จะให้คนดูเชื่อว่าเขาศรัทธาในตัวพ่อครัวหลวงอย่างแท้จริงตั้งแต่ซีนเปิดตัวละครของเขา และการมีบทโรแมนติกระหว่างเขากับนุ๊ก สุทธิดาก็ยังเติมความหวานและความน่ารักให้หนังแบบชดเชยตัวละครนำทั้งสองได้อย่างดี

ว่ากันเรื่องภูมิปัญญาอาหารท้องถิ่นของแต่ละภูมิภาคเป็นสิ่งที่จับต้องได้แต่กลับยังไม่ค่อยถูกนำมาชูรสในวงการบันเทิงไทยกันสักเท่าไหร่นัก แน่นอนว่า…หากเป็นอาหารไทยต้นตำรับ ถ้าเลือกจะนำเสนอแล้วก็ต้องเป๊ะทุกอย่าง ประหนึ่งเป็นการแข่งรอบความละเอียดและแม่นยำในรายการแข่งขันทำอาหารชื่อดังทำนองนั้น แต่แล้วก็มีหนังไทยเรื่องหนึ่งที่กล้าเสี่ยงที่จะหยิบจับนำอาหารถิ่นมาเป็นประเด็นหลัก แม้ชื่อเรื่องจะไม่ได้น่าดึงดูด แต่ก็อะไรบางอย่างซ่อนอยู่ หนังเรื่องนั้นก็คือ “รักนะ ซุปซุป”

หนังเล่าเรื่องราวของ มินนี สาวมุสลิมที่มีดีกรีเป็นทายาทของพ่อครัวใหญ่แห่งวังหลวงในสมัยอาณาจักฟาตอนี เธอเป็นทายาทรุ่นปัจจุบันที่แทบจะไม่มีสูตรจากคุณปู่ทวดติดตัวมาเลย แต่เธอก็ฝันอยากจะเจริญรอยตามท่าน ด้วยการเข้าไปเป็นลูกมือในร้านอาหารสไตล์มลายู ที่การันตีด้วยมุสลิมสตาร์ และทำให้เธอได้พบกับ อันซัส หนุ่มที่ได้รับมรดกตกทอดมาจากผู้เป็นพ่อ มาทำหน้าที่ดูแลร้านอาหารมลายูแห่งนี้แทน

แต่เส้นทางการประคับประคองร้านอาหารชั้นเยี่ยมเอาไว้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อมินนีทำพลาดในจานอาหารและเป็นเหตุทำให้ร้านถูกยึดดาวดังไป งานนี้บรรดาเชฟและผู้ช่วย รวมทั้ง อันซัน กับ มินนี จะต้องคิดหาวิธีและคิดค้นเมนูอาหารที่ทำให้ได้มุสลิมสตาร์กลับมาให้ได้ โดยพวกเขาหวังจะรื้อฟื้นสูตรอาหารที่หายไปอย่าง ซุปเนื้อวัวหลังวัง สูตรพ่อครัวใหญ่แห่งวังหลวง ที่มีเพียงมินนีเท่านั้นที่จะสัมผัสและระลึกถึงรสชาติที่แท้จริงได้

ต้องยอมรับว่าเลยว่า รักนะ ซุปซุป ปูทางและมีประเด็นที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะนี่เป็นหนังไทยที่เล่าถึงวิถีชีวิตของชาวมุสลิมตลอดทั้งเรื่อง อีกทั้งยังหยิบจับเมนูอาหารมลายูและอาหารถิ่นต่างๆ ของพื้นเมืองใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นกันสักเท่าไหร่บนสื่อหน้าจอโทรทัศน์และภาพยนตร์ ประเด็นนี้จึงกลายเป็นเหมือนแรร์ไอเท็มที่หาดูได้ยาก และกล้าเสี่ยงที่จะนำเสนอในทิศทางนี้

หนังปูเรื่องมาด้วยเมนูอาหารดั้งเดิมและสูตรที่หายไปตามกาลเวลา เปิดเรื่องมาได้ค่อนข้างน่าสนใจและมีเหตุผลข้อมูลสนับสนุนได้อย่างชวนดู แต่ก็เพียงเท่านั้นแหละ…กลับกลายเป็นว่านั่นเป็นเพียงจุดเด่นจุดเดียวของหนังเรื่องนี้ที่ได้ค่อนข้างน่าพอใจ กับการชูวัตถุดิบหลักเป็นเรื่องอาหารถิ่นของคาบสมุทรมลายู แต่เรื่องรสชาติที่ออกมานั้น…กลับไม่สามารถระบุได้แน่ชัด

คงจะต้องพูดตรงๆ เลยว่า พระเอกและนางเอกของเรื่องนี้มีพลังไม่พอที่จะแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ “เข้ม หัสวีร์” ที่น่าจะกระโดดมาเล่นหนังเป็นเรื่องแรก แต่คาแรกเตอร์อะไรต่างๆ ในเรื่องเขายังคงติดความเป็นพระเอกละครช่อง 7 อยู่แทบจะทุกส่วน ทำให้กลายเป็นตัวละครแบนๆ ราบๆ ที่ไม่ได้มีมิติอะไร แม้กระทั่งบุคลิกทางรูปธรรมและนามธรรมยังต้องให้ตัวละครสมทบอื่นออกมาอธิบายให้แทน

ในขณะที่ “ซัซนี วิระฉัตร” ดาราสาวมุสลิมที่เข้าใจว่าน่าจะมีประสบการณ์แสดงที่ยังไม่เยอะเท่าไหร่นัก ทำให้ในการแสดงของเธอยังดูไม่ชัดเจน ขาดๆ เกินๆ ไปตลอดทั้งเรื่อง ทั้งที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องที่รับหน้าที่ดำเนินเรื่องไป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีพลังทางการแสดงออกมาช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ได้เลย แม้กระทั่งฉากเซอร์วิสสูตรสำเร็จของคู่พระนาง ที่ควรจะซาบซึ้งโรแมนติก แต่เมื่อทั้งคู่เข้าฉากด้วยกัน ส่วนใหญ่ผลลัพธ์จะออกมาค่อนข้างกระอักกระอวกและดูเป็นการแสดงไปหมด

แทนที่คู่พระนางจะพาเราฟินไปกับอุปสรรคนำพามาสู่เส้นทางรักตามแบบฉบับ แต่ปรากฏว่านักแสดงรุ่นพี่อย่าง “เต้ ปิติศักดิ์” กับ “นุ๊ก สุทธิดา” ได้ทำหน้าที่ความโรแมนซ์แทนที่ได้ดีกว่า…และดีกว่าเยอะมาก คงไม่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับนักแสดงรุ่นน้อง เพราะพวกเขาคือมืออาชีพที่มีชั่วโมงบินทางแอคติ้งสูงมากๆ แล้ว เพียงแค่ขยับเล็กน้อยกับสื่อทางสายตา ไม่ต้องพยายามอะไรมาก ทุกอย่างก็มีทั้งอินเนอร์และความรู้สึกออกมาอย่างอัตโนมัติ

ถึงแม้ รักนะ ซุปซุป จะมีประเด็นที่ค่อนข้างดี แต่บทภาพยนตร์และการเล่าเรื่องกลับทำพังไปหมด บทยังค่อนข้างอ่อนและเดินหมากตามสูตรสำเร็จไปเสียหน่อย ไม่มีอะไรที่เกินไปจากสิ่งที่คนดูคาดเดาได้ เพิ่มเติมด้วยความสัมพันธ์แปลกๆ ของคู่พระนาง ที่แทบไม่มีฉากให้รู้สึกว่าไปรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หนังพยายามสื่อให้เห็นว่าทั้งคู่รักและคิดถึงอยู่มากๆ จึงเป็นสิ่งที่คนดูไม่ได้รู้สึกอินใดๆ ดูหนังออนไลน์

ส่วนการสอดแทรกมุกตลกในหนังนั้น ได้ทำการใส่เข้ามาอย่างผิดจังหวะเกือบทั้งเรื่อง บางฉากกำลังเน้นอารมณ์ไปได้สวย แต่ดันเลือกตัดบทขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยความพยายามทำให้ตลก ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นความไม่ตลกเลยสักนิดเดียว และยังส่งผลต่อภาพรวมของหนังไปอย่างน่าเสียดายด้วย ขณะที่บทพูดของตัวละครต่างๆ ก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูประดิษฐ์ และบางจุดก็เป็นภาษาอ่านมากกว่าภาษาพูดด้วยซ้ำ ดูหนัง 

แต่อย่างไรก็ตาม รักนะ ซุปซุป ก็ยังมีสิ่งที่ชมเชยอีกจุดหนึ่งก็คือการถ่ายภาพ แม้ว่ามุมกล้องจะแปลกๆ การตัดต่อยังน่าขัดใจ แต่ภาพถ่ายที่ออกมาในหนังค่อนข้างคลุมโทนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะวิวในกรุงเทพฯ หรือบรรยายพื้นเมืองในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เป็นสิ่งที่ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างกลมกล่อมอยู่ในระดับหนึ่ง

โดยสรุปแล้ว รักนะ ซุปซุป เป็นหนังไทยที่ยังคงอยู่ในระดับมาตรฐานที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง การแสดงของคู่พระนางยังแบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ไม่ได้ แต่มีดีที่นักแสดงรุ่นพี่ในบทสมทบ บทหนังค่อนข้างอ่อนและเชยตามสูตรสำเร็จ แม้หนังจะโดดเด่นในการหยิบยกประเด็นได้น่าสนใจ แต่ยังล้มเหลวในการนำเสนอออกมาให้น่าติดตาม แม้จะเห็นถึงความพยายามที่หนังจะสื่อออกมา แต่ภาพรวมก็ยังถือว่าเป็นหนังไทยที่ยังมีจุดบกพร่องอยู่เยอะไปตลอดทั้งเรื่อง

โปรดัคชั่นโดยภาพรวมสำหรับเรื่องนี้ทำได้โอเคครับ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจมากมาย การจัดแสงก็ไม่ดี สาดหน้านักแสดงจนเป็นริ้วขาวโพลน บางครั้งแสงก็สะท้อนกับรองพื้นผิดเบอร์ของนักแสดงจนหน้าเทา การจัดฉากหลายฉากก็ดูโล่งๆ เหมือนเป็นเมืองและสถานที่ร้างๆ ไร้ผู้คน ไร้ความรู้สึกว่านี่คือห้องที่มีคนอาศัยอยู่ สีของภาพก็ดันอมเหลืองทั้งเรื่องจนความสวยงามมันหดหายไปหมด แต่พอเห็นเครดิตในตอนจบเรื่องว่าผู้กำกับนั้นทำแทบทุกอย่างด้วยตัวเองก็พอจะเข้าใจได้ว่าทำไมงานถึงเป็นแบบนี้ ก็ต้องนับว่าผู้กำกับเป็นคนที่เก่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าให้อภัยสักเท่าไหร่ กับการต้องให้ผู้ชมเสียเงินมาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ ด้วยคุณภาพที่เทียบกับมาตรฐานเรื่องอื่นไม่ได้ น่าผิดหวัง และรู้สึกว่าหากลงทุนกว่านี้หน่อย หรืออย่างน้อยๆ ก็ทำบทให้ดีกว่านี้ ความด้อยของงานด้านโปรดัคชั่นก็อาจไม่มีใครมองเห็นก็เป็นได้

สรุปโดยภาพรวมแล้ว รักนะ ซุปซุป จึงเป็นภาพยนตร์รักสไตล์มุสลิมที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ดูเป็นผลงานที่ควรจะอยู่ในจอโทรทัศน์มากกว่าจอภาพยนตร์ ตัวบทแสนเชย วิธีการเล่าธรรมดา บทพูดก็ละครมาก ยังขัดเกลาให้เป็นภาษาหนังได้ไม่คม มุขตลกแป๊กบ่อย การตัดต่อก็อยู่ผิดที่ผิดเวลาในหลายที ทำให้จังหวะเรื่องไม่ลื่น ดูแล้วไม่สนุก การแสดงของนักแสดงโดยภาพรวมนั้นถือว่าเป็นไม่กี่สิ่งในเรื่องที่ค่อนข้างดี งานโปรดัคชั่นโดยรวมนั้นทำได้ในระดับที่โอเค แต่ก็พอจะยกย่องและชื่นชมผู้กำกับได้ว่าเก่งกาจที่ทำแทบทุกอย่างเองแล้วงานยังมาในระดับนี้ได้…ใครอยากลองชมหนังรักอารมณ์ใหม่สไตล์คนทำอาหารอิสลาม หรือนักศึกษาภาพยนตร์คนไหนอยากลองชมงานคุณภาพแบบที่ผู้กำกับทำเองแทบทุกอย่าง เชิญชมในโรงภาพยนตร์เลยครับผม! ดูหนังออนไลน์ 4k

นี่คือหนังไทยอีกหนึ่งเรื่องที่นำเสนอเนื้อหาที่เราไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยด้วยกันเองเท่าไหร่ แต่สำหรับในหนังต่างประเทศ เราอาจผ่านตากับคอนเทนต์นี้มาบ้าง หนังว่าด้วยเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งทีอยากไปเติบโตในสายงานด้านการทำอาหารในร้านอาหารมุสลิมชื่อดัง โดยเธอมีภูมิหลังบางอย่างที่ทำให้เจ้าของและเชฟร้านอาหารชื่อดัง ต้องหันมาสนใจในตัวเธอ
จากหน้าหนังที่ดูมีความน่าสนใจในแบบที่เหมือนจะมีกลิ่นอายของ ratatouille ในเวอร์ชั่นของปักษ์ใต้-มลายู-มุสลิม ดูหนัง 4k 
แต่ไปๆมาๆ #รักนะซุปซุป กลายเป็นหนังที่ตลกขำลั่นโรงกว่า #พจมานสว่างคาตา เฉยเลย
คือเห็นความตั้งใจดีนะ แต่ไดอ่ะลอคคือขำไม่ไหวแล้วเพราะปวดตับกับบทพูดในหนังนั่นแหละ รวมๆสำหรับเราไม่แย่นะ อาจเป็นส่วนผสมที่ไม่ลงตัว อาจติดเรื่องบทและการแสดง แต่ก็ยังมีจุดที่ชอบอยู่ พอเห็นหัวใจที่คนทำอยากเล่าพวกFoodShotและงานทางโปรดักชั่นทำใช้ได้ อยากออกไปกินอาหารมลายูและซุปวัวเลย แถมยังได้ความรู้ใหม่ๆ ได้รู้จักเมนูใหม่ๆของอาหารมลายูด้วยนะ